พิมพ์หน้านี้ - แคนนอนพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับพรินเตอร์ กล้องดิจิตอล มือถือ

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

สารพัดช่าง-แนวทางอาชีพ => พลังงานจากFUEL CELL => ข้อความที่เริ่มโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ มิถุนายน 19, 2008, 08:35:34 pm



หัวข้อ: แคนนอนพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับพรินเตอร์ กล้องดิจิตอล มือถือ
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ มิถุนายน 19, 2008, 08:35:34 pm
แคนนอนพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับพรินเตอร์ กล้องดิจิตอล มือถือ
โดย ผู้จัดการออนไลน์    26 ตุลาคม 2548 00:16 น.
       แคนนอนผุดแผนพัฒนาเซลล์เชื้อเพลงตัวจิ๋วสำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยร่วมมือกับค่ายผู้ผลิตยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นอย่างโตชิบา ฮิตาชิ และเอ็นอีซี วางกลุ่มสินค้าเป้าหมายไว้เป็นกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป เช่น พรินเตอร์ กล้องดิจิตอล และโทรศัพท์มือถือคาดนำมาใช้แทนแบตเตอรี่ได้ภายใน 3 ปี
       
       แคนนอน ผู้ผลิตเครื่องถ่ายเอกสาร และกล้องยักษ์ใหญ่เปิดแผนเกี่ยวกับการลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้รองรับเทคโนโลยีด้านพลังงานตัวใหม่ อย่างเซลล์เชื้อเพลิง โดยระบุว่า การปรับเปลี่ยนไปใช้เซลล์เชื้อเพลิงจะกลายเป็นจุดขายของแคนนอนและช่วยเพิ่มยอดขายให้กับตลาดกล้องดิจิตอลที่กำลังอิ่มตัวได้มากขึ้น เช่นเดียวกับในตลาดเครื่องพรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร
       
       เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลงเป็นเทคโนโลยีด้านพลังงานตัวล่าสุดที่เริ่มมีการเข้ามาใช้แทนที่พลังงานรุ่นโบราณมากขึ้น เช่น มาแทนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน โดยมีการใช้งานอย่างมากในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งในการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงรุ่นจิ๋วนี้ ทางแคนนอนอยู่ระหว่างการพัฒนาให้ระบบสามารถดึงไฮโดรเจนได้จากคาร์ทริดจ์เลยโดยตรง
       
       ข้อดีของการใช้เซลล์เชื้อเพลงคือ รักษาสภาพแวดล้อม มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าการใช้แบตเตอรี่ลิเธียม
       
       โดยแคนนอนมีแผนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นทดสอบออกมา 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องพรินเตอร์แบบพกพา กล้องดิจิตอล และโทรศัพท์มือถือก่อนเป็นกลุ่มแรก แต่ยังไม่มีแผนสำหรับกำหนดการวางตลาดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นแต่อย่างใด


หัวข้อ: Re: แคนนอนพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับพรินเตอร์ กล้องดิจิตอล มือถือ
เริ่มหัวข้อโดย: dachar ที่ ธันวาคม 22, 2008, 09:36:29 pm
 ::)26 ตุลาคม 2548 00:16 น ::)
พี่เล็กครับ ช่วยตามข่าวนี้ให้หน่อยครับ น่าสน ครบ 3 ปีเเล้วครับ อิอิ.......