LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

(http://www.thairath.co.th/images/logo.gif)

นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยถึงกรณีปั๊มน้ำมันจำหน่ายน้ำมันไม่ตรงกับปริมาตรที่หัวจ่ายกว่า 1,800 หัวจ่าย ว่า ธพ.ไม่สามารถเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาได้ เนื่อง จาก  ธพ.มีอำนาจเฉพาะการตรวจสอบคุณภาพของน้ำมัน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจตรวจสอบและลงโทษการจำหน่ายน้ำมันไม่เต็มตามปริมาตรที่หัวจ่ายเพียงหน่วยงานเดียว จึงต้องเป็นหน้าที่กรมการค้าภายในตรวจสอบ จับกุมและลงโทษผู้ค้าที่เอาเปรียบประชาชน

 นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปั๊มน้ำมันที่จ่ายน้ำมันไม่เต็มตามปริมาตรตวงวัดคงเป็นปั๊มอิสระขนาดเล็กเพราะปั๊มเหล่านี้จะไม่มีบริษัทน้ำมันรายใหญ่เข้าไปดูแล ทำให้ขาดการเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐาน แต่หากเป็นปั๊มที่มีบริษัทแม่เข้าไปดูแล เช่น ปตท. บางจาก เอสโซ่ เชลล์ ฯลฯ จะทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากครั้งแรกของการนำหัวจ่ายน้ำมันเข้าไปติดตั้ง จะมีเจ้าหน้าที่ของกรมชั่งตวงวัดเข้าไปติดฟิลล็อกที่มิเตอร์หัวจ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าของปั๊มไปแก้ไขกลไก และมีเจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในมาตรวจสอบทุกเดือน

“หากเกิดกรณีที่เจ้าของปั๊มสงสัยว่าเด็กปั๊มอาจเติมน้ำมันให้ลูกค้าไม่เต็มตามปริมาตร เจ้าของปั๊มก็จะมีกระบอกตวงน้ำมันที่สูบน้ำมันขึ้นมาครั้งละ 5 ลิตร มาตรวจสอบว่าเต็มตามปริมาตรหรือไม่ จึงเป็นไปได้ยากที่จะโกงน้ำมัน ซึ่งบริษัทแม่จะกำหนดให้แต่ละปั๊มตรวจสอบปริมาตรน้ำมันจากกระบอกทุกๆ 14 วัน”

นายยอดพจน์กล่าวว่า ปั๊มน้ำมันอิสระขนาดเล็กที่เติมน้ำมันไม่เต็มปริมาตรอาจจะมีสาเหตุจาก เด็กปั๊มไม่คุ้นเคยกับหัวจ่าย  ทั้งนี้  หากเป็นปั๊มสมัย ใหม่ก็สามารถกดไกปืนหัวจ่ายน้ำมันเพียง 1 ครั้งตามจำนวนเงินที่ลูกค้าเติม แต่หากเป็นปั๊มเก่า เด็กปั๊มต้องทยอยกดน้ำมันหลายๆครั้งตามจำนวนเงินที่ลูกค้าเติม ซึ่งมีโอกาสคลาดเคลื่อนสูงมาก หรืออาจเป็นเพราะเด็กปั�มมีเจตนาโกงเจ้าของปั�มด้วยการใช้ไม้จิ้มฟันสอดเข้าไปในไกปืนเพื่อให้ตัวเลขมิเตอร์จำนวนเงินวิ่งไปตามที่ลูกค้าสั่งเติม แต่ปริมาณน้ำมันออกมาไม่ตรง เมื่อครบกะทำงานก็จะเก็บเงิน ส่งเจ้าของปั�มตามจำนวนน้ำมันที่จ่ายจากหัวจ่าย ซึ่งจะมีมูลค่าน้ำมันต่ำกว่าจำนวนเงินที่เก็บจากลูกค้า เด็กปั๊มก็จะกินส่วนต่างดังกล่าวก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทเชลล์แห่งประเทศ ไทย  จำกัด  บริษัทเอสโซ่ประเทศไทย  จำกัด  ได้ประกาศ ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 70 สตางค์ (สต.) ต่อลิตร  มีผลตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.เป็นต้นไป  ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลของเชลล์และเอสโซ่ อยู่ที่ 39.74 บาทต่อลิตรเท่ากับบางจาก ขณะที่ ปตท.อยู่ที่ 39.04 บาทต่อลิตร การปรับลดราคาขายปลีกดีเซลรอบนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยปรับลดราคาครั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลสิงคโปร์ ลดลงมาอยู่ที่ 163.57 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา หรือลดลง 8.38 เหรียญ จากเดิมที่อยู่ที่ 171.95 เหรียญ ขณะที่เบนซินสิงคโปร์อยู่ที่ 133.94 เหรียญ หรือลดลง 4.90 เหรียญ จากเดิมที่อยู่ที่ 138.84 เหรียญ ส่วนน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ที่ระดับ 120.83 เหรียญ ลดลง 5.63 เหรียญ น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอยู่ที่ 131.05 เหรียญ ลดลง 2.18 เหรียญ

ด้านนายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้ม เปิดเผยว่า โรงบรรจุก๊าซหุงต้มได้ทำหนังสือแจ้งไปยังร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อขอปรับเพิ่มราคาหน้าโรงบรรจุอีก 10 สต.ต่อกก. หรือถังยอดนิยม 15 กก.  ต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก 1.50 บาทต่อถัง มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ทำให้ ผู้แทนจำหน่ายก๊าซหุงต้มมีภาระเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งคงต้องรอฟังคำตอบจากกรมการค้าภายในว่าจะอนุมัติให้โรงบรรจุก๊าซหุงต้มปรับราคาจำหน่ายหรือไม่ หากอนุมัติทางสมาคมฯจะแจ้งให้สมาชิกที่เป็นร้านตัวแทนจำหน่ายปรับราคาขายปลีกให้กับประชาชนตามทันที  อย่างไรก็ตาม  กรมการค้าภายในแจ้งขอให้สมาคมฯ  ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายยอมตรึงราคาขายส่งให้ลูกค้าออกไปก่อน แต่สมาคมฯเห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะเป็นผู้รับภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นมาเพียงฝ่ายเดียว

ขณะเดียวกัน  สมาคมฯกำลังพิจารณาถึงภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าขนส่งจากร้านผู้แทนจำหน่ายก๊าซหุงต้มที่ส่งไปยังบ้านของลูกค้า เนื่องราคาดีเซลพุ่งสูงขึ้น ซึ่งหากน้ำมันดีเซลมีราคา 38 บาทต่อลิตร  จะกระทบต้นทุนค่าขนส่งเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ ต่อ กก. แต่ขณะนี้ได้ปรับขึ้นเฉลี่ย 39-40 บาทต่อลิตรแล้ว หากราคาน้ำมันดีเซลยังไม่ลดลง ก็จะต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอปรับราคาค่าขนส่งอีกครั้ง.

เค้าเรียกได้ที ขี่แพะไล่ ชาวบ้านจะตายแล้วกลับ กระทืบซ้ำเข้าไปอีก

(http://i275.photobucket.com/albums/jj314/ch-a/k04sr7af7a58fd8.gif)