หัวข้อ: ไวรัสตับอักเสบ บี เริ่มหัวข้อโดย: แวมไพร์-LSVteam♥ ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2008, 08:05:17 am ไวรัสตับอักเสบ บี
(http://www.dailynews.co.th/web/images/logo.gif) (http://ads.dailynews.co.th/title/column/column_61.gif) แม้ไวรัสตับอักเสบ บี จะเป็นที่รู้จักกันดี แต่ก็มีคำถามอยู่บ่อย ๆ ว่า เป็นแล้วจะหายหรือไม่ แล้วจะต้องรักษาอย่างไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.นพ.ทวีศักดิ์ แทนวันดี สาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า หลายคนที่ไปตรวจร่างกายแล้วพบ ไวรัสตับอักเสบ บี ต้องเข้าใจว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นตอนวัยผู้ใหญ่ แต่ติดจากแม่ตั้งแต่แรกเกิด โดยในตอนคลอด ผิวหนังอาจจะมีถลอกปอกเปิก พอไปสัมผัสกับเลือดแม่ขณะคลอดทำให้ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ถ้าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ก่อนวัย 1 ขวบ! จะเป็นตับอักเสบเรื้อรัง แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว เพราะเด็กที่เกิดมาจะถูกจับฉีดวัคซีนภายใน 12 ชั่วโมง หลังคลอด ปัจจุบันเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีเป็นไวรัสตับอักเสบ บีจึงมีน้อยมาก คนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ บีในปัจจุบันถือเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว คือ เป็นคนที่มีอายุ 20 กว่าปีขึ้นไป เป็นคนที่เกิดในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีน ถ้ากลุ่มนี้เสียชีวิตไป ไวรัสตับอักเสบ บี ก็จะเริ่มหมด รุ่นใหม่ ๆ จะไม่มีปัญหา เนื่องจากไวรัสตับอักเสบ บี ติดง่ายกว่าไวรัสเอดส์เป็น 100 เท่า เพราะเชื้อเยอะกว่ากันมาก ถ้าไปติดไวรัสตับอักเสบ บี ในวัยผู้ใหญ่ เช่น ติดจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยคนที่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ บี 1 ครั้งโอกาสติดประมาณ 30 % เพราะฉะนั้นถ้าติดในวัยผู้ใหญ่ คนไข้ที่ได้รับเชื้อมาจะมีอาการตับอักเสบเฉียบพลัน แต่มักจะหายไปและมีภูมิต้านทานจะไม่เป็นเรื้อรัง คนที่เป็นตับอักเสบเรื้อรังส่วนใหญ่มักติดไวรัสตับอักเสบ บี มาจากแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ การที่แม่อายุมาก 50-60 ปี แล้วตรวจไม่พบก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยเป็น อาจจะเคลียร์ไวรัสไปได้ เหมือนกับว่าอยู่กันมานมนานดินไม่ดีแล้ว เอาต้นไม้อะไรไปปลูกก็ไม่งอก ไวรัสก็ชิงตายไปก่อน ถ้าจะรู้ได้ ก็คือลองตรวจ ลูกพี่น้องท้องเดียวกัน ถ้าเป็นส่วนใหญ่จะติดจากแม่ แต่ก็อาจจะติดจากพ่อได้เช่นกัน คือ ก่อนวัย 1 ขวบ เด็กอาจมีแผลถลอกปอกเปิก ขณะเดียวกันถ้าพ่อมีแผล มีเลือดออก เด็กไปสัมผัสก็อาจทำให้ติดได้ ในคนไข้ที่ติดไวรัสตับอักเสบ บี ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอะไร ซึ่งโรคสงบก็จริงแต่ตับจะค่อย ๆ เสื่อมไปเรื่อย ๆ ไวรัสตับอักเสบ บี จะแฝงอยู่ในเซลล์ตับของผู้ป่วยไปตลอด พอนานเข้าอายุ 40-50 ปี ตับจะค่อย ๆ เสื่อมมากขึ้น ในที่สุดตับก็แข็ง และเป็นมะเร็งตับ นี่คือธรรมชาติของไวรัสตับอักเสบ บี ไวรัสตับอักเสบ บี มีความสามารถ คือ เป็นนาน ๆ ตับแข็ง ตับแข็งนาน ๆ ก็เป็นมะเร็ง หรือ ตัวไวรัสตับอักเสบ บี สามารถแทรกซึมไปในดีเอ็นเอของคนเราทำให้เกิดมะเร็งตับโดยตับไม่แข็งก็ได้ โดยมีโอกาสทำให้เกิดมะเร็งตับสูงกว่าไวรัสตับอักเสบ ซี ถ้ารอให้มีอาการ ก็คงไม่มีประโยชน์ อย่างดีเจคนหนึ่งที่เสียชีวิตไป รอให้มีอาการเมื่อใดก็นับถอยหลัง 1-2 เดือนก็เสียชีวิตแล้ว ถ้ารอให้มะเร็งตับมีอาการมันต้องก้อนใหญ่ ๆ ขนาด 10-20 เซนติเมตร ถ้าก้อนขนาด 1-2 ซม.ไม่มีอาการหรอก เพราะฉะนั้นคนที่มีประวัติในครอบครัวเป็นมะเร็งตับ หรือคนที่มีพี่น้องในครอบครัวเป็นไวรัสตับอักเสบ บี แนะนำให้ไปตรวจเลือด เพราะมีความเสี่ยงสูง ในวันที่ 19 ก.พ. นี้ มูลนิธิโรคตับ ซึ่งก่อตั้งโดยแพทย์ที่ดูแลโรคตับจากโรงเรียนแพทย์ใหญ่ ๆหลายแห่งจะรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงไวรัสตับอักเสบ บี และซี เพราะในอดีตคนมีความเชื่อผิด ๆ ว่า ติดไวรัสตับอักเสบ บี ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีอาการ เป็นแค่พาหะ ทั้งที่ความจริงแล้ว ติดไวรัสตับอักเสบ บี เป็นภัยเงียบ ถ้าปล่อยไปไม่รักษา อายุ 50-60 ก็เป็นมะเร็ง ไม่ทันแล้ว ช่วยอะไรก็ไม่ได้ การรักษาเป็นการคุมไวรัสตับอักเสบ บี ไม่ให้มากจนเกิดเรื่อง ส่วนใหญ่จะไม่หายขาด เปรียบเหมือนเราจะปราบโจรให้หมดไปจากโลกมนุษย์คงเป็นไปไม่ได้ มันก็ต้องมีอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ให้มาปล้นสะดมจนอยู่ไม่ได้ ยาที่ใช้รักษามีทั้งยา ฉีดและยากิน ถ้าใช้ยาฉีดอย่างเดียวจะฉีดสัปดาห์ละเข็มไปเรื่อย ๆ ส่วนยากินอย่างเดียวมีราคาตั้งแต่ 1,000-9,000 บาทต่อเดือน ต้องใช้ยาติดต่อกันหลายปี หรือตลอดชีวิต. suwat_krub@hotmail.com ใครอยากทราบรายละเอียดติดต่อมาครับ |