หัวข้อ: คะลำ คืออะไร? เริ่มหัวข้อโดย: sangkhawong ที่ สิงหาคม 26, 2008, 04:05:08 pm คะลำ คืออะไร?
ในบรรดาคำสั่งสอน คำแนะนำ ข้อห้าม ข้อควรปฏิบัติในสังคมอีสานนั้น 'คะลำ' ถือว่าเป็นมรดกทางปัญญาอย่างหนึ่งที่ผลิตออกมาจากองค์ความรู้ของคนอีสาน ซึ่งได้รับอิทธิพลทั้งจากความเชื่อ บรรทัดฐาน ค่านิยม การทดลอง การปฏิบัติทั้งในแง่ส่วนบุคคลและจากการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในสังคมและเห็นว่าไม่ควรกระทำ ประพฤติ ปฏิบัติออกไป ทั้งนี้คะลำได้ครอบคลุมวิถีการดำเนินชีวิต แนวปฏิบัติด้านต่างๆในชีวิตประจำวัน หากจะเปรียบฮีตสิบสองคองสิบสี่เป็นรัฐธรรมนูญ คะลำคงจะเปรียบกับกฎหมายลูกหรือพระราชบัญญัติที่แยกย่อยออกมา กำหนดชี้เฉพาะ หรือให้รายละเอียดปลีกย่อยไปในแต่ละเรื่อง คะลำ , ขะลำ หรือ กะลำ บางท่านเชื่อว่ามาจากรากศัพท์ของคำว่า กรรม ซึ่งหมายถึงการกระทำ อันเป็นเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวันของคนอีสานในอดีต เนื่องจากคะลำเป็นข้อห้ามในการกระทำแสดงออกต่างๆ หรือสิ่งต้องห้าม ต้องเว้น ห้ามประพฤติปฏิบัติ ไม่สมควรที่จะกระทำ ทั้งกาย วาจาและใจ หากละเลย หรือล่วงละเมิดจะเป็นอัปมงคล เป็นบาปกรรม ผิดฮีตผิดคอง นำความเสื่อมเสีย และอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลที่ฝ่าฝืนรวมทั้งมีผลต่อสังคมที่อยู่ด้วย ดังนั้นคะลำจึงเป็นดังมาตรการหรือข้อห้ามในการควบคุมความประพฤติของคนในสังคมและเป็นกฏเกณฑ์ในการจัดความสัมพันธ์ของคนในสังคมด้วย ทั้งนี้อาจจะใกล้เคียงกับ 'ขึด' ของทางภาคเหนือ หรือข้อห้ามต่างๆที่มีในภาคกลางและภาคใต้ รวมทั้ง Taboo ในภาษาชาวเมลานีเชีย โดยได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาและหลายคนที่รับปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งลางครั้งหลายข้อกะลำไม่มีเหตุผลอธิบายรายละเอียดว่าเหตุใดจึงต้องคะลำ เห็นว่าเคยถูกสั่งสอนปฏิบัติสืบต่อกันมาจึงได้ปฏิบัติสืบต่อกันไป ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าคะลำหลายข้อได้บอกถึงผลข้างเคียงหรือผลจากการฝ่าฝืนไว้อย่างน่ากลัว น่า "เข็ดขวง" ซึ่งผู้ล่วงละเมิดจะได้รับ ดังนั้นข้อคะลำหลายข้อจึงมีลักษณะอย่างฟันธงว่า "เพราะว่าคะลำจึงห้ามประพฤติ !" ด้วยเหตุนี้คะลำซึ่งได้กลายเป็นเหตุผลของการห้ามคะลำไปในตัว มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองโดยปริยาย แต่ครั้นพอเวลาล่วงเลยผ่านบริบทแวดล้อมที่เปลี่ยนไป คะลำหลายข้อได้ถูกละเลย ละทิ้งและไม่ได้รับความสนใจที่จะประพฤติ ปฏิบัติดังที่เคยเป็นมา ทั้งที่หากพิจารณาถึงข้อคะลำโดยรวมทั้งหมดจะเห็นภาพชีวิตของคนที่ปรากฏในข้อคะลำทั้งหลายที่บัญญัติ ทั้งนี้การที่บัญญัติข้อคะลำออกมานั้น จำเป็นต้องได้รับประสบการณ์ก่อนจึงจะสามารถเข้าใจถึงผลที่จะเกิดจากการฝ่าฝืนข้อคะลำ เช่นนั้นคะลำจึงเป็นผลผลิตหนึ่งที่เกิดจากการกระทำที่เคยประสบมาในอดีต ภายใต้เงื่อนไขของสิ่งแวดล้อมและเวลาในขณะนั้น เพื่อกำหนดข้อประพฤติ ปฏิบัติของคนในสังคม หลายข้อแฝงด้วยปรัชญาของชีวิตและภูมิปัญญาที่คนอีสานในอดีตได้คิดค้นเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมและแบบแผนปฏิบัติเฉพาะบุคคลเพื่อความดี ความงามตามมาตรฐานสังคมและสวัสดิภาพของชีวิต โดยได้ถ่ายทอดในรูปแบบต่างๆทั้งมุขปาฐะ ซึ่งเป็นคำสอน ข้อห้ามโดยตรงในชีวิตประจำวัน และผ่านงานวรรณกรรมต่างๆ เช่น ผญา กลอนลำ วรรณคดี นิทานต่างๆ เป็นต้น ประเภทของคะลำ ทั้งนี้หากจะแบ่งประเภทของข้อคะลำแล้ว สามารถแบ่งออกกว้างๆตามสิ่งที่ได้ไปเกี่ยวข้อง หรือปฏิสัมพันธ์ได้ 3 ลักษณะคือ 1. ข้อคะลำที่สัมพันธ์กับบุคคล 2. ข้อคะลำที่สัมพันธ์กับสถานที่ 3. ข้อขะลำที่สัมพันธ์กับเวลา ซึ่งการแบ่งลักษณะดังกล่าวนั้นไม่ได้แยกออกจากกันเป็นอิสรภาพหากแต่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกัน ในลักษณะองค์รวมความรู้ของค่านิยม บรรทัดฐาน อุดมการณ์ อันจะครอบคลุมไปทั้งหมดของวิถีการดำเนินชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเกิด การอยู่ การกิน การนอน การเจ็บป่วย การแต่งงาน การตาย เป็นต้น ซึ่งจะจัดพฤติกรรมความสัมพันธ์ของผู้คนในระดับต่างๆ เพื่อผลที่น่าปรารถนาทั้งต่อระดับบุคคลและสังคม 1. ข้อคะลำที่สัมพันธ์กับบุคคล ข้อคะลำในหมวดนี้หากจะแบ่งย่อยออกไปเพื่อระบุให้ชัดเจนแล้ว อาจจะสามารถแยกออกไปได้ในส่วนของระดับหรือประเภทของบุคคลต่างๆในสังคม เช่น 1.1 สตรีมีครรถ์ ข้อคะลำที่สตรีมีครรถ์ไม่ควรประพฤติปฏิบัติในระหว่างช่วงดังกล่าวนั้น มีมากมายทั้งนี้เพื่อต้องการให้ทั้งแม่และเด็กสามารถที่จะประสบกับสวัสดิภาพของชีวิตให้มากที่สุด ซึ่งในจำนวนข้อขะลำทั้งหมดนั้นส่วนใหญ่มักจะเน้นหนักไปทางด้านอาหารการกิน(ของแสลง) แบบแผนที่ผู้เป็นว่าที่คุณแม่ควรนำมาประพฤติ ซึ่งห่างละเลยแล้วต้อง คะลำ ถือว่าไม่ดี ไม่งามไม่เหมาะสม หนักเข้าจะเป็นบาปกรรม เสื่อมเสียและอาจถึงแก่ชีวิต เป็นต้น ซึ่งหลายข้อคะลำบางข้อหากมองด้วยความรู้มาตรฐานโดยเฉพาะหลักสุขลักษณะตามหลักโภชนาการแม่และเด็กแล้วดูจะเป็นการขัดกันอยู่หลายข้อ แต่เมื่อพิจารณาตามสภาพแวดล้อมและเวลาในช่วงเวลานั้นของสังคมอีสาน ด้วยเงื่อนไข ขีดจำกัดทั้งแพทย์ วิทยาการรักษาแล้ว ความจำเป็นในสวัสดิภาพของชีวิตและเผ่าพันธุ์จึงจำเป็นต้องบัญญัติข้อคะลำตามที่บรรพบุรุษแนะนำไว้ จากประสบการณ์ที่เคยประสบอย่างเคร่งครัด เนื่องจากความเคารพนับถือแก่บุคคลที่กำเนิดเกิดก่อนผู้เฒ่าผู้แก่ในสังคมดั้งเดิม ซึ่งข้อคะลำที่นำมาเป็นตัวอย่างประกอบในการพิจารณามีดังนี้ ข้อคะลำในการปฏิบัติ เช่น - ห้ามอาบน้ำเวลากลางคืน เพราะน้ำคาวปลาจะมาก (ภูมิปัญญาแฝง : เพราะอาจจะหกล้มได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายต่อแม่และเด็กได้ เนื่องจากในอดีตต้องใช้ไต้ หรือกะบองในการให้แสงสว่างซึ่งอาจจะไม่เพียงพอ) - ห้ามข้ามเชือกที่กำลังล่ามวัวควาย ลูกออกมาจะเป็นคนตะกละตะกลาม (ภูมิปัญญาแฝง : เพราะอาจจะสะดุดเชือกหกล้มได้ หากวัวควายลุกเดินหรือวิ่งชน) - ห้ามนั่งขวางประตูบ้าน จะทำให้คลอดลูกยาก (ภูมิปัญญาแฝง : กีดขวางทางเข้าออกของผู้สัญจรไปมา) - ห้ามนั่งขวางบันไดบ้าน จะทำให้คลอดลูกยาก (ภูมิปัญญาแฝง : กีดขวางทางเข้าออกของผู้สัญจรไปมา) - คะลำเย็บที่นอน จะทำให้คลอดลูกยาก - (ภูมิปัญญาแฝง อาจจะเป็นเหน็บเนื่องจากนั่งนอนหรือเพ็งมากเกินไป) - คะลำไปงานศพ เดี๋ยวผีคนตายจะมาเกิดด้วย (ภูมิปัญญาแฝง : ไม่ต้องการให้แม่เด็กต้องพบเจอภาพที่ไม่สวยงาม ซึ่งจะส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ได้) - คะลำไปเบิ่งคนคลอดลูก เดี๋ยวเด็กในท้องจะชักชวนกันไปในทางไม่ดี (ภูมิปัญญาแฝง : ไม่ต้องการให้แม่เด็กต้องพบเจอภาพที่ไม่สวยงาม ซึ่งจะส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ได้) - คะลำปิดหน้าต่างประตู (ไม่บอกเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : ต้องการให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก) - คะลำตอกตะปู (ไม่บอกเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะกระเทือนต่อลูกในท้อง และรบกวนคนอื่น) - ห้ามตำหนิผู้อื่น ลูกออกมาจะบ่ดีเป็นเหมือนที่ตำหนิ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจส่งผลทางด้านอารมณ์และจิตใจ) - ห้ามทำท่าทางเลียนแบบคนพิกลพิการไม่สมประกอบ ลูกออกจะเหมือนอย่างที่ทำ (ภูมิปัญญาแฝง : ไม่เหมาะสม ไม่ดีไม่งาม แสดงถึงความไม่มีมารยาท) - คะลำนั่งยองๆ (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจส่งผลกระทบกระเทือนถึงลูกในท้องได้) - คะลำนั่งชันเข่า (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจส่งผลกระทบกระเทือนถึงลูกในท้องได้) - คะลำนั่งคุกเข่า (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจส่งผลกระทบกระเทือนถึงลูกในท้องได้) - คะลำพลิกด้านใบตอง (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำเผาหอย เผาปู (ไม่ทราบเหตุผล) - ห้ามเดินเร็ว ให้เดินช้า (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะหกล้มได้รับอันตรายได้) - คะลำขึ้นที่สูง (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะตกลงมาได้รับอันตรายได้) - คะลำนั่งบนที่สูง (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะตกลงมาได้รับอันตรายได้) - คะลำนั่งลงแรงๆ (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อลูกในครรภ์ได้) - คะลำนอนหงาย นอนคว่ำ (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อลูกในครรภ์ได้ หรือหากนอนหงายอาจล่อแหลมที่จะเกิดอุบติเหต ุ เช่น สิ่งของหล่นใส่ คนเดินไปมาหกล้มใส่เป็นต้น) - ห้ามอาบน้ำร้อน (ไม่ทราบเหตุผล) - ห้ามอาบน้ำสกปรก - ห้ามเอาครกกับสากแช่อยู่ด้วยกัน จะทำให้คลอดลูกลำบาก - (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาทที่งดงามแก่ผู้ที่จะเป็นแม่) - ห้ามชะโงกดูน้ำในบ่อ (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะวิงเวียนและตกลงไปได้) - ห้ามเดินข้ามขัว(สะพาน) (ไม่ทราบเหตุผล) (ภูมิปัญญาแฝง : ในอดีตสะพานทั่วไปจะมีลักษณะเป็นท่อนไม้ขนาดเล็กพอที่คนเดียวจะเดินข้ามได้ ดังนั้นอาจจะเป็นอันตรายได้) เป็นต้น ข้อคะลำเรื่องอาหาร เช่น - คะลำกินกล้วยแฝด จะได้ลูกแฝด - คะลำกินเนื้อควายเผือก (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินอาหารที่ติดอยู่กับไม้ย่าง (ภูมิปัญญาแฝง : ดูแล้วไม่งาม ไม่เหมาะสม) - คะลำกินผักข่า (ผักชะอม) (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินปลาเพี้ย (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินปลาชะโด (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินไข่ (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินเผือกมัน (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินเห็ด (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินอาหารรสจัด - คะลำกินเนื้อเต่าเพ็ก (เต่าตัวเล็ก) (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินเนื้อตะพาบน้ำ (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินแมลง แตน ต่อ (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินปลาร้า (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินของดองมึนเมา - คะลำกินเนื้อกระต่าย (ไม่ทราบเหตุผล) - คะลำกินข้าวจี่ - คะลำกินเมล็ดมะขามคั่ว - คะลำกินอาหารที่มีไขมัน เป็นต้น 1.2 สตรีแม่ลูกอ่อน แม่ลูกอ่อนหรือผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกใหม่ ยังอยู่ในภาวะที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งชีวิตของผู้เป็นแม่และทารกที่เพิ่งคลอดได้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงยังมีข้อประพฤติ ปฏิบัติหรือข้อห้ามข้อคะลำที่ผู้เป็นแม่ลูกอ่อนต้องคะลำอยู่หลายอย่าง ข้อคะลำในการปฏิบัติ เช่น - ห้ามเดินไปไหนไกลๆ คะลำ - ห้ามเดินเร็ว ให้เดินช้าๆ (ภูมิปัญญาแฝง : หากประสบอุบัติเหตุอาจจะเป็นอันตราย เช่น ตกเลือด หรือกระทบกระเทือนบาดแผลที่ยังไม่หายสนิท) - ห้ามนั่งยองๆ หรือนั่งพับเพียบ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะเป็นอันตรายหรือพระทบกระเทือนต่อบาดแผลได้) - ห้ามไกลเปล อู่ที่ว่างของเด็กทารก จะทำให้ผีมาเอาเด็กไป - (ภูมิปัญญาแฝง : ผู้เชื่อโชคลางเห็นว่าเป็นลางไม่ดี เท่ากับแช่งให้เด็กตาย) - ห้ามให้ใครข้ามเปล อู่เด็กทารก จะทำให้เด็กร้องไห้งอแง ไม่ยอมหลับนอน (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะหกล้มหรือมีสิ่งของหล่นใส่เด็กเป็นอันตรายได้) - ห้ามกล่อมลูกเวลากลางคืน (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะก่อความรำคาญ รบกวนผู้คนที่ยังหลับนอนอยู่) - ห้ามหลับนอนกับสามี - ห้ามนอนใกล้กับสามี - ห้ามนอนหัวสูง (ไม่ทราบเหตุผล) - ห้ามนอนหงาย - ห้ามนอนนอกมุ้ง - ห้ามนอนกลางวัน - ขณะอยู่ไฟ (อยู่กรรม) ห้ามออกห่างหม้อไฟเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ - ห้ามทำงานบ้าน (คะลำเวียก) (ภูมิปัญญาแฝง : ยังไม่แข็งแรง อาจกระทบกระเทือนต่อสุขภาพและบาดแผลได้) - ห้ามนำเด็กทารกออกจากชายคาบ้าน คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เด็กยังไม่แข็งแรง กะโหลกศรีษะยังไม่หุ้มดี อาจจะไม่สบายได้ง่าย) - ห้ามเอารกเด็กไปฝัง เพราะจะทำให้เด็กปัญญาทึบ (ภูมิปัญญาแฝง : เกรงว่าหากฝังไม่มิดชิด สัตว์ป่าหรือสุนัข สัตว์เลี้ยงอาจมาคุ้ยเขี่ยได้) - ให้ซักผ้าอ้อมก่อนเพล(ประมาณเที่ยง) และให้ถือขมิ้นและมีดน้อยๆไปด้วย มิเช่นนั้นจะทำให้ผีร้ายตามมาเอาตัวเด็กไปได้ (ภูมิปัญญาแฝง : หากมัวชักช้าโอ้เอ้อาจจะทำให้เสียการงานอย่างอื่นไปด้วย บังคับทางอ้อม) เป็นต้น ข้อคะลำเรื่องอาหาร ทั้งนี้เชื่อว่าหากรับประทานเข้าไปแล้วจะก่ออันตรายต่อแม่ลูกอ่อน เป็นของแสลง ผิดสำแดง ซึ่งหากพิจารณาตามหลักโภชนาการแล้ว เข้าใจว่าสิ่งของที่คะลำนั้นยากต่อการย่อยเผาผลาญ และอาจมีผลต่อร่างกายที่ยังอ่อนแอของแม่และอาจมีผลต่อลูกได้ ตัวอย่างคะลำ เช่น - ห้ามกินเนื้อควายเผือก - ห้ามกินไข่มดแดง - ห้ามกินของหมักดอง - ห้ามกินผักชะอม - ห้ามกินฟัก - ห้ามกินดอกขี้เหล็ก - ห้ามกินใบสะระแหน่ - ห้ามกินกล้วยหอม - ห้ามกินข้าวก่ำ (ข้าวเหนียวดำ) - ห้ามกินเนื้อหมู - ห้ามกินเนื้อกระต่าย - ห้ามกินเป็ดเทศ - ห้ามกินห่าน - ห้ามกินแมงดานา - ห้ามกินปลาร้า - ห้ามกินปลาชะโด - ห้ามกินปลาอีจน - ห้ามกินปลาสลิด - ห้ามกินเห็ดขาว เห็ดกะด้าง - ห้ามกินตะพาบน้ำ - ห้ามกินหน่อไม้ - ห้ามกินปลาหมึก - ห้ามกินมะละกอสีม่วง - ห้ามกินน้ำเย็น - ห้ามกินไก่งวง - ห้ามกินใบโหระพา - ห้ามกินสะเดา - ห้ามกินปลาเพลี้ย - ห้ามกินปลานกเขา - ห้ามกินปลาอีวน - ห้ามกินเต่าเพ็ก เป็นต้น 1.3 คนเจ็บป่วย ข้อคะลำสำหรับคนเจ็บป่วยนั้น โดยภาพรวมเป็นข้อที่ห้ามปฏิบัติของผู้ป่วยในแต่ละ โรค ซึ่งจะบอกกล่าวโดยรวมทั่วไปว่าสิ่งใดควรเว้นควรไม่กระทำ หลีกเลี่ยงแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้ป่วย ทั้งนี้ขอให้พิจารณาภายใต้เงื่อนไขของสังคมอีสานในอดีตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ต้องช่วยเหลือดูแลตัวเอง ทั้งนี้ความก้าวหน้าทางการแพทย์ สาธารณสุขที่ยังไม่สามารถย่างกรายเข้ามาในสังคมดังกล่าว และได้สืบทอดปฏิบัติสืบต่อกันมานับหลายร้อยปีจากการสังเกต ลองถูกลองผิด สั่งสมเป็นข้อคะลำที่ควรระลึกไว้ ซึ่งจะขอยกตัวอย่างมาดังนี้ - ห้ามกินหมากไม้ทุกชนิด เช่น กล้วยน้ำว้า ฝรั่ง มะม่วง ทุเรียน ลำไย อ้อย มะละกอ สับปะรด - ห้ามกินถั่วฝักยาว - ห้ามกินของรสเปรี้ยว - ห้ามกินข้าวต้มห่อ - คนเป็นวัณโรคห้ามกินของหมักดอง เช่น ปลาส้ม สัมวัว หน่อไม้ดอง - คนเป็นไออย่ากินหมากเขือ กุ้ง ปลาซิว ส้มตำ มะเกลือ อาหารรสจัด หัวกลอย หัวมัน เพราะมันจะทำให้คันคอ ไอไม่หยุด - คนถูกหมาว้อ(หมาบ้า)กัด บ่ให้กินลาบเทา(สาหร่ายชนิดหนึ่ง) มันจะเป็นบ้าคือเก่า - บ่ให้ผู้หญิงเป็นระดูเก็บผักอีเลิศ ผักสะระแหน่ ผักมันจะตายหมด - คนป่วยนอนบนฟูก จะทำให้หายป่วยช้า - คนเป็นฝีหนอง เป็นหิด กลากเกลื้อน ห้ามกินไก่และของหมักดอง - คนเป็นคางทูม ห้ามกินไข่ - คนเป็นโรคประสาทห้ามกินน้ำมันหมู เป็นต้น 1.4 เด็กเล็ก เด็กถือว่าเป็นวัยที่จะต้องเติบใหญ่ เป็นผู้สืบทอดความรู้ รักษาระเบียบแบบแผนของสังคมในอนาคตต่อไป จึงเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องมีการปลูกฝังแบบแผนความประพฤติในสังคมอีสานโดยผ่านคะลำ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ และควบคุมพฤติกรรมของเด็กให้อยู่ในระเบียบแบบแผนที่พึ่งปรารถนาของสังคม และเป็นการเพาะกล้าของความคิด ความรู้ ค่านิยม อุดมการณ์ บรรทัดฐานบางอย่างให้แก่คนจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งด้วย ซึ่งข้อคะลำที่ผู้ใหญ่นำมาใช้กับเด็กรุ่นหลังมักจะเป็นลักษณะการปราบและปรามพฤติกรรมที่ไม่พึ่งปรารถนา และแสดงถึงผลที่ฝ่าฝืนข้อห้ามข้อคะลำดังกล่าวให้น่ากลัว หรือบางครั้งจะไม่แสดงเหตุผลแต่จะบอกว่าคะลำ ซึ่งนั้นมักจะทำให้เด็ก(ส่วนใหญ่)สยบยอมต่อข้อคะลำเหล่านั้น พร้อมกันนั้นยังเป็นการควบคุมหรือบอกข้อควรปฏิบัติระหว่างผู้ใหญ่ต่อเด็ก และบางข้อยังสามารถใช้กับบุคคลทั่วไปได้ด้วย, ทั้งนี้ภายใต้บริบทแวดล้อมในขณะนั้นที่เป็นตัวหล่อหลอมความคิด การรับฟัง เชื่อถือผู้ใหญ่ที่เกิดมาก่อนด้วย ซึ่งตัวอย่างข้อคะลำที่ยกมามีดังนี้ - ห้ามทักว่าเด็กที่เกิดใหม่ว่าน่ารัก เพราะถ้าผีรู้จะตามมาเอาตัวเด็ก หรืออายุเด็กจะสั้น (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นการปรามทั้งตัวแม่เด็กและตัวเด็กที่เกิดขึ้นมาไม่ให้หลงระเริงต่อคำชมยกย้อป้อปั้น สร้างนิสัยไม่พึ่งปรารถนาตามมา) - อย่าป่อน(หย่อน)เด็กเล็กลงเรือน เป็นเชิงหยอกล้อ เพราะจะทำให้เด็กอายุสั้น (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะเกิดอุบัติเหตุเด็กพลัดตกลงไป และอาจจะอายุสั้นจริงๆได้) - ห้ามเอาจิ้งหรีดมากัดกันเล่น ฟ้าจะผ่าเอาได้ (ภูมิปัญญาแฝง : ควบคุมพฤติกรรมที่ควรประพฤติ ให้มีจิตใจเมตตา) - อย่าให้เด็กนั่งบนหลังสุนัข จะทำให้เด็กนิสัยเหมือนสุนัข (ภูมิปัญญาแฝง : สุนัขอาจแว้งมากัดเป็นอันตรายได้ และไม่ให้รังแกสัตว์) - อย่านั่งหันหลังขณะที่นั่งบนหลังวัว ควาย จะเป็นอัปมงคล (ภูมิปัญญาแฝง : มองไม่เห็นทาง ควบคุมสัตว์ไม่ได้ อาจตกลงมาเป็นอันตรายได้) - อย่าเคาะหรือตีหัวเด็ก จะทำให้เด็กปัสสาวะรดที่นอน (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะกระทบกระเทือน เป็นอันตรายต่อสมองของเด็กได้) - อย่าตีหัวแมว เพราะเมื่ออายุมากจะทำให้ศรีษะสั่น (ภูมิปัญญาแฝง : ห้ามรังแกสัตว์ให้มีเมตตา) - ห้ามนอนกินอาหาร จะเป็นงู (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะมีผลต่อระบบย่อยอาหาร และฝึกมารยาทที่เหมาะสม) - ห้ามเล่นข้าวสาร จะทำให้มือด่าง (ภูมิปัญญาแฝง : ข้าวเป็นอาหารไม่ควรนำมาเล่น และเป็นการสอนให้รู้สำนึกในคุณข้าวด้วย) - เด็กขณะพูดกับผู้ใหญ่อย่าอมนิ้ว (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาท และบุคลิกภาพ) - ห้ามจับหางสุนัข จะทำให้สุนัขกินลูกไก่ (ภูมิปัญญาแฝง : สุนัขอาจจะรำคาญและแว้งกัดทำอันตรายได้) - ด่าพ่อแม่บุพการีผู้มีพระคุณ ตายไปจะเป็นเปรตปากเท่ารูเข็ม (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังจริยธรรม และมารยาท ค่านิยมและควบคุมพฤติกรรมของเด็กและบุคคลทั่วไป) - อย่าเดินใกล้ผู้ใหญ่ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยามสังคม พฤติกรรมที่เหมาะสม) - อย่าลักขโมยของพ่อแม่ จะทำใหตีนบาทสั้นมือฮี - (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังจริยธรรม คุณธรรมและศีลธรรม) - ห้ามโกหกหลอกลวง - อย่าเดินข้ามขาผู้ใหญ่ ขาจะด้วน (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังจริยธรรม มารยาทสังคม) - ห้ามเด็กกินไข่ร้างรัง - ห้ามเด็กทารกที่ฟันยังไม่ขึ้นส่องกระจก - ภูมิิปัญญาแฝง : ปลูกฝังจริยธรรม พฤติกรรมให้เหมาะสมกับวัย) - ห้ามเด็กกินไส้และพุงปลาช่อน - ห้ามตีก้นเด็ก จะทำให้เด็กเป็นซางตานขโมย - เวลาอุ้มเด็กทารกห้ามพูดหนักหรือเบาเกินไป - ห้ามเป่าลมปากใส่หน้าเด็ก - (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะมีเชื้อโรคติดต่อไปยังเด็กได้) - เวลาอุ้มเด็กห้ามโยนเด็ก - (ภูมิปัญญาแฝง : เด็กอาจจะหลุดมือ เป็นอันตรายได้) - ห้ามเด็กกินจาวมะพร้าว - ห้ามเด็กกินเครื่องในไก่ จะทำให้เป็นดื้อด้าน ดื้อรั้น - (ภูมิปัญญาแฝง : ตามหลักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันอวัยวะดังกล่าวมีสารเคมีที่เป็นพิษเจือปนอยู่) เป็นต้น 1.5 ผู้ที่ร่ำเรียนวิชาความรู้ เช่น ผู้เรียนไสยศาสตร์ หมอยา (หมอยาสมุนไพร หมอยากระดูก หมอยาเป่า) หมอธรรม ถือว่าเป็นปูชนียบุคคลสำคัญในสังคมอีสานเมื่อครั้งอดีต เนื่องจากเป็นทรัพยากรบุคคลที่จำเป็นต่อวิถีชีวิต ซึ่งจะเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ต่อคนอีสานทุกเพศทุกวัย เนื่องจากในช่วงเวลาวิกฤติของชีวิต เช่น การเกิด การเจ็บป่วย การตาย และงานพิธีกรรมต่างๆ บุคคลดังกล่าวต้องได้รับเชิญมาประกอบพิธีกรรม หรือไม่มักจะเป็นข้อขะลำส่วนตัวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณวิชาที่ตนเรียนมา ดังนั้นในส่วนของฮีตปฏิบัติของบุคคลดังกล่าวจึงต้องเคร่งครัดเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณความดีความสามารถของตนเองและสร้างความนาเชื่อถือศรัทธาแก่ผู้พบเห็น ซึ่งข้อคะลำบางกล่าวอาจจะหาเหตุผลมาชี้แจงได้ชัดเจน ทั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องของศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมหรือจรรยาบรรณที่ผู้ร่ำเรียนทางด้านนี้ต้องมี เชื่อกันว่าสำหรับผู้ที่เรียนคาถาอาคมหากฝ่าฝืนจะมีอาการผิดครู อาจจะเกิดสิ่งไม่ดีต่อตนเอง เช่น คาถาอาคมเสื่อม เป็นบ้า เป็นผีปอบ เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างของข้อคะลำมีดังนี้ เช่น - ห้ามลอดใต้ราวตากผ้า จะทำให้วิชาคุณไสยจะเสื่อม - ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน - ห้ามลอดเครือกล้วยที่ใช้ไม้ค้ำไว้ - ห้ามลอดกี่ทอผ้า - ห้ามลอดจ่อ (เครื่องมือเลี้ยงตัวไหม) - ห้ามลอดใต้บันได - ห้ามกินฟักทอง - ห้ามกินแตง - ห้ามกินฟัก แฟง - ห้ามกินมะเฟือง - ห้ามกินผักกระถิน (ภาษาอีสานเรียกผักกะเสด) นอกจากว่าเวลาที่กินนั้นไม่มีใครเรียกว่าผักกะเสด จึงจะสามารถกินได้ เนื่องจากถือว่าเป็นของเศษเหลือเดน - ห้ามกินอึ่งอ่าง - ห้ามกินปลาไหล - ห้ามกินน้ำเต้า - ห้ามกินเนื้อควาย - ห้ามเล่นชู้ - ห้ามกินอาหารใดในงานศพ จะทำให้คาถาอาคมที่เรียนมาเสื่อม - เวลากินข้าว ห้ามไม่ให้เอามือไปชนกับมือคนอื่นที่ร่วมสำรับ มันคะลำ - ห้ามดื่มสุราที่เหลือจากคนอื่นดื่มไปแล้ว - ห้ามกินเนื้องู เนื้อสุนัข เนื้อแมว เนื้อม้า และเนื้อเต่า มันคะลำ นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำข้อห้ามปฏิบัติของผู้ที่มีวิชาอาคมที่สอดคล้องกับอาชีพหลักของครอบครัว ซึ่งจะจำเพาะเจาะจงว่าเป็นคะลำอย่างยิ่ง เช่น ผู้มีอาชีพคล้องช้าง, ทั้งนี้ข้อคะลำดังกล่าวยังได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆข้างเคียงด้วย เช่น ภรรยาคู่ชีวิต อีกนัยหนึ่งอาจจะสอดคล้องกับข้อที่ควรปฏิบัติของผู้เกี่ยวข้อง อาจจะเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ไปคล้องช้าง และเป็นอุบายตักเตือนห้ามปรามผู้ที่อยู่บ้านปฏิบัติตนให้เหมาะสมทั้งกาย วาจา และใจเพื่อรอคอยผู้ชายที่ออกไปคล้อง และข้อเตือนใจเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่อยู่บ้าน เป็นการป้องกันสวัสดิภาพไปด้วย ซึ่งข้อคะลำของภรรยาหรือฝ่ายหญิงที่อยู่เรือน นับตั้งแต่ฝ่ายสามี ฝ่ายชายออกเดินทางออกไปทำกิจดังกล่าว คือ - ห้ามตัดผม - ห้ามหวีผม - ห้ามแต่งหน้า - ห้ามพูดคุยกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะผู้ชาย - ห้ามรับญาติมาพักอาศัยอยู่ภายในบ้าน - ห้ามกวาดบ้านไปทางด้านทิศเหนือ - ห้ามไปไกลจากบ้านของตน - ห้ามกล่าวคำหยาบโลน - ห้ามแสดงอาการโกรธขึ้ง - ห้ามนั่งบนบันได - ห้ามปีนต้นหม่อน - ห้ามทิ้งของลงจากเรือน เว้นแต่ว่ามีคนรอรับอยู่ข้างล่าง - ห้ามถอนฟืนออกจากเตาขณะที่กำลังหุงต้ม - ต้องกราบไหว้เทวดา ผีรักษาทุกคืนก่อนนอน เป็นต้น 1.6 บุคคลทั่วไป นอกเหนือจากข้อคะลำของประเภทบุคคลข้างต้นดังที่กล่าวไปแล้ว ยังมีข้อคะลำที่ห้ามประพฤติ ปฏิบัติของบุคคลทั่วไปอยู่มากมาย โดยข้อคะลำของบุคคลทั่วไปที่นำตัวอย่างมากล่าวนี้ จะเป็นการบอกโดยรวมอาจจะไม่ใคร่สัมพันธ์กับเวลาหรือสถานที่มากนัก ทั้งนี้จะไม่เจาะจงสถานที่หรือกำหนดห้วงเวลาที่ชัดเจน บอกเพียงว่าอย่าปฏิบัติเท่านั้น เช่น - ห้ามแช่ครกและสากไว้ด้วยกัน มันคะลำ ถ้าเป็นหญิง(ทั้งแต่งงานและยังไม่แต่ง) จะคลอดลูกยาก (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาท ความสนใจเอาใจใสในครัวเรือน นิสัยที่ดีงามแก่สตรี) - อย่าเดินข้ามไม้คาน - อย่าวางขันแช่ไว้ในตุ่ม โอ่ง - ห้ามด่าลมฟ้าอากาศต่างๆ - ห้ามเดินข้าม หรือนั่งทับหนังสือ มันจะปึก(ปัญญาทึบ) - ห้ามเย็บเสื้อผ้าตัวที่กำลังใส่กับตัวอยู่ - ห้ามเอามีด พร้ามาหยอกกันเล่น (ภูมิปัญญาแฝง : อาจพลาดเป็นอันตรายได้) - ปล่อยให้น้ำดื่ม น้ำใช้ในโอ่งตุ่มแห้งขอดจนหมด คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน) - ปักจอบ จอบ เสียบคาดินไว้มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะเป็นอันตรายแก่ผู้เดินไปมา และเครื่องมือเครื่องใช้อาจขึ้นสนิท หรือถูกขโมยไปได้) - ผู้หญิงกินขาไก่ ปีกไก่ มันคะลำ จะทำให้เป็นคนไม่ดี แย่งสามีคนอื่น - ข้าวสารหมดเกลี้ยง คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังความรับผิดชอบต่อหน้าที่) - ข้าวเหลือกินในป่าต้องนำกลับทุกเม็ด (ภูมิปัญญาแฝง : สัตว์ป่าอาจตามมากินถึงในหมู่บ้านได้) - ใช้เท้าเขี่ยเสื้อผ้า คะลำ - ผู้หญิงผิวปาก คะลำ จะได้ผัวเฒ่า - ห้ามตีวัวตีควายในคอก มันคะลำ - ห้ามตีหลังสัตว์เลี้ยง เช่น หมู วัว ควาย คะลำ - ผู้หญิงเล่นการพนัน สูบบุหรี่ มันคะลำ - เด็กนั่งสูงกว่าผู้ใหญ่ มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาทสังคม) - นั่งกระดิกเท้า กระดิกมือ คะลำ ทำให้ยากจน หากินบ่คุ้ม (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาทสังคม และบุคลิกภาพ) - เอาหมอนตีกัน มันคะลำ - ข้ามร่างกายคนกำลังนอนหลับ คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาทสังคม และบุคลิกภาพ) - อย่าเอาด้ามไม้กวาดตีหรือหยอกล้อกัน มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นสิ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นของต่ำ และเศษฝุ่นสิ่งสกปรกด้านที่กวาดอาจจะถูกเปรอะเปื้อนคนจับได้) - อย่าเทน้ำกินที่เหลือลงแอ่ง มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นของเศษเหลือกินไม่เหมาะสม และผิดหลักสุขลักษณะด้วย) - อย่าเหยียบย่ำบนหมอน ของสูงเป็นบาป (ภูมิปัญญาแฝง : สำหรับหนุนหนอนไม่สมควรมาเหยียบเล่นให้สกปรก และรักษาสิ่งของให้ใช้ได้นาน เพราะไม่มีขายต้องทำเองด้วย) - ปูเสื่อสาดให้ถูกลายถูกด้าน - อย่าปูเสื่อสาดหันหัวไปทางทิศตะวันตก ทิศคนตาย - อย่าเอามือประสานกันขัดไว้หลังท้ายทอย มันคือผีบ้า คนไร้ความคิด - (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังบุคลิกภาพให้เหมาะสม) - อย่าเอามือตบปากเสียงดัง มันจะหาไม่พออยู่พอกิน (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังบุคลิกภาพและมารยาทสังคม) - อย่านอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก - อย่าเอาด้านขวางของหมอนมาหนุน มันคะลำ - อย่าปีนคำเว้าผู้ใหญ่(ปีนเกลียว) - อย่าเลียคมมีด - อย่าเอาหอกค้างหาว อย่าเอาต้าวค้างควน(ควัน) (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะตกลงมาถูกคนบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายด้วย) - อย่านอนแงง(ส่อง)ดาบ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะหล่นหรือพลาดมือถูกผู้ส่องได้) - อย่าคาบนมเมีย (ภูมิปัญญาแฝง : อาจเผลอกันได้) - อย่าเลียคมมีด - ไปบ่ลา มาบ่คอบ (ไปไม่ลา มาไม่ไหว้) คะลำ - อย่าป้อย(สาป)แซ่งเสียงดัง (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาทสังคม) - อย่าแน(เล็ง)มีดใส่หัว อย่าแนปืนใส่เขา (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะพลาดและเป็นอันตรายได้) - อย่าเวียนหวดข้าว (ภูมิปัญญาแฝง : ในอดีตเตาหุงหาอาหารจะเป็นก้อนเสาสามก้อน อาจจะเดินเตะท่อนฟืนหรือก้อนเส้าได้) - อย่าตั้งหม้อข้าวเอียง คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : หากหม้อข้าวเดือนอาจหกเสียหาย หรือถูกคนเป็นอันตรายได้) - อย่าเอาฟืนเคาะก้อนเส้า มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ก้อนเส้าอาจจะแตกเสียหายได้) - อย่าเอามีดสับเขียงเปล่า มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ทำให้สิ่งของเสียหาย และทำให้เสียงดังก่อความรำคาญแก่คนอื่น) - อย่าตำครกเปล่า มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ทำให้สิ่งของเสียหาย และทำให้เสียงดังก่อความรำคาญแก่คนอื่น) - อย่าเอาสากเคาะปากครก มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ทำให้สิ่งของเสียหาย และทำให้เสียงดังก่อความรำคาญแก่คนอื่น) - อย่าเดินข้ามหม้อข้าวหม้อแกง มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจเดินเตะข้าวของเสียหายได้ รวมทั้งไม่เหมาะสม ไม่มีมารยาทและเป็นการลบหลู่ ไม่แสดงอาการเคารพสิ่งของเครื่องใช้ดำรงชีพด้วย) - อย่าเอาช้อนเคาะถ้วยชามเล่น มันบ่พออยู่พ่อกิน (ภูมิปัญญาแฝง : ข้าวของเสียหายได้ รวมทั้งไม่เหมาะสม ไม่มีมารยาทและเป็นการลบหลู่ ไม่แสดงอาการเคารพสิ่งของเครื่องใช้ดำรงชีพด้วย) - อย่ายืนตักข้าวสารเวลาม่าข้าว(แช่ข้าวเหนียว) มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะผู้จัดการดูแลในเรื่องครัวเรือน และจะนุ่งผ้าถุง การยืนตักข้าวสารอาจจะมีฝุ่นละอองข้าว ทำให้ผิวหนังคันได้ รวมทั้งยังเป็นการแสดงอาการลบหลู่คุณข้าว และดูไม่เหมาะสม ไม่งาม) - อย่าล้วงข้าวจากกระติ๊บที่ห้อยอยู่ (ภูมิปัญญาแฝง : ปกติคนอีสานจะแขวนกระติ๊บข้าวเหนียวบนตะขอเหล็กป้องกันมันและหนู แมลงมากิน ดังนั้นการล้วงข้าวในกระติ๊บที่ยังห้อยอยู่อาจจะทำให้กระติ๊บและข้าวอาจตกลงพื้นได้ รวมทั้งยังเป็นการแสดงการลบหลู่คุณข้าว และเป็นกริยาไม่งามด้วย) - ห้ามเอาซิ่นใช้แล้วไปห่อใบลาน (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นการแสดงอาการไม่เคารพ) - อย่าเอาดินจี่(อิฐ)จากธาตุเข้าบ้าน - เพิ่นบ่เอิ้น(ไม่เรียก)โตขาน เพิ่นวานโตซ่อย(ช่วย) คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : สอนมารยาทให้รู้จักกาลเทศะ สิ่งใดควรไม่ควรทำ ไม่ควรถือวิสาสะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น) - ชายหญิงนั่งใกล้กัน หญิงสาวไปเที่ยวกลางคืนลำพังหรือไปกับชายสองต่อสอง คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นมาตรการป้องกันเรื่องชู้สาว ผิดทำนองคองธรรมและเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติของหนุ่มสาวให้อยู่ในกรอบศีลธรรมจรรยา) - ผู้หญิงบ่ให้ใกล้องค์พระธาตุ (?) - ไปเอาบุญก่ายบ้าน บ่ฮู้แลงฮู้งาย มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน) - บ่ให้นั่งเขียง หินฝนมีด มันซิหนักก้น ชาติหน้าก้นจะใหญ่ (ภูมิปัญญาแฝง :ปลูกฝังมารยามสังคม และรักษาสิ่งของเครื่องใช้) - บ่ให้ล้างถ้วยล้างชามใส่กับข้าวที่เพื่อนบ้านนำมาส่ง ให้ส่งคืนทั้งที่ไม่ได้ล้าง มิเช่นนั้นจะทำให้โกรธเคืองกัน (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นปรัชญาหมายถึงให้คนที่รับอาหารของเพื่อนบ้านมา เอาอาหารกับข้าวของตัวเองใส่ลงแล้วส่งไปแทนจะได้ไม่ต้องล้าง เป็นการแลกเปลี่ยนแก่กัน) - บ่ให้กินน้ำต่ง(รอง)กันมันจะทำให้เป็นข้าข่อยกัน (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นหลักสุขลักษณะ) - บ่ให้เอาควายมานอนน้ำขี้สีก(น้ำคร่ำใต้ถุนบ้าน) มันคะลำ - ผู้สาวบ่ให้สีก(ฉีก)ปลาร้า มันจะเอ้(แต่ง)บ่ขึ้น - ผู้หญิงยืนเยี่ยว คะลำ - ผู้สาวบ่ให้กินไข่ร้างรัง มันซิเป็นแม่ฮ้าง (แม่หม่าย) - อย่าปีนต้นมะยม มะยมจะเปรี้ยวมาก มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : กิ่งมะยมเปราะอาจจะหัก เป็นอันตรายได้) - อย่าเอาไม้ขว้างปามะขามหวาน มันจะเปรี้ยว (ภูมิปัญญาแฝง : มะขามเป็นของหายาก ผู้คนจึงมักมาเก็บมะขาม ถ้ามีคนใดใจร้อนขว้างเอา อาจจะทำให้พลาดไปถูกคนอื่นได้) - เดินข้ามเบ็ดตกปลา ปลาบ่กินเบ็ด คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจพลาดเหยียบเบ็ดหักเสียหาย หรือเบ็ดอาจเกี่ยวเท้าเอาได้) - เดินข้ามมีด ของมีคม ทำให้ไม่คม คะลำ - (ภูมิปัญญาแฝง : มีดหรือของมีคมอาจบาดเอาได้) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำที่สัมพันธ์กับความเชื่อเรื่องลาง เรื่องโชคชะตาต่างๆ เช่น - หนูร้องเสียงดังประหลาดเวลากลางคืน คะลำ คนในบ้านจะเจ็บป่วย ไม่ดี - ตัวบึ้งเดินผ่านหน้าในช่วงแดดจัด คะลำ เป็นลางไม่ดีต่อตัวเองและญาติมิตร - กาหลายตัวร้องและบินวนเวียนไปมา คะลำอาจเกิดเหตุร้าย - กิ้งก่า จิ้งจก ไต่ตามตัว คะลำ จะมีเคราะห์ - งูขึ้นไปอยู่บนเรือน คะลำ จะมีเคราะห์ร้าย - งูเลื้อยผ่าน จะโชคดี หมาน - ข้าวเหนียวนึ่งจนสุกแล้วเป็นสีแดง คะลำ ไม่ดีจะมีเคราะห์ต้องนำไปถวายพระ - สุนัขตกลูกบนเรือน ไม่ดี คะลำ เป็นอัปมงคล - อีแร้ง นกแสกจับเฮือน บินผ่านเรือน จะมีเคราะห์ เป็นต้น 2. ข้อคะลำที่สัมพันธ์กับสถานที่ ในส่วนของคะลำที่สัมพันธ์กับสถานที่ ทั้งที่เป็นสถานที่ซึ่งคนสร้างขึ้นมา เช่น บ้านเรือน วัด หรือสถานที่ตามธรรมชาติ เช่น แหล่งน้ำ ป่าเขาต่างๆ คนอีสานจะมีข้อคะลำกำกับไว้ เพื่อควบคุมพฤติกรรม ความประพฤติให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานที่นั้นๆ เพื่อความสัมพันธ์ที่พึ่งปรารถนาในการอยู่ร่วมกัน และสวัสดิภาพของบุคคลนั้น ซึ่งข้อคะลำที่นำมาเป็นตัวอย่างประกอบในส่วนนี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น ข้อคะลำเกี่ยวกับบ้านเรือน ข้อคะลำที่เกี่ยวข้องกับบ้านเรือนนั้นมีมากมาย ตั้งแต่การเริ่มสร้างบ้านขึ้นมา จนถึงข้อปฏิบัติในระหว่างอยู่ที่บ้าน เช่น การเลือกไม้ที่จะสร้างบ้าน ห้ามเลือกไม้ที่มีลักษณะดังนี้ มิเช่นนั้นจะคะลำ เช่น - ต้นไม้ที่มีรูกกลวงระหว่างลำต้น มันคะลำ - ต้นไม้ที่เสียงดังขณะเกิดการเสียดสี - ต้นไม้ที่แตกกลางลำต้น - ต้นไม้ที่ล้มพาดต้นอื่น โดยไม่ตกถึงพื้น - ต้นไม้ที่แตกเป็นร่อง เป็นทางยาวลงมา - ต้นไม้ที่มียางไหล หลังจากตัด สร้างบ้านแล้วจะทำให้คนอยู่โศกเศร้าเสียใจอยู่เสมอ - ต้นไม้ที่ตัดแล้ว ต้นหลุดจากตอก่อนที่ปลายจะตกถึงพื้น เรียกว่าไม้โตนตอ มันคะลำ - ต้นไม้ที่มีนามไม่เป็นมงคล เช่น ต้นกะบก ต้นกะบาก ต้นตะเคียน (สร้างบ้านอยู่แล้วคนอยู่จะไม่พออยู่พอกินขาดแคลน บกอยู่เสมอ หาอยู่หากินลำบาก และเชื่อว่าต้นตะเคียนมีผีสถิตย์อยู่) - ปลูกต้นไม้ไม่เป็นมงคลนามในเขตบ้าน เช่น ลั่นทม(จำปา) มะไฟ พุทรา หรือต้นโพธิ์ เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของผีหรือรุกขเทวดา - ปลูกต้นมะรุม ลิ้นฟ้า(เพกา) และผักหวานในเขตบ้าน มันคะลำ - ปลูกต้นยานางในบริเวณลานบ้าน คะลำ นอกจากนั้นยังมีข้อคะลำเกี่ยวกับบ้านทั้งการสร้างบ้าน และการอาศัยอยู่ในบ้าน เช่น - อย่าทำบันไดบ้านหันไปทางตะวันตก ทิศผีหลอก มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เวลาพระอาทิตย์ใกล้ตก แสงจะส่องมาจ้ามองอะไรหรือใครกำลังขึ้นบันไดมา) - ยกเรือนให้ยกวันเสาร์จะดี ห้ามวันอังคาร วันพุธ และวันพฤหัสบดี มันคะลำ - อย่าปลูกบ้านขวางตะวัน มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : แสงแดดจะส่องบ้านตอนเช้า และสาย มองอะไรไม่ชัดเจน) - อย่าปลุกบ้านคร่อมตอ มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ตออาจจะเป็นปัญหาในอนาคตได้) - ปลูกบ้านคร่อมจอมปลวก มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลวกอาจจะแทะกินบ้านได้) - ปลูกบ้านคร่อมทางเดิน มันคะลำ - ปลูกบ้านกลางพรรษา คะลำ - นำไม้ที่เคยถูกฟ้าผ่ามาทำเรือน มันกะลำ - ทำบันไดต้องเป็นจำนวนคี่ ( 5 ,7 ,9) - เขยหรือสะใภ้อย่าเดินเข้าไปในห้องเปิง หรือห้องห้องนอนพ่อตาแม่ยาย ในคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ห้องเปิงถือว่าเป็นห้องพระ หรือห้องเก็บของรักษา ห้องศักดิ์สิทธิ์ และห้องนอนพ่อตาแม่ยายไม่ควรเข้าไป เป็นการแสดงอาการเคารพ มารยาทสังคม) - อย่านั่งขวางประตู - อย่านั่งขวางบันได มันคะลำ - อย่าเดินกระทืบเรือนเสียงดัง มันคะลำ - อย่าเล่นหมากเก็บ เสือกินหมูในบ้าน มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เนื่องจากเป็นการละเล่นในงานศพ จึงไม่เหมาะสม เป็นลางไม่ดี และสร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น) - ผู้หญิงร้องเพลงในครัว มันคะลำ จะได้ผัวคนเฒ่าคนแก่ (ภูมิปัญญาแฝง : ปลูกฝังมารยาทอันเหมาะสม) - อย่านอนใต้ขื่อบ้าน จะคะลำ - อย่าเต้ากระโดดขาเดียวในบ้าน มันคะลำ - (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะหกล้ม เสียงดังก่อความรำคาญรบกวนคนอื่น และไม่มีมารยาท) - อย่านั่งห้อยขาลงข้างล่าง (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะมีการหยอกล้อดึงขากันเล่น ตกลงมาบาดเจ็บได้รับอันตรายได้) - อย่าเอามีดฟันต้นเสาบ้าน มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เป็นการทำลายสิ่งของ และเสียงดังรบกวนคนอื่น) - อย่าข้ามบันไดทีละหลายขั้น มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจพลาดตกลงมาเป็นอันตรายได้) - อย่าแบกฟืนขึ้นเฮือน มันคะลำอย่าเล่นงัวตึงตังเทิงเฮือน มันคะลำ - ห้อยโหนประตูบ้าน คะลำ - เปิดหน้าต่างบ้านนอน คะลำ - ใช้เท้าเปิด ปิดประตู คะลำ - เอาผ้าถุงพาดตากหน้าต่างเรือน คะลำ รวมทั้งข้อปฏิบัติเมื่อไปยังสถานที่ต่างๆ ห้ามไปล่วงกระทำหรือไม่นำพาแล้ว ถือว่าเป็นคะลำ ข้อคะลำเกี่ยวกับสถานที่อื่นๆ - เข้าวัดเว้าเสียงดัง มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ให้สำรวม เป็นมารยาทสังคม) - ขี่ม้าเข้าในเขตวัด คะลำ - เลี้ยงวัว ควายในวัดคะลำ - ผู้หญิงอย่าไปม่อ(ใกล้)พระ มันคะลำ - อย่านั่งเบาะพระ มันคะลำ - อย่าอุ้มลูกใส่บาตร มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เด็กอาจปัดข้าวของเสียหาย ตกหล่นได้ รวมทั้งไม่เหมาะสม) - บ่ให้ครุบเซิงเอาที่วัด มันคะลำ - บ่ให้นั่งขัดสมาธิเวลาฟังเทศน์ - ใส่หมวก โพกผ้าเข้าวัด คะลำ มันสิหัวล้าน - ยิงนกในบริเวณวัด คะลำ - สวมรองเท้าเวลาตักบาตร และสรงน้ำพระ คะลำ - หนุ่มสาวพลอดรักกันในวัดและสถานที่สักการะบูชา คะลำ - ขณะพายเรือไปหลายๆคนห้ามพูดตลกขบขัน คะลำ - เข้าป่าอย่าพูดถึงสัตว์ร้าย คะลำ - เข้าป่าได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อตนเองห้ามขานรับ - บ่ให้เยี่ยวลงน้ำ มันคะลำ - บ่ให้ตัดต้นไม้ดอนปู่ตา คะลำ - อย่าลากไม้ในป่า คะลำ - ปัสสาวะลงน้ำ มันคะลำ - ซักผ้าในแม่น้ำ คะลำ เป็นต้น 3. ข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลา ข้อคะลำที่สัมพันธ์กันกับเวลานั้นมีหลายข้อที่สัมพันธ์กับบุคคลและสถานที่ด้วย ซึ่งแยกออกจากกันลำบาก แต่เพื่อให้เห็นภาพกว้างๆโดยรวม และไม่ต้องแบ่งซอยลงไปมากจนเกินไป จึงขอยกตัวอย่างดังที่แบ่งข้างต้น ซึ่งข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลานั้น น่าจะหมายถึงเวลาที่เป็นงานเทศกาลประเพณีประจำปี หรือเวลาของการประกอบอาชีพประจำฤดูกาล โดยเฉพาะการทำนา รวมทั้งประเพณีเฉพาะกิจในระดับส่วนบุคคลที่เกี่ยวพันกับสังคม ตัวบุคคลและสถานที่ด้วย รวมทั้งกิจวัตรประจำที่อยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน แต่ในที่นี้จะเอาเวลาเป็นตัวตั้งเพื่อให้สอดคล้องกับที่แบ่งหัวข้อไว้ เช่น ข้อคะลำในการทำนาและข้าว เวลาหรือขั้นตอนในการทำนา ซึ่งจะต้องดำเนินการสอดคล้องตามระยะเวลา เนื่องจากต้องอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ในสังคมเกษตรกรรมดั้งเดิมที่ยังควบคุมธรรมชาติไม่ได้ ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติแล้วจะต้องคะลำ ผิดประเพณี "กินไม่บกจกไม่ลง" นอกจากนั้นยังมีข้อปฏิบัติที่สัมพันธ์กับข้าว เช่น - ก่อนหว่านกล้า ต้องเลือกฤกษ์วันดีในการแช่ข้าวเปลือกก่อน ข้าวที่ปลูกจะได้ให้ผลผลิตมาก - ช่วงเวลาหว่าน ถ้ามีตัวปูไต่ตามท้องนา ห้ามจับถือว่าเป็นการเลี้ยงผีตาแฮก - ก่อนที่จะถอนกล้าและปักดำต้องเลือกฤกษ์ยามวันดี - ช่วงเก็บเกี่ยว ก่อนตั้งลอมข้าวต้องไหว้ปลงแม่พระธรณีก่อน - ก่อนนวดข้าว ต้องเลือกวันดี - ช่วงนวดข้าวญาติพี่น้องต้องมาช่วยเหลือกัน และหาบข้าวขึ้นยุ้ง - หลังจากนั้นต้องมาช่วยกันตีข้าวสนุ (ข้าวที่ยังเหลือติดซังข้าวอยู่)ให้หมด - จากนั้นจึงทำพิธีเอาข้าวขึ้นยุ้งและปิดยุ้งเพื่อเลือกวันดีเปิดยุ้งข้าว - เลือกวันดีเพื่อตักข้าววันแรกให้ตรงกับเดือนขึ้นปีใหม่ แล้วสู่ขวัญข้าว โดยใช้กระดองเต่าตักข้าวครั้งแรก เพื่อให้ผู้ผลิตอยู่เย็นเป็นสุข (กระดองเต่าเป็นสัญลักษณ์ของความอยู่เย็นอยู่ดี) - เวลาพักกินข้าวอยู่ทุ่งนาอย่าเรียกกันกินข้าว มันคะลำ เท่ากับเรียกปูมากัดกินต้นข้าวด้วย - อย่าเอาไม้แต้ กะบก มาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ มันคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ไม้ดังกล่าวเป็นไม้เนื้อแข็ง แตกหักง่าย ไม่เหมาะนำมาใช้งาน) - เป็ด ไก่มาเก็บกินข้าว รำข้าวหกอย่าดุด่า มันคะลำ - จี่ข้าวในช่วงข้าวออกรวง คะลำ - ไถนาวันพระ คะลำ - กินข้าวสารดิบ คะลำ เป็นคนจัญไร - กัดกินข้าวเหนียวครึ่งคำข้าว คะลำ - ยืนกินข้าว กะลำ - กินข้าวคาหม้อ คะลำ - ร้องเพลงเวลากินข้าว คะลำ - กินข้าวแล้วบ่อัดฝาก่อง บ่ฮู้เก็บฮู้เมี้ยน คะลำ ทำให้ผัวเมียจะป๋าหย่าร้าง (ภูมิปัญญาแฝง : ให้รู้จักเก็บรักษาและรับผิดชอบในสิ่งที่ตนกระทำลงไป เพื่อความเป็นระเบียบ) - เวลาเขยสะใภ้กินข้าวร่วมวงกับทั้งครอบครัวอย่างนั่งขัดสมาธิ มันคะลำ - เวลากินข้าวอย่าตบหัวแมว จะบาปเนื่องจากแมวมีเชื้อสายเทวดา (ภูมิปัญญาแฝง : เนื่องจากเศษขนแมวอาจติดมือได้ ) - เวลากินข้าวผู้หญิงอย่ายองๆ หรือขัดสมาธิ มันคะลำ - อย่าเว้ายามกิน (ภูมิปัญญาแฝง : ไม่งาม ไม่เหมาะสม ข้าวอาจติดคอ ลงหลอดลมได้) นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลา เช่น บุญหรืองานประเพณี พิธีกรรมต่างๆ อาทิ ข้อคะลำในงานศพ - คนตายโหง(ผูกคอตาย ฟ้าผ่าตาย จมน้ำตาย เสือกัดตาย ลงท้องตาย ตกต้นไม้ตาย) ห้ามกินทาน ห้ามมีพระนำหน้า ห้ามเผา - เด็กตาย(อายุไม่ถึง 10 ขวบ) ห้ามเผา - ห้ามนำศพไต่ขัว(สะพาน) - ห้ามหามศพข้ามขอนไม้ - ห้ามเผาศพวันอังคาร - ห้ามเผาศพวันศุกร์ ผีจะร้าย - (ภูมิปัญญาแฝง : ความเชื่อโชคลาง วันศุกร์เป็นชื่อดี คือวันแห่งความสุข ที่คนนิยมจัดงานมงคลกันจึงไม่นิยมเผาในวันดังกล่าว) - หากมีเพื่อนบ้านตายให้มาช่วยกัน บุคคลใดทำเฉยไม่สนใจ จะคะลำ - อย่าให้แมวข้ามศพ มันคะลำ - อาหารที่เลี้ยงแขกในงานศพต้องไม่เป็นเส้น เช่น ขนมจีน เพราะจำทำให้คนตายไม่ไปเกิด - คนป่วยตายธรรมดาเกิน 6 วันจึงจะสามารถเผาได้ - เสื่อสาดต้องกลับทางให้เป็นตรงข้ามทั้งหมด - การแต่งตัวศพ ต้องสวมเสื้อผ้าศพให้กลับจากในมานอก - เอาศพออกจากบ้านให้คว่ำภาชนะทุกอย่าง และคว่ำกลับข้างบันได - เวลาเผาศพให้เอาท่อนไม้ใหญ่ 2 ท่อนทับศพไว้ ไม่ทำคะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : ป้องกันศพพลิกคว่ำ หรือเอ็นหดทำให้ศพอาจตกจากเชิงตะกอนได้) - เมื่อเผาศพเสร็จให้เดินมาล้างมือล้างเท้าสิ่งสกปรกที่วัดก่อนจึงจะกลับบ้านได้ (ภูมิปัญญาแฝง : ชำระร่างกายให้สะอาดเพราะอาจจะติดเชื้อโรคจากศพได้ และเป็นอุบายการบำบัดทางจิตสำหรับผู้ที่กลัวผีจากภาพที่ประสบ) เป็นต้น ข้อคะลำในงานพิธีแต่งงาน ถือว่าเป็นงานมงคลในช่วงชีวิตของคน ดังนั้นจึงมีข้อคะลำเพื่อให้เกิดความมั่นใจในชีวิตคู่ สร้างกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป รวมทั้งข้อคะลำที่ควรทราบในระหว่างมีชีวิตคู่ด้วย เช่น - ห้ามแต่งงานวันคี่ คะลำ จะหย่าร้างกัน - อย่าทำสิ่งของแตกร้าวในวันแต่ง คะลำ จะทำให้หย่าร้าง - ห้ามมีชื่ออาหารที่ไม่เป็นมงคล เช่น แกงฟัก(ฟัก ภาษาอีสานหมายถึง ฟัน สับ) แกงจืด ยำ - ห้ามคนเป็นหมัน ไม่มีลูกถือขันหมาก - ห้ามบุคคลที่เป็นกำพร้าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว - ห้ามแต่งงานในเดือน 12 คะลำ เป็นเดือนที่สุนัขติดสัด ไม่เป็นมงคล - ห้ามแต่งช่วงเดือนเข้าพรรษา (เพราะเป็นช่วงที่กำลังเร่งดำนา) - เมียนอนหัวสูงกว่าผัว คะลำ - เมียกินข้าวก่อนผัว คะลำ - เมียต้องไม่เอาอาหารที่ตนเหลือกินให้ผัวกิน คะลำ - เมียย่าง(เดิน)เอาผ้าเอาซิ่นปัดป่ายผัว คะลำ - เมียบ่สมมา(ขอขมา)ผัวในวันพระวันศีลก่อนนอน คะลำ เป็นต้น ข้อคะลำในวันสงกรานต์ วันสงกรานต์หรือวันเนา เชื่อกันว่ามาจากคำว่า "เน่า" หมายความว่าถ้าใครกระทำผิดคะลำในวันนี้แล้ว เวลาตายไปจะเน่าเหม็น สำหรับในวันนี้ของสังคมอีสานในอดีตถือว่าเป็นวันหนึ่งในรอบปีที่ต้องผ่อนคลาย สนุกสนานให้เต็มที่ การเตรียมการเตรียมงานหรือเวียกงานต่างๆต้องกระทำก่อนหน้านั้นให้เสร็จสิ้น หากมีบุคคลใดฝ่าฝืนทำสิ่งใดในวันนี้ถือว่าคะลำ ไม่เจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขายไม่ขึ้น จะต้องตายเน่าตายเหม็นอย่างไม่มีศักดิ์ศรี ซึ่งคล้ายกับข้อห้ามของวันว่างในประเพณีของคนใต้ สำหรับข้อคะลำที่ห้ามประพฤติปฏิบัติในวันเนาตามความเชื่อของคนอีสานมีดังนี้ - ห้ามผ่าฟืน ฟันฟืน - ห้ามตำข้าว ห้ามเปิดยุ้งข้าวตักข้าว - กองฟืนจะต้องหาพงหนามไปปิดไว้ - ครกตำข้าวจะต้องเอาพงหนามไปปิดไว้ - ห้ามทอผ้า - ห้ามสานแห สรุปคือห้ามทำการงานทุกอย่างในวันดังกล่าว ให้สนุกสนานร่วมงานของเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่ถือว่าเป็นการผ่อนคลายความเคร่งเครียดตรากตรำทำงานตลอดปีอีกวันหนึ่ง ข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลาอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำอื่นๆที่สอดคล้องกับเวลา เช่น - อย่าตอกตะปูตอนกลางคืน คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : อาจรบกวนคนอื่นที่ต้องการพักผ่อนได้) - อย่าตัดเล็บ ตัดผมเวลากลางคืน - อย่าล้างถ้วยชามเวลากลางคืน - เดินทางกลางคืนอย่าพูดเรื่องอัปมงคล - กินข้าวยามวิกาล ตอนดึก คะลำ - อย่ากวาดบ้านเวลากลางคืน ยกเว้นบริเวณที่จะกินข้าว (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะกวาดสิ่งของสำคัญตกลงไปข้างล่าง จะหาลำบาก เพราะในอดีตไม่มีไฟฟ้า มีเพียงกะบอง หรือไต้ที่ไม่ค่อยสว่างและสะดวกนัก) - อย่าเข็นฝ้าย(ปั่นฝ้าย)ตอนกลางคืน คะลำ (ภูมิปัญญาแฝง : เสียงจะดังก่อความรำคาญรบกวนคนอื่นได้) - อย่าเคี้ยวหมากนอนตอนกลางคืน (ภูมิปัญญาแฝง : คำหมากอาจติดข้อเป็นอันตรายได้) - อย่าฝัดข้าวตอนกลางคืน (ภูมิปัญญาแฝง : เสียงดัง อาจก่อความรำคาญให้แก่คนอื่นได้) - อย่าต่อยมองแฮง(แรง)ยามเช้า อย่าตำข้าวสักกะวันยามดึก (ภูมิปัญญาแฝง : อาจก่อความรำคาญให้แก่ผู้ที่ยังไม่ตื่น และกำลังหลับอยู่ได้) - อย่าผิวปากเวลากลางคืน คะลำ - (ภูมิปัญญาแฝง : อาจก่อความรำคาญให้คนอื่นได้) - อย่านอนเวลาบ่ายคล้อย คะลำ เพราะเป็นช่วงที่ผีตกป่า(เผาศพ) (ภูมิปัญญาแฝง : ช่วงดังกล่าวคนส่วนใหญ่ต้องทำงาน หากนอนแล้วจะเสียการงาน และแรงงานโดยไม่จำเป็น รวมทั้งช่วงดังกล่าวเมื่อตื่นขึ้นมามักจะไม่สดชื่น แข็งแรง อารมณ์เสียได้ง่าย) - ตีด่ากันในวันพระ คะลำ - เวลานอน คุยกัน คะลำ - สาวไหมวันพระ คะลำ - เวลาออกล่าสัตว์ อย่ากินข้าวกับเนื้อสัตว์ มันคะลำ เป็นต้น จากที่ยกตัวอย่างข้อคะลำมาพอประกอบข้างต้นจะเห็นว่า ข้อคะลำทั้งหมดเป็นมาตรการในการควบคุมดูแลและเป็นมาตรฐานของพฤติกรรม ความประพฤติที่พึ่งปรารถนาของสังคม รวมทั้งแบบแผนปฏิบัติส่วนบุคคลที่จะก่อให้เกิดผลด้านบวกแก่ผู้ถือข้อคะลำ ทั้งในด้านสวัสดิภาพชีวิต ความมั่นใจ กำลังใจในการดำเนินชีวิตโดยตนเองและความสัมพันธ์กับคนอื่น ซึ่งในปัจจุบันยังคงหลงเหลือข้อคะลำอยู่หลายข้อที่คนอีสานยังยึดถือปฏิบัติและมีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ ค่านิยมและอุดมการณ์ในสังคม ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่ตกทอดจากการสั่งสมปฏิบัติของบรรพบุรุษคนอีสานที่ได้ยึดถือกันมา credit: www.pantown.com หัวข้อ: Re: คะลำ คืออะไร? เริ่มหัวข้อโดย: Nattawut-LSV Team ที่ พฤศจิกายน 05, 2008, 05:39:07 pm มีความรู้มากๆ เลยครับ
:D :D :D |