หัวข้อ: อิทธิฤทธิ์ของพระเครื่องพระบูชา มีจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ มีนาคม 24, 2008, 10:13:01 am วันนี้ขอเขียนเรื่องเบา ๆ ให้อ่านกันสักวัน..แต่ถึงอย่างไรก็ยังวนเวียนอยู่ในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ กับพระสังฆคุณอยู่ดีแหละครับ เพียงแต่หยิบยกเอาสิ่งใกล้ตัวและสามารถนำเอาไปใช้ได้มากที่สุดให้กับท่านผู้ อ่านมากกว่ารู้ไว้ประดับความจำเท่านั้น
ในระยะหลัง ๆ มานี้ หลายท่านคงได้ข่าวกันมาบ้างว่า “ดินเมืองไทยแพงที่สุดในโลก” ในที่นี้มิได้หมายถึง ‘ที่ดิน’ นะครับ แต่หมายถึงเศษดินก้อนเล็กที่คณาจารย์โบราณนำมาสร้างเป็นรูปสมมุติแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเป็นรูปสมมุติของท่านอาจารย์ผู้สถาปนาพระเครื่องขึ้นเอง เหตุที่กล้ากล่าวดังนี้ เพราะในปัจจุบันมีนักนิยมสะสมพระเครื่อง พระบูชาในเมืองไทยตื่นตัวกันมากขึ้น มิหนำซ้ำยังแพร่ไปจนถึงต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้กระทั่งที่อเมริกาก็ยังมีคนไทยไปเปิดศูนย์พระเครื่องถึงที่นั่น เคยมีคนทำประวัติศาสตร์เอาไว้ในการเช่าพระเครื่องมาบูชาสูงสุดเป็นจำนวนถึงเจ็ดล้านบาทต่อองค์ หลายท่านอาจจะตาเหลือกเพราะนึกไม่ถึงใช่ไหมครับว่า ในโลกนี้จะมีคนบ้าระห่ำถึงขนาดนั้นหรือ คนที่ใจถึงขนาดควักกระเป๋าเอาเงินจำนวนหลาย ๆ ล้านแลกพระเครื่ององค์เล็ก ๆ ซึ่งมีขนาดกว้างคูณยาวไม่กี่เซนติเมตรมีจริง ๆ หรือ... ...ผมขอยืนยัน นอนยัน และนั่งยันด้วยเกียรติของตนว่ามีจริงๆ ครับ แต่อย่าให้ผมออกชื่อเสียงเรียงนามนั่นเลย เพราะไม่ได้ขออนุญาตท่านไว้ ด้วยเหตุนี้พระเครื่องชั้นเลิศทั้งหลายจึงเป็นที่ปรารถนาของทุก ๆ คน เพราะอย่างน้อยถ้านำออกให้เหล่าผู้มีเงินระดับมหาเศรษฐีเช่าบูชาละก็...มีสิทธิ์แก้จนไปได้นานทีเดียว ที่กล่าวเกริ่นมาตั้งแต่ต้นนั้นมิใช่ผู้เขียนมีเจตนาให้ท่านทั้งหลายยึดอาชีพพุทธพาณิชย์ หากแต่ต้องการให้เห็นภาพพจน์จริง ๆ ของคำว่า ‘ดินเมืองไทยแพงที่สุดในโลก’ เท่านั้น แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็มิได้หมายความว่า พระเครื่องจะมีราคาสูงในทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดีมาน-ซัพพลาย... คือสิ่งของกับความต้องการของคน...เพียงแต่พระเครื่องนั้นต่างกับสินค้าก็คือ... ...พุทธคุณ...และประสบการณ์ของท่านประจักษ์ขลังแค่ไหน? ถ้าพระเครื่องนั้นมีผู้นำท่านไปขึ้นคอ หรือนำไปบูชาแล้วเกิดมงคลในชีวิตจนชีวิตก้าวหน้า ทั้งหน้าที่การงานและการเงิน หรือสามารถแสดงให้เห็นประจักษ์ด้านแคล้วคลาดคงกระพันขึ้น คนก็จะดิ้นรนเสาะหากัน เมื่อคนเสาะหามาก จำนวนพระมีน้อยก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีการแข่งขันขึ้น การแข่งขันก็จำจะต้องใช้เงินทุ่มตามกำลังที่ตนมี...นั่นคือเหตุผลว่าทำไมดินเมืองไทยจึงแพงที่สุดในโลก... มาถึงตรงนี้จึงเป็นคำถามตามที่จั่วหัวเอาไว้ว่า อิทธิฤทธิ์ของพระเครื่อง-พระบูชามีจริงหรือ? คำถามตรงนี้ก็คล้ายกับคำถามที่ว่าตายแล้วสูญหรือเปล่า…? เพราะเป็นปัญหาค่อนข้างนามธรรม และหาข้อยุติยาก ...เป็นเรื่อง ‘ปัจจัตตัง’ หมายถึงเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน...กับผู้ที่ประสบพบเห็นเท่านั้น แต่ถ้าเราท่านเป็นผู้ที่ศึกษาและติดตามข่าวคราวอย่างละเอียดใกล้ชิด ก็จะเห็นว่าพุทธคุณของพระเครื่องเคยก่ออภินิหารช่วยชีวิตคนจากการถูกไล่ล่า หมายปองชีวิตมาก็มาก และที่เป็นข่าวกันครึกโครมเมื่อไม่นานมานี้ก็คือ พระของขวัญวัดปากน้ำรุ่นสี่ สามารถคุ้มกันคมกระสุนสงครามจากปืนอาก้าไม่ให้ทะลุเนื้อหนังของสตรีผู้หนึ่งไว้ได้ กับอีกหลาย ๆ ครั้งถ้าจะยกขึ้นมาเขียนก็คงมีหน้ากระดาษให้ไม่พอ คำถามที่ตามมาก็คือ พระเครื่องเหล่านั้นมีฤทธานุภาพได้อย่างไร? ถ้าจะตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ไม่ยาก...คืออำนาจจากพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ... แต่ถ้าจะให้อธิบายอย่างชัดเจนกว่านี้ก็คือ...สิ่งที่ป้องกันอันตรายเหล่านั้นให้กับผู้ครอบครองวัตถุมงคลเหล่านั้นคือ ‘พลังจิต’ ที่บรรจุอยู่ในพระเครื่องด้วยวิธีการและพิธีกรรมของเหล่าคณาจารย์ผู้สร้าง ข้อยืนยันได้มาจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค...ซึ่งพระพุทธองค์เคยบัญญัติไว้สำหรับเหล่าโยคาวจร ใช้สร้างทิพยอำนาจ หรืออภิญญาทางจิต... ...อำนาจเหนือธรรมชาติมีอยู่อำนาจเดียวคือ อำนาจจิตที่ได้จาก ‘ฌาน’ ฉะนั้น พระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ จะเข้มขลังได้นั้นต้องมาจากพิธีกรรมอันถูกต้องและกำลังจิตของท่านผู้สร้าง ไม่ใช่ใครนึกอยากจะทำก็ทำได้ ครับ...ถึงทำได้ก็ไม่ขลัง... ผู้เขียนเคยเรียนถามท่านเกจิฯ รูปหนึ่งที่โด่งดังมากในอดีต และปัจจุบันนี้ท่านได้มรณภาพไปแล้วว่า ...พระเครื่องของท่านศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่…? ท่านตอบว่าอย่างนี้ครับ...ดินเป็นของมีคุณ เป็นส่วนหนึ่งของพระแม่ธรณี...พระแม่ธรณีมีคุณกับทุกคน ในร่างกายเราก็มีธาตุดิน...เพราะฉะนั้นเฉพาะคุณของพระธรณีก็ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ส่วนการปลุกเสกก็ไม่ได้ใช้อะไร นอกจากเจริญคุณแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า คุณทั้งสามประการเป็นคุณศักดิ์สิทธิ์ ส่วนประการสุดท้ายคือจิตของผู้สร้างกับผู้นำไปใช้...จิตของผู้สร้างถ้าเป็นผู้สำเร็จทางจิตสูง ความเข้มขลังก็มากขึ้น ประกอบกับการสร้างมีเจตนาบริสุทธิ์ก็จะดีมากขึ้นไปอีก ส่วนจิตของผู้ใช้ก็คือ...ผู้อาราธนาพระเครื่องไว้คุ้มครองตน ต้องเป็นคนมีใจประเสริฐ มีศีลธรรม... คนจิตใจงาม มีศีล ทาน ภาวนา ย่อมได้รับผลดีกว่าคนจิตใจไม่งามเป็นธรรมดา... “จิตของพระเกจิฯ ที่ปลุกเสกหรืออธิษฐานให้พระเครื่องมีฤทธิ์ได้ ควรมีจิตระดับไหน?” นั่นคือคำ ถามของผู้เขียน...ท่านก็ตอบด้วยรอยยิ้ม... “ อย่างน้อยควรได้ถึงฌานสี่ (จตุตถฌาน) ต้องเดินจิตให้ถึงที่สุดของฌานแล้วถอยลงมาที่อุปจารสมาธิ ค่อยอธิษฐานให้วัตถุมงคลเป็นไปตามที่ต้องการ” ทั้งหมดคือคำยืนยันจากพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ผู้เขียนยกย่องท่านเป็นพระอริยเจ้า ท่านว่าของท่านอย่างนั้น จริงเท็จท่านผู้อ่านลองพิจารณาดูก็แล้วกัน หากจะถามความรู้สึกคิดเห็นของผมว่าเป็นยังไง...ก็ต้องขอกราบเรียนกันตรงนี้เลยละครับว่า... พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ชนชาวพุทธนั้นยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ พระเครื่องเป็นรูปสมมุติแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า มีไว้กับตัวเพื่อระลึกถึง...เป็นเครื่องเตือนใจยามว้าวุ่น ยามหวาดหวั่นต่อภยันตรายทั้งปวง จะอย่างไรพระเครื่องก็เป็นเครื่องมงคลย่อมต้องเป็นสิ่งดีที่มีดีในตัวเองอยู่แล้ว และผมเชื่อว่า ถ้าพระเครื่องไม่มีฤทธิ์อำนาจจริง คนทั้งหลายจากโบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ก็คงไม่ให้ความเชื่อถือมาขนาดนี้ จนกล้ากล่าวได้ว่า... ...ไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใด ในแผ่นดินสยาม ไม่เชื่อถือในวัตถุมงคล โดยเฉพาะทุกพระองค์ที่เป็นจอมทัพด้วยแล้ว ต้องพึ่งพุทธคุณคุ้มครองกายยามออกศึกทั้งสิ้น... ถึงตรงนี้บางท่านอาจจะถามว่า “แล้วเราจะเลือกใช้พระเครื่องอย่างไร?” ขอกราบเรียนอย่างนี้ครับ... ไม่จำเป็นต้องเลือกหาหรือขวนขวายใช้ทรัพย์มากมายเป็นหมื่นเป็นแสนแลกเปลี่ยนมา... เพราะพระแพงไม่จำเป็นต้องดีกว่าพระถูกเสมอไป เพียงแต่เพราะเป็นรุ่นหายาก ทำให้คนแข่งขันกันเอาไว้เพื่ออวดบารมีก็มีถมไป... ตรงนี้ขอยกตัวอย่างสักนิด...บ่อยครั้งที่คนมีพระสมเด็จวัดระฆังฯ ราคาหลายล้านห้อยคอ ถูกยิงล้มตายมาก็มาก แต่บางรายห้อยพระราคาไม่กี่สิบบาท แคล้วคลาดความตายมาก็เยอะ ทั้งหลายนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ด้วย อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้ใช้ต้องเป็นคนมีศีลธรรมจึงจะได้ผลจริง ข้อแนะนำ...ในการเลือกพระเครื่องเอาไว้เป็นมงคลกับตัวเองมีดังนี้... 1. จริยาวัตรของพระสงฆ์หรือเกจิฯ ที่สร้าง ดีหรือไม่ดี 2. เจตนาของผู้สร้างเพื่อผลทางพุทธพาณิชย์ หรือหวังช่วยสัตว์โลกตามวิสัยมีเมตตาธรรม ถ้าเป็นไปโดยความบริสุทธิ์ถือว่าเป็นมหาวัตถุมงคล 3. วัตถุมงคลควรจะได้รับจากมือ หรือจากสำนักต่าง ๆ โดยตรงเพื่อผลทางจิตวิทยาและความเชื่อมั่นว่า วัตถุนั้นมิได้แปลกปลอม บวกกับมั่นใจในเจตนาของผู้มอบให้โดยเฉพาะ 4. การสวมใส่ควรอาราธนาและอธิษฐานจิตทุกครั้ง ทั้งหมดคือข้อแนะนำโดยสังเขป แต่อยากจะเตือนใจท่านผู้อ่านไว้สักนิด...วัตถุมงคลนั้นมีเอาไว้เป็นข้อเตือน ใจและช่วยเราจากภัยต่าง ๆ ได้ในบางกรณีเท่านั้น การแขวนพระเครื่องมิได้หมายความว่าผู้ใช้จะพ้นจากนิสัยแห่งกรรมและความตาย เพราะแม้แต่ผู้สร้างยังตาย แล้วคนใช้จะหนีพ้นได้อย่างไร ? ฉะนั้น มีพระเครื่องดีแล้ว คนใช้ต้องดีด้วย ไม่ประมาทต่อการก่อกรรมทั้งปวงแม้ยามตายก็อุ่นใจว่า ไม่หลงทางสู่อบายภูมิ (http://i275.photobucket.com/albums/jj314/ch-a/592e0949.gif) หัวข้อ: Re: อิทธิฤทธิ์ของพระเครื่องพระบูชา มีจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 24, 2008, 10:33:23 am เรื่องนี้ผมไม่กล้าพูด อิอิ มันละเอียดอ่อนมาก กลัวเดียวมันไม่จบ :P
|