LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

 :( ภาษาปะกิตไม่ค่อยกระดิก ได้แต่ on/off กะ auto  ไปเจอที่ นิคอนไทยแลนด์ ก็โหลดไม่ได้ ไม่ทราบมีจากแหล่งอื่นใหม รบกวนด้วย  :D

ผมมีแต่ D70S ...  :P :(

http://images.seacow.multiply.com/attachment/0/Rvlf3AoKCn0AAEgmPcM1/Nikon%20D40%20%26%20D40x%20Thai%20Manual.pdf?nmid=59399090

ไปถอยมาใช้แล้วหรือครับ ตัวนี้ก็น่าใช้ เสียอย่างบอดี้มันเล็กไปนิด แต่พอจะหาซื้อกิ๊ฟเสริมมาใส่ได้
มีแต่ D40 ที่มีอยู่ ฟั่งก์ชั่นการทำงานเหมือนกัน  แนะนำให้เล่น mode P, S, A, M บ่อยๆ   
หาเลนส์ 55-200 VR  มาใช้อีกสักตัวรับรองแจ่ม  ???

คู่มือภาษาไทย D40 (http://cbantoon.narak.com/D40_Thai_QG1.pdf)

(http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?action=dlattach;topic=19491.0;attach=32650;image)




ว่าจะไปเดินดูงาน Photo Fair 2007 งานจัดระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม 2550 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา  จัดที่ไรไม่เคยได้ไปเพราะตรงกับช่วงท่องเที่ยวทุกที  วันนี้มีงานแสดงพลุแถวศูนย์ประชุมแหล่งชาติสิริกิตด้วย ที่สวนสาธารณะข้างๆ   :P


(http://photofairthailand.com/cms/images/stories/content/b72f1782d5.gif)

อันนี้แถม.. :P

คู่มือภาษาไทย Nikon D50 ไม่มี Bookmark (http://cbantoon.narak.com/D50_Thai_QG.pdf)

คู่มือภาษาไทย Nikon D50 มี Bookmark (http://cbantoon.narak.com/D50_Thai_QG_BM.pdf)

คู่มือภาษาไทย Nikon D70s (http://cbantoon.narak.com/D70s_Thai_X2.pdf)

คู่มือภาษาไทย Nikon D80 (http://cbantoon.narak.com/D80_Thai_01.pdf)

คู่มือภาษาไทย Nikon D200 (http://cbantoon.narak.com/D200_TH01.pdf)

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วมาเอาใจคนรัก D40 กันหน่อย (หรือชาวค่ายนิกร)  :P
ไปดูผลการประกวดภาพหัวข้อ "สถาปัตยกรรม"  ที่เจ้า D40 มาแรงแซงทางโค้งเอาชนะกล้องตัวอื่นๆ ได้  :-X


 ** ผลการประกวดภาพหัวข้อ "สถาปัตยกรรม" (http://www.fotoinfomag.com/forum/viewtopic.php?t=197)




แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกล้องเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ แต่ฝีมือต้องมาก่อนเสมอ   ???

 เพิ่งถอยมาได้ 2 วัน ราคาซื้อที่คาร์ฟูหาดใหญ่ 24880 แถม แมม 1 กิ๊ก อันเดียว แพงไปนี้ดนึง  :P

แสดงว่าราคาประกันศูนย์ nikthailand สิครับ..
ถ้าเอาราคาประกันร้านเพิ่มอีกสองพันจะได้เลนส์ 55-200 ไปเล่นอีกตัว  :P
ยิ่งไปซื้อในงาน Photo Fair ของแถมเพียบ..

  :( ช่วยแนะนำเลนส์มาโครที่ถ่ายภาพบุคคลเน้นฉากหลังเบลอ ซักตัว เอาแบบปานกลาง (กระเป๋าเริ่มแบน แฟนเริ่มงอน) :P

ถ้าจะถ่ายภาพบุคคล ส่วนมากเขานิยมใช้ 50mm หา f กว้างๆ หน่อย  เช่น f1.4  (เปิดหน้ากล้องกว้างสุด ความชัดลึกก็น้อย หลังมันก็จะเบลอ  f ตัวเลขมากความชัดลึกก็มากตาม..อย่าลืมศึกษาเรื่องพื้นฐานพวกนี้ด้วยนะครับ จะช่วยได้มาก เวลาใช้โหมด M, A, S)
จะเล่นกล้องต้องทำใจกระเป๋าแห้งแน่ๆ ถ้าเล่น DSLR ละก็  :P   

แต่ข้อเสียอย่างของเข้า D40x ที่ผมลังเลคิดแล้วคิดอีกตัดสิ้นใจไม่เล่นคือมันเป็น auto ทั้งหมด
ถ้าใช้เลนส์ที่ไม่ไ่ด้รองรับ ระบบวัดแสงมันจะไม่ทำงาน เลยกลายเป็นข้อจำกัดไป แต่อีกหน่อยคงมีเลนส์ออกมามากขึ้น (AF-S Lens) เหตุนี้เลยมองข้ามไปดูเจ้า D80 กะเจ้า 400D ของค่ายหนอนแทน

แต่เห็นน้องที่ใช้บอกว่าสีสันจัดจ้านดีตัวนี้ ถ่ายท้องฟ้าแจ่ม

ลองดูที่นี่ละกัน..Nikkor Lenses (http://www.europe-nikon.com/family/en_GB/categories/broad/257.html)

 :P ภาพจากกล้อง ทั้ง 2 ตัว ของผม ปรับออโต้  :(

วาว...เห็นบ่นๆเมื่อต้นปี ปลายปี ท่านสมนึก ถอยรุ่นแจ๋วมาเลยหรึนี่ แซงไปหลายขุมเลย  ผมยังไม่คิดจะเปลี่ยนเลย นิ รอ ปีใหม่กะจะออกเหมือนกัน งบไว้ 25000.- พร้อม เทเล 300 mmไม่รู้จะเอาตัวไหน :P  โอ๋แนะที :P

ถ้าพี่สุพจน์ยังไม่มีอุปกรณ์ของค่ายไหนเลย (หมายถึงเล่นแมนนวลมาก่อน)
ถ้างบที่ว่ามาบวกเลนส์ของใหม่ก็น่าจะได้อยู่สองตัวคือ 350D กะ D40X
350D ของค่ายหนอนลดลงเยอะเพราะเจ้า 400D ออกมา ไม่ถึงสองหมื่นที่เหลือซื้อเลนส์ซูมได้อีกตัว
ไม่นั้นพี่ก็ซื้อเจ้า D40x เอาแบบประกันร้าน ล่าสุดที่ไปดูเป็นชุดนี้ Nikon D40x Dual Lens Kit (18-55mm, 55-200VR) ราคาอยู่ที่ 26,xxx ปลายๆ  ถ้าราคาศูนย์ Nikon D40x Lens Kit (18-55mm)  อยู่ที่ประมาณที่ท่านsomnuktv ซื้อมา (ราคาศูนย์จะเท่ากันทั้งประเทศ) ถ้าไม่ซีเรียสเอาประกันร้านก็ได้ครับพี่ เพิ่มอีกไม่ถึงสองพันจะได้ชุดที่ผมว่า..แบบในรูป

(http://www.onecall.com/ImageCache/nikon_D40x2lenskit_300x250_s.jpg)



ดูเปรียบเทียบกันครับ
1. Canon 350D + Lens 18-55 mm = 18,990 บาท ** ประกันศูนย์ Canon ไทยแลนด์ **
2. Canon EOS 400D ประกันศูนย์ + Lens 18-55 mm + CF Kingston 1G = 25,990 บาท **
3. Canon EOS 400D KIT EF-S 18 - 55 II USM  ราคา 20,900 ประกันร้าน
4. NIKON D40X + SD 2G กล้องดิจิตอล Digital DSLR นิคอน ประกันศูนย์ 24,800 บาท
5. NIKON D40 x Kit Lens 18 - 55mm ราคา 20,500  ประกันร้าน
6. NIKON D40 x Kit 2 Lens DX 18 - 55mm, 55-200mm VR  ราคา 26,700  ประกันร้าน    
7  Nikon D40X  body + 18-135mm  ราคา 31,800.00     
    (อีกทางเลือกซื้อ Body ไปใช้เลนส์ kit ของ D80 ใช้เลนส์ตัวเดียวเที่ยวทั่วไทย)



ผมดูราคาที่ร้าน Pix-One ฟอร์จูนนะพี่ หรือดูที่เว็บ http://www.pix-one.com/product.asp

พี่มอง Body D40x ประกันร้าน และกะจะหา zoom  ราคา ไม่เกิน 5000.- ครับ  กะว่า ปีใหม่ราคาคงลดลงอีกแน่นอน :D :)   ขอบคุณ น้องโอ๋ครับ  ฝันไว้นาน คงจะตัดสินใจได้สะที

ซื้อสุดนี้เลยครับ NIKON D40 x Kit 2 Lens DX 18 - 55mm + 55-200mm VR  ราคา 26,700  ประกันร้าน   (ได้เลนส์ต่อช่วงรับพอดี)  คุ็้มแน่นอนร้านที่ผมบอกที่นี่ลดเยอะกว่าทุกที่แล้วที่ดูๆ มาก แล้วซื้อกระเป๋า low อีกสักใบทีนั่นก็พันนิดๆ เอง  :P

ตัวนี้เลนส์มีจำกัดหน่อยนะพี่เพราะมัน Auto หมด  เห็นจะซื้อแต่ Body ก็คงต้องเป็นประกันร้านเพราะเท่าที่ถามเพื่อนน้องที่นิคมาศูนย์ไม่แยกขาย  ที่ทำให้ผมหันไปมองเจ้า D80 ก็เพราะเรื่องนี้แหละเลนส์ได้อิสระกว่า

 :'(
เราหาเลนซ์ ยี่ห้ออื่นใส่ได้เปล่า เช่น Sigma  ตัวนี้
งบเลนซ์ มือสอง 50-500mm เท่าไหร่กันนะ  อยากถ่ายภาพนก สัตว์
(http://ecx.images-amazon.com/images/I/41ZG24EWF2L._AA280_.jpg)

ถ้าพี่จะเล่นเลนส์อิสระ ผมว่าเล่น 400D ไปดีกว่าครับ ตัวนี้ใส่เลนส์อิสระกว่า
เอาเฉพาะ Body มีแยกขาย แค่ราคารวมเลนส์ kit ก็เพิ่มอีกไม่กี่บาท  :P
D80 บอดี้อาจสูงไปนิด  เลนส์นิคอนเอาเม้าส์ canon ใส่ได้ครับ

ชอบอิสระ ครับ งั้นพี่จะมอง 400D  ดีกว่า แล้วหาเม้าส์ตัวอื่นใส่  ไม่ชอบอะไรที่ ฟิกเกินไป ??? ???

เลนส์เฉพาะค่านหนอนก็มีครับพี่ เยอะเลย ในราคาเท่ากันค่ายนี้ซื้อของได้มากชิ้นกว่า  :P
เลนส์ CANON  (http://www.checkprice.net/camera/accessories/lens/index.php/b/125)

แต่ได้อ่านบทความนี้แล้วเป็นห่วงว่าการกำจัดฝุ่นรุ่นนี้จะมีปัญหา  เอาไงดีน้องโอ๋ :P

ระบบกันฝุ่นในกล้อง DSLR

ฝุ่นกับเซ็นเซอร์รับภาพเป็นของที่ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะกล้องแบบ DSLR ที่มีการเปลี่ยนเลนส์อยู่บ่อยๆ ดังนั้นโอกาสที่ฝุ่นจะเข้าไปถึงเซ็นเซอร์รับภาพได้นั้นมีมาก ในอดีตกล้องดิจิตอล DSLR จะต้องมีส่งเข้าศูนย์ เข้าร้านซ่อม เพื่อทำการล้างฝุ่นออกจากเซ็นเซอร์อยู่เป็นประจำ

จนกระทั่ง Olympus ได้คิดค้นระบบกำจัดฝุ่นด้วยตัวเองขึ้นมาในชื่อ Supersonic Wave Filter แล้วนำมาใส่ในกล้องดิจิตอล DSLR ของ Olympus ทุกรุ่น ซึ่งระบบนี้ก็สามารถทำงานได้ดี จนมีชื่อเสียงชนิดที่ว่าคนที่ใช้กล้องดิจิตอล DSLR ยี่ห้ออื่นๆ ต่างเรียกร้องอยากได้ระบบกำจัดฝุ่นบ้าง เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาล้างเซ็นเซอร์รับภาพอีกต่อไป

(http://www.kmutt.ac.th/ene/pic/techno/dslr_1.jpg)
 

ระบบกำจัดฝุ่นของ Olympus มีหัวใจอยู่ที่ แผ่นวัสดุบางๆที่ปิดตัวเซ็นเซอร์รับภาพเอาไว้ โดยที่แผ่นนี้สามารถสั่นได้ ในระดับอัลตราโซนิค (สั่นมากกว่า 20,000 ครั้งต่อนาที) ซึ่งเป็นช่วงระดับความสั่นที่นิยมใช้ในการทำความสะอาด โดยที่อัตราการสั่นในระดับนี้ จะทำให้ฝุ่นที่ติดอยู่บนแผ่นวัสดุหลุดออกได้โดยง่าย
(http://www.kmutt.ac.th/ene/pic/techno/dslr_2.gif)
รายถัดมาที่ทำระบบกำจัดฝุ่นก็คือ Sony Alpha ซึ่งนับเป็นเจ้าแรกที่ทำระบบนี้ขึ้นมาหลังจากปล่อยให้มีเพียง Olympus มีระบบกำจัดฝุ่นอยู่เพียงเจ้าเดียวมานานหลายปี ทาง Sony Alpha ได้ออกระบบระบบกำจัดฝุ่นมาในเดือน มิถุนายน 2550 ซึ่งมาพร้อมกับ Sony Alpha A-100

ระบบกำจัดฝุ่นของ Sony Alpha A-100 พัฒนามาจากระบบกันภาพสั่นไหวที่ CCD ซึ่งระบบกันภาพสั่นไหว จะทำการเคลื่อน CCD (เซ็นเซอร์สำหรับรับภาพ) เพื่อชดเชยการสั่นของกล้อง ทำให้ได้ภาพที่คมชัด แม้ตัวกล้องมีการสั่นเล็กน้อย

ด้วยระบบกันสั่นนี้ทาง Sony Alpha ก็ได้นำมาประยุกต์ใช้เป็นระบบกำจัดฝุ่น โดยการสั่งให้ CCD เคลื่อนเป็นจังหวะ ด้วยความไวสูง (สั่นประมาณ 100 รอบต่อนาที) เพื่อให้ฝุ่นที่เกาะอยู่บน CCD หลุดออกมาได้ นอกเหนือจากการสั่น CCD แล้ว Sony Alpha ยังได้เคลือบผิวของ CCD ด้วย indium-tin oxide เพื่อช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิตบน CCD อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝุ่นที่เกาะอยู่นั้นหลุดออกไปยาก

 (http://www.kmutt.ac.th/ene/pic/techno/dslr_2.gif/[img]Canon ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ออกระบบกำจัดฝุ่น ตาม Sony Alpha มาติดๆ โดยได้นำมาใช้กับกล้องรุ่น EOS-400D โดยใช้หลักการคล้ายกับของทาง Olympus โดยได้เพิ่มระบบสั่นไปยังฟิลเตอร์ด้านนอกสุดที่ปิด CMOS (เซ็นเซอร์รับภาพอีกชนิดหนึ่ง) เอาไว้ เพื่อทำการสั่นให้ฝุ่นที่เกาะอยู่หลุดออกมาได้ นอกเหนือไปจากระบบกำจัดฝุ่นทาง Canon ยังได้มีระบบซอฟแวร์ที่จะทำการเก็บข้อมูลฝุ่นที่เกาะอยู่บน CMOS แล้วบันทึกข้อมูลลงไฟล์รูปภาพ เพื่อนำไปใช้ในการลบฝุ่นออกจากภาพด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพได้ โดยระบบกำจัดฝุ่นและระบบเก็บข้อมูลฝุ่นที่เกาะอยู่บน CMOS นี้ เรียกรวมกันว่า Canon EOS Integrated Cleaning System ค่ายสุดท้ายที่มีระบบกำจัดฝุ่น ก็คือPentax โดยได้นำไปใส่ไว้ในรุ่น K10D สำหรับระบบกำจัดฝุ่นของ Pentax ก็ใช้ระบบเหมือนๆ กับ Sony Alpha ทุกประการ คือใช้วิธีการสั่นที่เซ็นเซอร์รับภาพ สำหรับค่ายผู้ผลิตกล้องยี่ห้ออื่นๆ ที่ไม่ใช่ 4 ยี่ห้อที่กล่าวถึงนี้ยังไม่มีระบบกำจัดฝุ่นออกมาในตอนนี้ ทดลองของจริง ระบบกำจัดฝุ่นทุกยี่ห้อ ก่อนจะเข้าสู่การทดลองและผลการทดลอง ก็ต้องขอบอกกว่าว่าการทดลองนี้เป็นการทดลอง ที่ทำโดยเว็บไซต์ต่างประเทศ pixinfo.com ดังนั้น ทางทีมงาน TechXcite จะไม่ขอลงรายละเอียด ที่ลึกมากนักแต่จะแปลแบบจับใจความมาให้พอเข้าใจ สำหรับคนที่อยากทราบข้อมูล ที่มากกว่าที่แปลมาก็สามารถคลิกที่ลิงค์ด้านล่างสุดเพื่อไปอ่านผลทดสอบ ที่เป็นภาษาอังกฤษได้ครับ สำหรับการทดลองที่เค้าทำ เค้าได้ทำความสะอาดเซ็นเซอร์รับภาพของกล้องที่มาทดสอบให้สะอาดที่สุด แล้วนำมาทดลองโดยมีการเก็บข้อมูลดังนี้ 1. ถ่ายภาพก่อนการทดลองเก็บไว้(reference) 2. เอาฝุ่นพ่นเข้าไปตรงเซ็นเซอร์รับภาพแล้วถ่ายภาพเก็บไว้(dusting) 3. ทำการสั่งให้กล้องกำจัดฝุ่น 2 ครั้ง แล้วถ่ายภาพเก็บไว้(2nd cleaning) 4. สั่งใก้กล้องล้างฝุ่นต่อไปอีกจนครบ 25 ครั้ง แล้วถ่ายภาพเก็บไว้ (25th cleaning) 5. เป่าฝุ่นด้วยลูกยาง 2 ครั้ง แล้วถ่ายภาพเก็บไว้ (2nd blowing) 6. ล้างเซ็นเซอร์ด้วยน้ำยาล้าง แล้วถ่ายภาพเก็บไว้ (Final) ผลการทดลอง Canon EOS-400D : ระบบกำจัดฝุ่นประสิทธิภาพ 5%  [img]http://www.kmutt.ac.th/ene/pic/techno/dslr_3_400d.jpg)

ในการทดลองตัวกล้อง Canon EOS-400D ที่ใช้ทดสอบนั้นมีฝุ่นพอสมควร และไม่สามารถกำจัดออกให้หมด ด้วยการพ่นลมได้ ซึ่งทางผู้ทดลองคิดว่าน่าจะเป็นเพราะไฟฟ้าสถิตที่ตัว CMOS ทำให้ฝุ่นเกาะแน่น และ ในการทดลองจริงพบว่าระบบกำจัดฝุ่นของ Canon EOS-400D นั้นทำงานได้ไม่ดีนัก ถึงแม้ว่าในการกำจัดฝุ่น 2 ครั้งแรกจะสามารถกำจัดฝุ่นได้พอสมควร (ประมาณ 10 กว่าจุดจาก 500 กว่าจุด) แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แม้จะผ่านการกำจัดฝุ่นถึง 25 ครั้ง

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าระบบกำจัดฝุ่นของ Canon EOS-400D นั่นยังไม่ดีเท่าที่โม้เอาไว้ และจากการทดสอบ ด้วยการทำความสะอาดได้ด้วยลมจากลูกยางเป่าลมก็พบว่าไม่สามารถกำจัดฝุ่นได้ดีเช่นกัน ซึ่งจุดนี้คาดว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าสถิตที่ทำให้ฝุ่นเกาะแน่นจนลมเป่าไม่ออก แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ต้องทำการล้างด้วยน้ำยา จึงจะล้างฝุ่นออกได้ดีที่สุด

Olympus E-300 : ระบบกำจัดฝุ่นประสิทธิภาพ 50%

 

ระบบกำจัดฝุ่นที่เป็นต้นตำหรับอย่าง Olympus ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะ Olympus E-300 ให้ผลการทดสอบ ออกมาในระดับที่ดี ถึงแม้ว่าในการกำจัดฝุ่น 2 ครั้งแรกจะยังกำจัดได้ไม่ดีนัก แต่เมื่อกำจัดฝุ่น ถึงครั้งที่ 25 ก็พบว่าจำนวนฝุ่นที่เกาะบนเซ็นเซอร์ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง ตรงนี้ทางผู้ทดสอบได้ให้ความเห็นว่า ถ้าเป็นการใช้งานจริง ที่มีฝุ่นเกาะในแต่ละครั้งจำนวนไม่มากนัก ระบบกำจัดฝุ่นของ Olympus น่าจะสามารถจัดการได้เป็นอย่างดี

สำหรับการเป่าลมเพื่อล้างฝุ่นก็สามารถล้างฝุ่นออกได้จำนวนหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องใช้นำยาล้างจึงจะทำความสะอาดได้อย่างหมดจด

Pentax K10D : ระบบกำจัดฝุ่นประสิทธิภาพ 0%

 

ระบบกำจัดฝุ่นของ Pentax K10D นั้นเรียกได้ว่าไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เลย เพราะจากการทดลอง ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดฝุ่น 2 ครั้งแรก หรือจะผ่านไปแล้ว 25 ครั้ง ก็ไม่พบว่าสามารถกำจัดฝุ่นออกไปได้อย่างชัดเจน หนำซ้ำยังดูแล้วจะยิ่งมีฝุ่นเกาะมากขึ้นด้วย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะระบบเขย่าเซ็นเซอร์นั่นมีความถี่ในการสั่นน้อยเกิดไป

อย่างไรก็ตามเมื่อทำการเป่าลมเพื่อล้างฝุ่นออก ก็สามารถล้างฝุ่นออกจากเซ็นเซอร์ของ Pentax K10D ได้เกือบหมด นั่นแสดงว่าเซ็นเซอร์รับภาพของ Pentax K10D นั่นแทบจะไม่มีไฟฟ้าสถิตย์เลย ทำให้สามารถกำจัดฝุ่นออกได้ อย่างง่ายดายด้วยการเป่าลมจากลูกยาง แต่นั่นก็ทำให้น่าผิดหวังยิ่งขึ้นกับระบบกำจัดฝุ่นที่ไม่สามารถเอาฝุ่นออก ไปได ้แม้ว่าจะไม่มีไฟฟ้าสถิตย์ที่เซ็นเซอร์ และสุดท้ายฝุ่นทั้งหมดก็หายไปด้วยการล้างเซ็นเซอร์ด้วยน้ำยา

Sony Alpha DSLR-A100 : ระบบกำจัดฝุ่นประสิทธิภาพ 0%
(http://www.kmutt.ac.th/ene/pic/techno/dslr_6_alfa.jpg)

 

ผลการทดลองของ Sony Alpha DSLR-A100 นั้นแทบจะไม่ต่างจาก Pentax K10D เลย เพราะทั้งสองยี่ห้อนี้ ต่างใช้ระบบแบบเดียวกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ระบบกำจัดฝุ่นของ Sony Alpha DSLR-A100 นั่นแทบจะไม่มีประโยชน์

และเช่นเดียวกัน Sony Alpha DSLR-A100 ก็สามารถกำจัดฝุ่นได้ง่ายด้วยการเป่าลมจากลูกยาง ซึ่งก็เป็นการพิสูจน์ได้ว่าระบบเคลือบป้องกันไฟฟ้าสถิตนั้น ทำงานดีตามโฆษณา แต่อย่างไรก็ตาม การเป่าลมก็ไม่สามารถกำจัดฝุ่นได้ทั้งหมดสุดท้ายก็ต้องจบลงด้วยน้ำยาล้างอยู่ดี

บทสรุป

ระบบกำจัดฝุ่นที่ดูจะใช้งานได้ก็คงเป็นของ Olympus เจ้าเก่าอยู่ดี ส่วนระบบอื่นๆนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ถ้าจะมองถึงนวัตกรรมใหม่ๆแล้ว การป้องกันไฟฟ้าสถิตบนเซ็นเซอร์ของค่าย Sony Alpha และ Pentax ก็นับว่าเป็นอะไรที่ควรเอาแบบอย่างและนำไปประยุกต์ใช้ได้ โดยเฉพาะยี่ห้อที่มีระบบกำจัดฝุ่นที่ดีอยู่แล้ว ถ้านำการป้องกันไฟฟ้าสถิตไปใช้ด้วยน่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด

ที่มา www.techxcite.com
และอ่านที่  http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.kmutt.ac.th/ene/pic/techno/dslr_3_400d.jpg&imgrefurl=http://www.kmutt.ac.th/ene/forum/viewtopic.php%3Ft%3D11&h=477&w=550&sz=50&hl=th&start=40&tbnid=nUXxetxq12pmPM:&tbnh=115&tbnw=133&prev=/images%3Fq%3Dconon%2B400d%26start%3D20%26gbv%3D2%26ndsp%3D20%26svnum%3D10%26hl%3Dth%26sa%3DN

ตอนนั้นที่จะซื้อก็ค้นข้อมูลมาเยอะ ข้อแตกต่างระหว่าง 350D กะ 400D มีแค่เรื่องความละเอียดกะระบบจำกัดฝุ่น จุดวัดแสงที่มากขึ้นและอื่นๆ อีกเล็กน้อย  ส่วนมากมือใหม่เขาก็เลยแนะนำให้ใช้ 350D แทน ประหยัดตังค์กว่า   :P  แต่เรื่องระบบที่พี่ว่าก็เห็นมีคนบ่นกันว่ามีไว้ก็เหมือนไม่มีใน 400D    :o   
เจ้านั้นเขาพัฒนากล้องระบบ auto มาก่อนจะไปไกลกว่าก็ย่อมเป็นธรรมดา (แต่แมมแพงนะค่ายนี้)
เมืองไทยติดแบนด์กันสะมาก  8)  แต่การหาอุปกรณ์เสริมสองค่ายหลักมันก็ง่ายกว่าอยู่ดี (โดยเฉพาะมือสอง)

พี่ไปที่ร้านจับเล่นเลยครับและหาอ่านข้อมูลในบอร์ดเยอะๆ เดี๋ยวเห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวเอง
แต่ยังไงความชมชอบเฉพาะตัวมักมากก่อนเสมอ  :P

 :(  ** หาเลนส์ 55-200 VR  มาใช้อีกสักตัวรับรองแจ่ม  **
   ;) สนใจอยู่เหมือนกัน ราคาประมาณเท่าไหร่ ( จะเริ่มเก็บตังส์)  :D

   


 LENS  AF-S DX 55-200 VR F/4-5.6 G ED  7,900.-