LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

ถกเถียงกันกับเพื่อนว่า ถ้าเราเอาสายไฟจากหม้อแปลงหนึ่งมาแล้วเอาสาย Neautral มาจากอีกหม้อนึง
ไฟที่หม้อแปลงจะวิ่งเท่ากับหรือน้อยกว่าใช้2เส้นคือไฟและNeautralจากหม้อแปลงเดียวกัน
 ผมคิดแล้วก็งงคือปกติเราใช้ไฟพร้อมกัน2เส้นหม้อแปลงถึงวิ่งใช่ไหมครับ
แต่ถ้าเราใช้หม้อละ1เส้น มันจะมีผลออกมายังไงในเมื่อไฟมาจากหม้อนึง แต่Neautralมาจากอีกหม้อนึง
ใครรู้ช่วยตอบครับ :(

น่าลองดู เห็นบางคนบอกว่าใช้ไฟจากมิเตอร์เส้นเดียวส่วนNeautralหาหลักปักเอามาจากดิน จะทำให้มิเตอร์หมุนช้าลงครับ แต่ก็ไม่เคยลองซักทีกลัวคุกกกกกก :-X :-X :-X

หลักการทางไฟฟ้ามันมีอยู่

หลักการความปลอดภัย และ มาตรฐานการติดตั้งแผงควบคุมวงจรไฟฟ้ามีอยู่


คำถาม และ คำตอบ  ณ ที่แห่งนี้  ยึดถือเสริมสร้างสติปัญญา  คุณธรรรม  ความคิดสร้างสรรค์

หากกระทู้มิได้เป็นดังกล่าวแล้ว  จะเก็บไปแช่อิ่ม  :o  

มันก็หมุนแค่หม้อเดียว อีกหม้อมันไม่หมุนหรอ  ถ้ารู้ว่าต่อยังไง ก็จะรู้ว่าทำไมเป็นแบบนี้ เรื่องแบบนี้คนมีสมอง มีสติ มีควงามรู้ มีความคิด เขาไม่คิดทำกันหรอก ไร้ประโยชน์ มีแต่คนโง่ทีจะถูกหลอกง่ายๆที่คิดทำ

      ถ้าใช้ นิวตรอน หรือว่ากราวด์ หรือว่าแม้กระทั่งจะต่อลงดิน ยังไงหม้อมิเตอร์ก็ยังหมุนเป็นปกติอยู่ครับ  นอกจากว่า....

ขอบคุณครับคือว่านั่งคุยกันแล้วเกิดเถียงกันเรื่องนี้ก็เลยสงสัย อยากได้คำตอบเท่านั้นเองครับ
ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงครับ :D

ไม่หรอกครับหม้อแปลงหมุนได้เพราะเกิดกระไฟวิ่งผ่านขดลวดตัดกับสนามแม่เหล็กทำให้หม้อแปลงหมุนได้ กระแสที่ไหลก็จะไหลผ่านสายไฟ ไปสายนิวตรอน สายนิวตรอนก็คือสายดิน ที่ทุกๆ เสาไฟฟ้าจะเป็นเส้นเดียวกันก็คือสลิงที่ขึงไว้เสาแต่ล่ะเสาครับ ถึงแม้จะตึงสายนิวตรอนจากอีกหม้อมาก็เป็นสายเส้นเดียวกันครับ เคยได้ยินไหมครับว่าไฟรั่วทำให้หม้อไฟหมุนไวพอบิลก็ตกใจค่าไฟไม่น่าเชื่อ พอเรียกการไฟฟ้ามาดูก็บอกว่าสายไฟรั่วลงดินทำให้กระแสวิ่งลงดินเต็มที่ หม้อแปลงจึงหมุนเร็วผิดปกติ   ส่วนมากหม้อแปลงจะหมุนช้าลงจริงจะต้องเข้าหลักการของ ไจเรตอร์ ครับไม่ขออธิบายแล้วกันครับ

    ไม่เคยได้ยินครับอยากรู้ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ รบกวนด้วยนะครับเรื่อง "ไจเรเตอร์" พอดีจบอิเล็คฯครับเรื่องเพาเวอร์อีฯไม่คุ้นเคย  :'(

มันก็เป็นหลัการของ L C นั่นแหละครับเป็นการหักล้างกันระหว่าง L กับ C เมื่อต่อร่วกันในวงจรครับ

ผมเคยลองมาแล้วแบบแนวความคิดของท่านได้ผลในระดับหนึ่ง
คงเพราะมันไปทำให้ค่าการเหนี่ยวนำของขดลวดในหม้อแปลงเปลี่ยนไป 
แต่ อย่าไปทำเลยครับ ประหยัดไฟเอาจะดีกว่า

เมื่อปีก่อนเคยไปเดินเที่ยวตามตลาดนัดกลางคืน เห็นเขาทำชุดสำเร็จเอามาขายเลยครับ เขาทดสอบให้ดูแต่มันจะเสียบที่ปลั๊กเลยเขาทดสอบให้ดูเลยมิเตอร์มันหมุนช้าจริงๆครับมันเหนี่ยวนำ
แบบใหนผมไม่ทราบยิ่งแบบเป็นตัวใหญ่แล้วมิเตอร์หมุนช้าลงมากเลย แต่พอเขาดึงชุดประหยัดไฟออกเชื่อไหมครับมิเตอร์หมุนเร็วขึ้นมากเลย wav!!

มันแหกตายังจะโง่ไปเชื่อมันอีก  การประหยัดค่าไฟทำได้แค่2อย่าง
 1 คนดีทำ ใช้ไฟให้น้อยลง ไม่จำเป็นก็ปิด
 2 คนเ-ี้ย ทำ โกงมิเตอร์

ผมไม่ได้ซื้อเขาหลอกเพียงแค่ดูๆแล้วก้ผ่านไปในใจเราเป้นช่างคงไม่อยากเสียรู้ใครอยู่แล้ว แต่ถ้าหลักการ์ณวิธีทำนี่สิอยากรู้ wav!!

 embarrassed7ที่ ส่วนยางพารา พ่อผมไม่เห็นต้องใช้หม้อมิเตอร์อะไรเลย ขอแค่มีแดดก็พอ พ่อผมท่านไม่ได้เสียค่าไฟมาหลายปีแล้ว เสียแค่ค่าน้ำ กลั่น ขวดละ 8 ฿  เท่านั้นเอง lsv-smile

ไปเอาสายดิน(นิวทร้ล)จากไหนมาก็หมุน เพราะในมิเตอร์เชื่อมนิวทรัลไว้แล้ว เพียงแค่มีกระแสไฟฟ้าไหลก็หมุน
ตามปรกติ รู้ไว้เพื่อหายคร่องใจ อย่าไปคิดในสิ่งไม่ดีเลย ลูกๆมองเราอยู่

ผมมีคำถามนิดหน่อยยังไม่เคยตรวจสอบ ถ้า Voltage ตก คือไม่ถึง 220V. กระแสจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ช่วยอธิบายหน่อย

การไฟฟ้าคิดเงินที่กระแส 1Unit =1000W.ชม.
โดยปกติไฟบ้าน 220V Single phase 1Ph ถ้าใช้งานที่ 1000W/ชม.จะเท่ากับ  I =W/E ดังนั้น แทนค่า E=220 W=1000
                                                                                                       W/E=I 4.545
คำถามถ้า E ไม่ถึง 220 กระแสที่ใช้งานจะเปลียนหรือไม่
การใช้งานใช้แบบไฟบ้านปกติ มีตู้เย็น เตารีด ทีวื เครื่องซักผ้าฯลฯ

ช่วยตอบ ไฟฟ้าที่บ้าน AC 220 V  แต่ถ้าแรงดันไฟตกลง เหลือ 200 V กระแสจะเพิ่มขึ้นไหม?
 ....กระแสไฟฟ้าจะเพิ่มหรือไม่เพิ่มขึ้นอยู่กับ อุปกรณ์ที่เราต่อใช้งานอยู่ เนื่องจากแรงดันมันตกไปมันจึงต้องการกระแสเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะทำให้มันทำงานได้นั่นเอง ยกตัวอย่าง คุณเคยได้ยินนะครับว่ามอเตอร์ไฟฟ้าทำไมถึงไหม้ได้เมื่อแรงดันตก ก็เนื่องมาจากมันต้องทำงานหนักเพื่อขับโหลดให้ได้ในขณะที่แรงดันตก มันจึงต้องการพลังงานมากขึ้น(กระแส) เพาะ ฉะ นั้น  กระแสจะเพิ่มหรือไม่ตอนไฟตก อยู่ที่โหลดครับ     

ตามสูตร  A=( kW x 1000 ) / ( V x PF )       A=กระแส   

 ยกตัวอย่างถ้า มอเตอร์ปั๊มน้ำ มีขนาด1แรงม้าหรือเท่ากับ 0.75 kW ตัวประกอบกำลัง(PF)เท่ากับ 0.8  แรงดันไฟฟ้า 220V   
 
แทนค่า    (0.75 x 1000) / (220 x 0.8 ) = 4.26 A 

ถ้าแรงดันไฟตกละ เหลือ 190 V   

แทนค่า   (0.75 x 1000) / (190 x 0.8 ) = 4.93 A

แต่ในทางปฎิบัติแล้ว ปั๊มน้ำจะไม่้เดินตัวเปล่า จะต้องมีโหลดด้วย ยิ่งไฟตก ประสิทธิภาพการทำงานก็จะต่ำไปด้วย ตัวประกอบกำลังก็จะลดลงไปด้วย  เหลือประมาณ 0.65-0.7  (แต่ที่แสดงในสูตรนั้นเพื่อให้เข้าใจว่าถ้าแรงดันตกอย่างเดียวโหลดที่ต่อกับไฟจะกินกระแสจะเพิ่มขึ้นไหม ) มอเตอร์หรือปั๊มก็จะกินกระแสเพิ่มขึ้นมาก ลองแทนค่าตัวเลข 0.65 และ 0.7 ดูนะครับ ว่ากระแสเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน ถ้าไฟตกเหลือ 190V 

ผมว่า เข้าใจผิดแล้วละ

*** ไฟบ้าน 220V. จะจ่ายกระแสได่เท่าไรผมก็ไม่ทราบหรอก

      แต่ที่แน่ๆเราจะใช้กระแสเท่าไร เราก็ต้องใช้สายให้ใหญ่ เท่ากับกระแสที่เราใช้ เช่นเราจะใช้กระแส 10A สายก็ต้องทนกระแสได้ถึง 10 A เส้นก็ต้องใหญ่

      หม้อแปลงก็ต้องทนกระแสได้10Aขึ้นไป

---- เวลาไฟตกก็คือไปตก ไม่เคยรู้มาก่อนว่า  ณ เวลาที่ไฟ ตก กระแสจะเพิ่มขึ้น ต่อให้กระแสจะสูงขึ้นแล้วจะทำไม เมื่อV.ตก เครื่องหรืออุปกรณ์ไฟไฟ้ก็ไม่สามารถทำงานได้อยู่ดี

***  แต่ถ้ามีวงจรหรืออุปกรณ์ที่กินกระแสมากๆ  มากกว่าที่ต้นทางจ่ายได้ V.จะตก อันนี้ถูก

ขอบคุณทุกท่านครับที่ตอบไ้ด้วามรู้เพิ่มขึ้นอีกเ ยอะเ ลย เมื่อประมาณ2520 ถ้าจำไม่ผิด ขออภัยถ้าผิดปี รัฐบาลใช้น้ำมันเตาผลิต
กระแสไฟฟ้ามาก เมื่อน้ำมันขึ้นราคา การไฟฟ้าจึงประกาศลดแรงดันจาก 220V ลงเหลือ 218V ลดลง 2V รัฐบาล
จ่ายค่าน้ำมันลดลงตามไปด้วย อันนี้เป็นมาตรการเพื่อประหยัดรายจ่าย ในมุมกลับกัน ถ้าการลดแรงดันลงแล้วกระแสเพิ่ม
ขึ้น ปั๊มน้ำตัวเดิมกินกระแสเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นดังนี้เราทุกบ้านที่มีปัีมน้ำ(มอเต่อร)ก็ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้น ? เพราะการไฟฟ้า
ขายไฟฟ้าให้เราโดยวัดที่กระแส เพราะการลดแรงดันทำให้กระแสเพิ่ม ในอาคตอาจมีการใช่มาตรการแบบนี้อีกเมื่อน้ำมัน
แพงมากๆ

ก็พูดไปแล้วว่า

มันกินเท่าไร มันก็กินเท่าเดิมนั้นเหละ

*** มันจะจ่ายกระแสมากเท่าไรก็เรื่องมัน  เราใช้เท่าไร ก็ใช้เท่านั้นเหละ
***V.เกินเครื่องเสีย
***V.ต่ำเครื่องทำงานน้อยลง

พัดลมหมุนช้าลง
หลอดไฟสว่างน้อยลง
อุปกรณ์ไฟฟ้าจะทนขึ้นกว่าเดิม เพราะทำงานน้อยลง

เรื่องง่ายๆทำไมเข้าใจยากจัง  undecided2

ขอแจมเรื่องไฟตกหน่อย ผมอ่านแล้วชักงงๆเหมือนกัน   แต่ผมเข้าใจง่ายๆดังนี้  เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทุกชนิดคือโหลด เทียบเป็นความต้านทาน R หรืออิมพิแดนซ์ Z ค่ามันคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง  แต่แรงดันเข้า V ตก ค่าลดลง  ใช้กฎของโอห์มมาคำนวณง่ายๆ กระแสเข้า I ย่อมลดลง และกำลังงานก็ต้องลดลงด้วย  ยกเว้นเราใช้เครื่องสแตบิไลเซอร์ที่เป็นวงจรแอคตีฟเพื่อรักษาระดับแรงดันให้คงที่  (เท่ากับปรับลดค่าโหลด R)  กระแสขาเข้าก็จะเพิ่มขึ้นขณะที่แรงดันขาเข้าตก กำลังงานจึงเท่าเดิม

ถูกต้องครับ    :-X

สูตรการคำนวนมันตายตัว ตัวเลขเปลี่ยน ไปค่าผลลับก็เปลียน จะต้องมานั่งสอนวิชาเลขกันอีกหรือ กรรมจริงๆประเทศไทย
 V ลดลง
 Rเท่าเดิม
 I มันจะเป็นยังไง คิดไม่เป็นหรือครับ เรียนจบชั้น อะไรมาครับ แต่ถ้าจบป.4 ผมขอโทษแล้วกัน

 lsv-smile  ถูกต้องครับพี่    lsv-smile

สิ่งที่มันกินเท่าเดิมคือกำลังครับ แต่กระแสไม่ใช่  ...มันเกี่ยวข้องกับชนิดของโหลดครับ คือหากว่าโหลดประเภทขดลวด (L) มันจะมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งคือ รักษากำลัง (POWER) เอาไว้ให้คงที่ครับ ดังนั้นเมื่อแรงดันตกกระแสจะเพิ่มครับ ตามสูตร P=VI P.F ครับ เช่น กำลัง 2200 W (สมมติ P.F.=1) หากแรงดัน 220 V มันจะกินกระแส 10 A
P = VI P.F. = 220V x 10A x 1 = 2200 W แต่หากแรงดันตกลงครึ่งหนึ่งกระแสมันจะเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ 20A นั่นคือ
P = VI P.F. = 110V x 20A x 1 = 2200 W  ฉนั้นมอเตอร์เขาออกแบบมาให้ทนกระแสแค่ 10แอมป์ เมื่อกระแสเกินมันก็ต้องไหม้ ในทางตรงข้ามหากแรงดันเกินกระแสจะลด แต่มันจะชอร์ตครับ เพราะขดลวดถูกออกแบบมาใช้กับแรงดันเท่านั้น ....ดังนั้นโหลดประเภทมอเตอร์ที่ราคาแพง ส่วนใหญ่จะมีตัวป้องกันแรงดันเกินและแรงดันตกติดตั้งไว้ด้วยครับ เป็น Over Votage และ Under Voltage (O.V U.V) ถ้าหากเป็นมอเตอร์ปั้มน้ำแบบ 3 เฟส ก็จะมีการป้องกันการสลับเฟสที่เรียกว่าเฟสซีเคว้นคอนโทรลด้วยครับ
   แต่โหลดประเภทตัวต้านทาน (R) นั้นมันจะไม่สนใจที่จะรักษากำลังของมันเอาไว้ครับ มันสนใจเพียงว่า รับมาเท่าไหร่มันก็แสดงผลออกมาเท่านั้นครับ โหลดประเภทนี้ เช่น หลอดที่ให้แสงสว่างจากใส้หลอดโดยตรง หรือพวกลวดความร้อน ครับ นั่นก็คือในกลุ่มนี้มันจะให้กำลังตามที่มันรับมาเท่านั้น แต่ต้องไม่เกินพิกัดของมัน เช่น 100W/220V หากมันได้รับแรงดันไม่ถึง220V มันก็จะให้วัตต์หรือกำลังไม่ถึง 100 วัตต์ มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแรงกัน แต่หากแรงดันเกินมันจะให้วัตต์มากขึ้นแต่หากเกินมากเกินไปมันก็จะขาดครับ
    ในส่วนท่านที่คิดว่าว่ากระแสมันจะลดลงตามแรงดันตามกฏของโอห์มนั้นใช้ได้เพียงโหลด R เท่านั้นครับ แต่โหลด L ไม่ใช่ครับ ยกเว้นเพียงอย่างเดียวจะเป็นไปตามนั้นก็ต่อเมื่อเป็นวงจรไฟฟ้ากระแสตรงเท่านั้นครับ ถ้าเป็นวงจรไฟฟ้ากระแสสลับนั้นไม่ใช่ครับ

ตัวอย่างครับ ท่านวัดความต้านทานลำโพงได้ 4 โอห์ม ท่านป้อนไฟตรง 12 โวลต์ จะมีกระแสไหลผ่านลำโพง 12/4 แอมป์ แต่หากท่านป้อนไฟสลับ 12 โวลท์ กระแสจะไม่ถึง 12/4 แอมป์ ครับ เพราะ 4 โอห์มของขดลวด เมื่อเอาไปต่อในวงจรไฟสลับมันจะไม่ใช่ 4 โอห์ม แต่มากกว่าครับ ....จะมากกว่าเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความถี่ครับ
   แต่หากว่าเป็นตัวต้านทาน R จะได้ผลเท่ากับ หรือใกล้เคียงที่สุดครับ แต่ขอเตือนนะครับอย่าไปป้อนไฟตรง 12 โวลต์ เข้าลำโพงจริงนะครับเดี๋ยวมันจะพังเอา... smiley4 laugh2

หมุนครับ ต้องถอดสาย N ที่เข้าหม้อออกถึงจะทำให้ไม่หมุน ลองดูได้แต่อย่าทำทิ้งไวนะครับเพราะคนตรวจเค้าใช้แคล้มแอมป์จับดูทั้ง 2 เส้นถ้าหายไปเส้นเค้ารู้ทันที  lsv-smile

ขอคำอธิบาย เฟสซืเคว้นคอนโทลหน่อยครับ มีการติดตั้งด้วยหรือ แล้วอยู่ๆไฟ 3สายมันจะเปลี่ยนสลับเฟสจากต้นทางได้หรือ (เคยเห็นแต่มิเตอร์สำหรับเชค SQ)

กระทู้นี้คุยกันยาวแล้ว แต่ยังไม่ลงตัวกันเสียที่

ผมขอตอบเป็นครั้งสุดสำหรับกระทู้นี้ แล้วจะไม่มาตอบอีก ส่วนใครจะเข้าใจ แบบไหนจะเชื่อใครพูด ก็ตามสบาบ 

*** อันที่ 1 คือ การออกแบบ มาให้ ใช้V.ต่ำกระแสสูง  อันนี้ถูกต้อง นั้นหมายถึง เขาออกแบบให้วงจรทำงานแบบนั้น เช่น  ใช้ไฟ 12V. แต่กิน3A
       อันที่ 2.คือ ออกแบบมาให้ใช้ V. สูงกระแสต่ำ เช่น  220V. แต่กิน 0.5A.  อันนี้ก็ถูกต้อง

*** แต่ถ้าเป็นแบบ ที่ 2. เช่น พัดลม 220V.กิน0.5A  เมื่อไฟ 220ตกเหลือ 110 แล้วเครื่องจะไปกินกระแสมากขึ้น อันนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะพัดลมแทบไม่มีแรงหมุนเลย  หรือแทบไม่สามารถทำงานได้เลย แล้วจะกินกระแสมากขึ้นได้อย่างไร

*** ส่วนเรื่องลำโพง มันคนละเรื่องกับมอเตอร์ เอามาคุยด้วยกันไม่ได้

 :D ขออภัยครับท่านพรเทพ เรื่องเดิมนั้นจบแล้ว ไม่ติดใจอะไรพอดีเพื่อนที่อธิบายพูดถึง เฟสซีเคว้น หมายถึงการเลียงเฟส ABC ในไฟ3สาย
 RST  ผมสงสัยว่ามีเครื่องสลับเฟสอัตโนมัติวยหรือ หรือมีเครื่องป้องกัน ผมเคยเห็นแต่เครื่องสำหรับเชคว่าเฟสไหนเป็น R, S, T
 มันไปใกลแล้ว คิดว่าท่านที่เรียนไฟฟ้ากำลังน่าจะสนใจ คุณ kij น่าจะอธิบายได้ สำหรับท่านพรเทพขออภัยเป็นอย่างสูงครับ
 

มีครับ เคยเห็นรถปั่นไฟของการไฟฟ้ามั้ยครับ ลองถามเขาดูเอา

*** แต่ถ้าเป็นแบบ ที่ 2. เช่น พัดลม 220V.กิน0.5A  เมื่อไฟ 220ตกเหลือ 110 แล้วเครื่องจะไปกินกระแสมากขึ้น อันนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะพัดลมแทบไม่มีแรงหมุนเลย  หรือแทบไม่สามารถทำงานได้เลย แล้วจะกินกระแสมากขึ้นได้อย่างไร
*****************************************************************************************************

ท่านจะไม่ตอบอีกก็ไม่เป็นไรครับ... แต่ผมจะตอบ...เพราะนี่มันไม่ใช่ความแตกต่างทางความคิด แต่มันเป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้จากการทดลอง ซึ่งผมเห็นว่าควรจะให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจน เพราะมีหลายๆคนเข้ามาหาความรู้ในโลกแห่งนี้รวมทั้งตัวผมด้วย เพราะฉนั้นการที่ผมจะโพสอะไรลงไปนั้น ผมคิดว่าผมจะต้องให้สิ่งที่ถูกต้องแก่ผู้อ่าน การที่ท่านบอกว่าพอแรงดันต่ำลงแล้วพัดลมมันแทบไม่หมุนหรือว่าไม่สารมารถที่จะทำงานได้เลยนั้น มันไม่ได้แปลว่าพัดลมไม่ได้กินกระแสมากขึ้น หรือแม้แต่ไม่หมุนก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่กินกระแส  พิสูจน์ง่ายๆ โดยการใช้แคล้มออนวัดกระแสสิครับหรือจะเอาให้พังไปข้างนึงได้โดยการปล่อยไปเรื่อยๆ แล้วมันจะร้อนมากขึ้นและก็ไหม้ในที่สุด ที่มอเตอร์มันร้อนมากขึ้นเพราะอะไรก็เพราะกระแสมากขึ้นขดลวดมันก็ต้องร้อนและก็ไหม้ในที่สุด ความร้อนที่เกิดขึ้นห้าได้จากสมการ  Iยกกำลัง2 คูณกับR ...เมื่อ R มันคงที่แต่กระแสเพิ่มขึ้นมันก็ต้องร้อนมากขึ้น และการที่มันกินกระแสขึ้นก็เป็นไปตามตามสมการของกำลัง (Power) ไงครับ P = VI  (DC.)  และ P = VI P.F. (AC.) ซึ่งผมก็เน้นชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเป็นกับโหลดประเภทขดลวด (L) เช่น มอเตอร์ หรือหม้อแปลง หรืออะไรก็ตามที่มีส่วนประกอบจากขดลวด เท่านั้น (รวมทั้งลำโพงด้วย เอามาคุยด้วยกันได้ครับ)....  โหลดชนิดตัวต้านทาน (R) ไม่เกี่ยว หรือไม่มีผลในเรื่องนี้
             ความคิดในลักษณะนี้ผมไม่ได้ว่าใครหรอกครับ เพราะยังมีหลายๆคนที่เข้าใจยังไม่ชัดเจน แม้กระทั่งบางคนที่ไปเรียนต่อจนกลับมาเป็นครูอัตราจ้าง (บางคน) ยังมั่วนิ่มก็มี หากสงสัยในเรื่องใดผมคิดว่าเราเป็นช่างและมีเครื่องมือพอที่จะทดลองได้ครับรู้ความจริงเอาไว้ไม่เสียหายและไม่เป็นการเสียฟอร์มแต่ประการใด เพราะไม่มีใครที่รู้อะไรไปทุกเรื่อง.... ;)
 wav!! wav!! wav!! wav!! wav!! wav!! wav!! 

RST  ผมสงสัยว่ามีเครื่องสลับเฟสอัตโนมัติวยหรือ หรือมีเครื่องป้องกัน ผมเคยเห็นแต่เครื่องสำหรับเชคว่าเฟสไหนเป็น R, S, T
 มันไปใกลแล้ว คิดว่าท่านที่เรียนไฟฟ้ากำลังน่าจะสนใจ คุณ kij น่าจะอธิบายได้ สำหรับท่านพรเทพขออภัยเป็นอย่างสูงครับ
****************************************************************************************************

Phase Sequence Control เท่าที่เคยเห็นเป็นทั้งตัวเช็คเฟสและตัดไฟออก (ไม่จ่าย) นั่นคือหากเฟสไม่ตรง RST เครื่องนี้จะไม่จ่ายไฟให้แก่โหลด ซึ่งจะมีฟังก์ชั่น OV และ UV เพิ่มขึ้นมาอีกครับ แต่ตัวที่ทำงานแบบว่าหากไฟมาไม่ตรงเฟสแล้วสลับให้ถูกเองนั้นผมยังไม่เคยเห็นครับ ตามจริงเทคโนโลยีด้านนี้ก็ก้วไวมากเหมือนกันครับ มีทั้งตัวป้องกันเฟสหายเพิ่มมาอีกด้วยครับ คือว่าหากว่าเฟสหายไป เครื่องจะตัดไฟออกครับ ป้องกันมอเตอร์เสียหายครับ

มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้บางท่านที่ยังไม่ทราบได้ทราบเอาไว้ว่า การไฟฟ้าฯ เขาขายไฟให้เราใช้ตามบ้านเรือนทั่วไปนั้นเขาขายพลังงานไฟฟ้า (W) ครับ W=Pt. ครับ เขาไม่ได้ขายกระแสให้เราอย่างเดียวนะครับ เครื่องมือที่ใช้วัดพลังงานไฟฟ้าก็คือ กิโลวัตต์อาร์วมิเตอร์ KWh มีหน่วยวัดเป็น กิโลวัตต์-ชั่วโมง ครับซึ่ง 1 กิโลวัตต์-ชั่วโมงเขาเรียกว่า 1 หน่วย หรือ 1Unit ครับ การทำงานเครื่องวัดตัวนี้อาศัยหลักการเหนี่ยวนำจากขดลวด 2 ชุดครับ คือ ขดลวดแรงดันต่อขนานไว้กับแหล่งจ่ายตลอดเวลา สร้างอำนาจแม่เหล็กขึ้นมาเพื่อเหนี่ยวนำกับจานหมุนแต่ยังไม่มีแรงบิด จานจึงไม่เหมุนขณะที่เราไม่ได้ใช้ไฟครับ และอีกชุดหนึ่งเป็นขดลวดกระแสครับ ขดลวดชุดนี้จะต่ออนุกรมกับโหลดครับ ดังนั้นเมื่อโหลดถูกใช้งานก็จะมีอำนาจแม่เหล็กที่เกิดจากขดลวดชุดนี้เพิ่มมากอีกหนึ่งชุด ไปเหนี่ยวนำกับจานหมุน เป็นผลทำให้เกิดแรงบิดและหมุนไปได้ครับ ซึ่งเราจะเห็นว่าทุกค่านั้นคงที่ จะมีตัวแปรเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือปริมาณกระแสที่เราใช้ อันจะเป็นผลให้จานหมุนเร็วหรือช้าครับ  ส่วนปริมาณตัวเลขแสดงผลนั้นจะเปลี่ยนไปมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ 1.ปริมาณกระแสที่ใช้(ความเร็ว) 2. ระยะเวลาที่ใช้งาน(ระยะเวลา) ครับ
    ดังนั้นชาวบ้านเราบางคนจึงเรียกเครื่องมือวัดตัวนี้ว่า หม้อแอมป์ ,หม้อแปลง , มิเตอร์ ครับ จะเรียกให้ถูกแบบกลางๆ ควรเรียกว่ามิเตอร์ครับ ชื่อเติมคือ kWh meter ครับ ส่วนหม้อแปลงนั้น ในทางเทคนิคไม่ใช่ครับเพราะมันไม่ได้แปลงปริมาณทางไฟฟ้า อึม....แต่อาจจะแปลงไฟฟ้าเป็นตัวเลขแล้วตัวเลขแปลงเป็นเงิน กระมังครับชาวบ้านจึงเรียกหม้อแปลง ... อันนี้ไม่ยืนยันครับ ..ฮา.... 5555 ....   laugh2 olleyes2 :( ;) ;) wav!! wav!! wav!!

 :D :) ขอบคุณทุกท่านที่มาให้ความรู้ความกระจ่างอย่างชัดเจน ผู้ให้ๆในสิ่งที่ผู้รับต้องการ ผลลัพท์คือ การได้รับความสุขทั้ผู้ให้และผู้รับ  thank2

ขอคำอธิบาย เฟสซืเคว้นคอนโทลหน่อยครับ มีการติดตั้งด้วยหรือ แล้วอยู่ๆไฟ 3สายมันจะเปลี่ยนสลับเฟสจากต้นทางได้หรือ   (เคยเห็นแต่มิเตอร์สำหรับเชค SQ)

*****************************************************************************************************

ตรงนี้ผมขออธิบายอีกนิดนึงครับว่าจริงๆแล้ว ไฟ 3 เฟสที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ อยู่ๆมันจะสลับเฟสหรือผิดเฟสเองไม่ได้ครับ แต่โอกาสการสลับเฟสมีไหม?? มีครับคนนี่แหละครับสลับมัน เรียกให้หรูหน่อยก็เรียกว่า"อุบัติเหตุ"ครับ มันเกิดแล้วและผมเคยเห็นแล้ว มอเตอร์เครื่องกลึง 3 เฟส หมุนกลับทางทุกตัวทั้งโรงงานครับ ผมและบางคนอาจจะนึกว่าปกติเครื่องกลึงมันก็มีกลับทางหมุนอยู่แล้วนี่ อันนั้นใช่ครับแต่เวลาเขาใช้งานเขาจะหลงทางครับ สั่งซ้ายไปขวา สั่งขวาไปซ้าย ก็ใช้ได้ครับแต่ไม่ดี แต่หากเป็นปั้มแบบก้นหอยโข่งละก้อมีปัญหาแน่ครับ แทนที่จะดูดกลับเป็นอัด และอัดกลับเป็นดูด หากปั้มน้ำทั่วไปปัญหาไม่ใหญ่ครับ แต่หากเป็นปั้มของ หม้อต้มใหญ่ๆ Boiler มีปัญหาแน่ครับ เคยได้ยินข่าวครับของ รพ. (จำที่ไม่ได้) ระเบิดครับเพราะเช็ควาล์วมันโฟล์ไออกไม่ทันครับ ผลคือตึกพังครับ
   โม้จนเพลิน มันกลับเฟสยังไง??? ...คนครับกลับให้เฟสมัน....  ที่ผมเจอเร็วๆนี้ก็คือช่างจากบริษัทเขามาบริการหม้อแปลงครับ แล้วต่อสายสลับเฟสครับ เฟสมันเลยกลับครับ แต่หากว่าใช้ไปเฉยๆ ไม่กลับครับ ...เขาเอามาป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดแบบนี้ครับ....

ขอบคุณครับท่าน b.chaiyasith ที่เข้าใจผม แต่ผมขอโทษด้วยครับที่ไม่สามารถตอบPM ท่านได้ผมเป็นแค่สมาชิกใหม่ครับ  มีอะไรจะให้ช่วยเหลือแจ้งทางเมลผมก็ได้ครับ
kij.m@ไทยเมล.คอม ครับ kij_101@Hotเมล.คอม ครับ :D :D

อ้าวไหนเลยมาจบแบบนี้ 

การไฟฟ้าเจอ โดนหนักน่ะครับ พี่ทำงานอยู่ไฟฟ้า ผมอยู่ ทีโอที

ผมไม่แน่ใจนะแต่เคยเจอเขามีใบจดสิทธิบัตรด้วยนะ หรือใบอะไรสักอย่าที่เป็นตราครุฑ แต่ประหยัดจริงดูจากมิเตอร์ที่หมุนถ้าไม่ประหยัดได้จริงจะจดสิทธิ์บัตรไม่ได้แน่ :P

ขอบคูณ มากครับคูณ kij_101 ที่ให้ความกระจาง  หาเหตุผลมาตั้งนาก  kiss6 thank2 thank2 thank2

อันนี้เป็นวงจร Watt hour meter 1 Phase ครับ
ถ้าอยากประหยัดไฟค่า Power factor ต้องเป็น 1 แต่ความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้แน่นอน
เพราะโหลดในบ้านที่ใช้เป็นทั้ง R, L, C ทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าลดลง ทำให้ใชพลังงานมากขึ้น
การแก้ให้ค่า Power factor ใกล้เคียง 1 โดยการต่อ Capacitor เข้าไปชดเชย (Capacitor Bank)
แต่ถ้าเทียบความคุ้มค่า กับ การเสียค่าไฟต่อเดือนแล้วไม่คุ้ม เพราะลงทุนมาก ผลที่ได้น้อย
ถ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ๆ ใช้ไฟเยอะๆ จะได้ผลดีมาก
ทำให้เครื่องจักทำงานเต็มประสิทธิภาพครับ

ด้วยเกรียติของผม ขอบอกว่าได้แน่นอนครับ เคยเห็นของจริงแล้ว ผมเคยไปพักอาศัยที่วัดถ้ำกระบอกซึ่งแต่ก่อนเป็นที่อาศัยของคนที่อพยพมาจากประเทศลาว เห็นบอกว่าอาจารย์ฝรั่งสอนมา มันจะเอาสาย กราวด์ปักลงดิน แล้วจะหมั่นค่อยรดน้ำ เห็นไฟอ่อน ก็จะวิ่งไปลดน้ำ แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าทำอย่างไร

แต่เค้าก็แอบนะ เอาสายไฟเส้นเล็ก ๆ ซ่อนตามผนังบ้านเอา

ถามว่าได้ไหม ตอบว่าได้แน่นอนครับ แต่อย่าลืมนะครับว่ามิเตอร์หมุนเหมือนเดิมไม่เชื่อลองซื้อมิเตอร์มาแล้วทำดูครับจะรู้ หรือประหยัดหน่อยก็ลองทำแล้วสังเกตุที่มิเตอร์การไฟฟ้าก็ได้ 

มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับมิเตอร์ไฟฟ้า ถามเข้ามาได้ครับ .. ผมไม่เก่งหรอก แต่จะฝากถามน้องชายผม(บังเอิญทำงานเป็นรองผ.จ.ก.แผนกมิเตอร์การไฟฟ้าอ.ปากพนังครับ จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องในเว็บบอร์ดเพิ่มขึ้นครับ)  HAPPY2!!

..แต่ที่รู้ๆ ปัจจุบันนี้ ผู้ที่จะขอติดตั้งมิเตอร์ใหม่ จะต้องเดินสายในบ้านด้วยสาย3เส้นแล้วนะครับ(มีสายกราวด์ด้วย) บ้านไหนเดินระบบเ่ก่า 2 เส้นจะไม่ผ่านครับ  HAPPY2!!

ถามเลยนะครับ

การขอมิเตอร์ชั่วคราว ใช้ได้กี่เดือน แล้ว เวลาคืนได้เงินมัดจำคือเท่าไร ถูกหักค่าอะไรไปบ้าง

*** กำลังจะซื้อบ้านหลังใหม่ ถ้าซื้อสำเร็จ ก็ต้องซ่อมบ้านกันหน่อย
ตอนซ่อมบ้านก็ต้องใช้มิเตอร์สำรอง

พรุ่งนี้น้องชายมาที่สวนจะถามให้นะครับ .อย่าลืมเตือนด้วยนะ อิๆ  HAPPY2!!