หัวข้อ: ตรุษจีน เริ่มหัวข้อโดย: winai4u-LSV team ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2007, 12:25:44 am ตรุษจีน
ด้วยมีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับการเกษตรกรรมซึ่งดินฟ้าอากาศและฤดูกาลเป็นปัจจัยสำคัญทำให้บรรพชนจีนประดิษฐ์คิดค้นปฏิทินขึ้น เพื่อใช้กำหนดวันเวลาเหมาะสมในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว การสังเกตอย่างชาญฉลาดทำให้การโคจรของดวงดาวทั้งหลายมีอิทธิพลต่อการกำหนด วันเดือนปี ผู้คนเฝ้าดูวันคืนที่เวียนวนผันผ่านไม่สิ้นสุดจากปีเก่าสู่ปีใหม่อันน่า ยินดี ควรแก่การเฉลิมฉลอง ตรุษ แปลว่า สิ้นปี ดังนั้นเทศกาลตรุษจีนจึงเป็นเทศกาลที่มีขึ้นเพื่อฉลองการสิ้นสุดของปีเก่า และการเริ่มต้นของปีใหม่ ถือกันว่าเป็นการเฉลิมฉลองที่สามารถรอดพ้นจากเรื่องไม่ดีของปีเก่ามาพบปี ใหม่ที่สุขสันต์ได้ชาวจีนเรียกเทศกาลนี้อีกอย่างหนึ่งว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือ ขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ และเชื่อกันว่าช่วงเวลานี้เทพเจ้าจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ฉะนั้นจึงควรสักการบูชาท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก การไหว้ตรุษจีน การไหว้ตรุษจีนมีประวัติยาวนานย้อนหลังกลับไปถึงสมัยราชวงศ์โจว เมื่อกว่า ๓,๐๐๐ ปีมาแล้วแต่เดิมมีการไหว้กันยาวนานถึง ๑๕ วัน แต่ในปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไป ธรรมเนียมการไหว้ตรุษจีน จึงลดลงเหลือเพียง ๓ วัน ดังนี้ วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก คือวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหาร ผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้านหยุดพักผ่อนยาว ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ หรือ ตี่จู่เอี๊ย ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้าน หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้ว ถ้าเราเดินเข้าไปในบ้านหรือร้านค้าของจีน คงเคยเห็นศาลเจ้าเล็กๆสีแดงสด ศิลปะจีน วางอยู่บนพื้น ข้างหน้าศาลวางเครื่องบูชา นั่นคือศาลตี่จู่เอี๊ยหรือเจ้าที่นั่นเอง ธรรมเนียมการนับถือตี่จู่เอี๊ยนี้คล้ายกับการนับถือพระภูมิเจ้าที่ของคนไทย นั่นเอง ในสมัยโบราณจะมีการเซ่นไหว้เทพเจ้าเตาในวันนี้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่หุงข้าวต้มปลาให้เราได้กินตลอดมา และเชื่อว่าเทพเจ้าเตาจะนำบันทึกความดีความชั่วที่เราทำมาตลอดปีขึ้นไปให้ เทพเจ้าบนสวรรค์ตรวจสอบจึงต้องมีการเลี้ยงส่งท่าน นัยว่าเอาใจท่านนั่นเอง รุ่งขึ้นคือ วันสิ้นปี จะมีการไหว้ 3 ครั้ง ตอนเช้ามืดจะไหว้ ไป๊เล่าเอี๊ย เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ ได้แก่ หมูสามชั้นต้ม ไก่ เป็ด ปรับเปลี่ยนเป็นชนิดอื่นได้ หรือมากกว่านั้นได้จนเป็นเนื้อสัตว์ห้าชนิด) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง ตอนสาย จะไหว้ไป๊เป้บ๊อ คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเพื่อความเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว ตอนบ่าย จะไหว้ ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว และผีไม่มีญาติ เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเป็นสิริมงคล วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งของปี เรียกว่าวันชิวอิด วันนี้ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน คือ ไป๊เจีย คือ การไปไหว้ขอพรและอวยพรญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะออกเสียงภาษาจีนแต้จิ๋วว่า "กา" ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำโชคดีไปให้ เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือเพราะเป็นวันที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นวันเริ่ม ต้นชีวิตใหม่ จะถือเคล็ดบางอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่จับไม้กวาด เชื่อกันว่าเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย ซึ่งเป็นเทพแห่งโชคลาภ จะเสด็จลงมาบนโลก จึงต้องตั้งเครื่องไหว้รับท่าน มีเกร็ดว่าเทพองค์นี้จะเสด็จมาในเวลาและทิศทางต่างๆกันไปในแต่ละปี จึงต้องมีซินแสคอยบอกเพื่อให้ผู้ไหว้ตั้งโต๊ะและหันหน้าไหว้ท่านได้ถูกทิศ ชุดของไหว้ ที่ใช้ในการไหว้เทพเจ้า ประกอบด้วย หมู หมายถึงความมั่งคั่ง หมูอ้วนแสดงถึงความกินดีอยู่ดี หัวหมูเป็นสัญลักษณ์แห่งสมองและปัญญา ไก่ หมายถึง การตรงเวลา ความรู้งาน ไก่มีหงอนสื่อถึงหมวกขุนนาง แสดงถึงความเจริญก้าวหน้า ตับ ภาษาจีนเรียกว่า กัว ซึ่งพ้องกับคำว่า กัว ที่แปลว่าขุนนาง หมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ปลา คนจีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า ฮื้อ ซึ่งพ้องกับคำว่า ฮื้อ ที่แปลว่าเหลือ มีนัยให้เหลือกินเหลือใช้ กุ้งมังกร หมาย ถึงมีอำนาจวาสนา แต่คนแต้จิ๋วจะเปลี่ยนจากกุ้งมังกรเป็นเป็ด และเปลี่ยนเป็นปลาหมึกแห้งสำหรับคนจีนแคะ ด้วยเป้นความเชื่อที่ถือกันมาในท้องถิ่นเดิม ชุดกับข้าว ซึ่งทำไหว้ผีบรรพบุรุษและไว้รับประทานกันเองหลายอย่าง ล้วนมีนัยมงคล เช่น ลูกชิ้นปลา แต้จิ๋วออกเสียงว่า ฮื้อ-อี๊ แปลว่า ลูกปลากลมๆ หมายถึงความสามัคคีกลมเกลียว ผัดตับกับกุยช่าย ตับหมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน กุยช่าย ออกเสียงเหมือน กุ่ย ซึ่งหมายถึง รวย ผัดถั่วงอก หมายถึงความเจริญงอกงาม บ้างก็ว่าเปรียบเหมือนหนวดมังกร สื่อถึงอำนาจวาสนา เต้าหู้ ออกเสียงตามสำเนียงจีนว่า โตฟู หมายถึงความสุข สาหร่ายทะเล เรียกว่า ฮวกฉ่าย ออกเสียงคล้าย ฮวดใช้ ที่แปลว่าโชคดี ร่ำรวย ชุดของหวาน ขนมถ้วยฟู คนจีนเรียก ฮวกก้วย ซึ่งแปลว่าขนมแห่งความเจริญงอกงาม ขนมคักท้อก้วย คือ ซาลาเปา มีไส้ต่างๆ ซาลาเปานั้น คำว่า เปา หมายถึงห่อ เมื่อมีไส้ที่เป็นมงคล เช่นไส้เต้าหู้ ซึ่งมีความหมายว่า ความสุข ก็จะแปลว่า ห่อความสุขมาให้ ไส้กุยช่าย ซึ่งหมายถึงความร่ำรวยก็หมายถึงห่อเงินห่อทองมาให้ ขนมซิ่วท้อ เป็นซาลาเปาปั้นเป็นรูปลูกท้อแต้มสีชมพู ท้อเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีอายุยืน ขนมไข่ เรียกว่า หนึงก้วย ไข่หมายถึงการเกิดและการเจริญเติบโต โหงวเส็กทึ้ง ไทยเรียกขนมจันอับ ประกอบขึ้นจากขนมห้าอย่าง คือถั่วตัด งาตัด ถั่วเคลือบ ข้าวพอง ซึ่งหมายถึงความเจริญงอกงาม และฟักเชื่อม ซึ่งหมายถึงความร่ำรวยและความหวานของชีวิต ชุดผลไม้ ส้ม แต้จิ๋วเรียก กา แต่จีนกลางเรียก ไต้กิก ไต้แปลว่า ใหญ่ กิก แปลว่า มงคล กล้วย แต้จิ๋วออกเสียงว่า เก็ง-เจีย พ้องกับวลีว่า เก็ง-เจีย-เก็ง-ไล้ แปลว่าดึงโชคเข้ามา กล้วยออกลูกเป็นเครือ สื่อความหมายถึงการมีลูกหลานมาก องุ่น ออกเสียงว่า พู่-ท้อ พู่หมายถึง งอกงาม ท้อเป็นชื่อของผลไม้ที่มีความหมายให้อายุยืน สับปะรด คนจีนแต้จิ๋วเรียกว่า อั้งไล้ แปลตามตัวว่า เรียกสีแดงเข้ามา สีแดงเป็นสีมงคล จึงถือว่า หมายถึงการเรียกเอาสิริมงคลเข้ามา นอกจากนี้ในการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนเรายังพบแต่สีแดง ซึ่งเชื่อว่าเป็นสีแห่งความเป็นมงคล สีขอ งจักรวาล มีการติดแผ่นป้ายเขียนคำมงคลไว้ที่หน้าประตูบ้านเรียกว่า แผ่นตุ้ยเลี้ยง คำมงคลที่เราคุ้นเคยเช่น ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ แปลว่า ขอให้ประสบโชคดี ขอให้มั่งมีปีใหม่ เป็นต้น การจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี การเชิดมังกรและสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคล เป็นต้น ธรรมเนียมจีนให้ความสำคัญการความเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิต มีนัยแห่งการสร้างความเชื่อมั่นเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต นับเป็นความชาญฉลาดทางจิตวิทยา อย่างน่ายกย่องของบรรพชน สิ่งที่ไม่ควรทำตอนวันขึ้นปีใหม่ (วันตรุษจีน) ควรหลีกเลี่ยงการทำงานบ้านในวันขึ้นปีใหม่ ตรุษจีน,วันตรุษจีนเนื่องจากการทำงานบ้าน เช่น การซักล้าง หรือ การกวาดบ้านปัดฝุ่น จะเป็นการขับไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านจึงควรเริ่มทำตั้งแต่ก่อนที่วันขึ้นปีใหม่จะมาถึง ตรุษจีน,วันตรุษจีนไม่ควรสระผมในวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากการสระผมถือเป็นการชะล้างความโชคดีที่มาถึงในวันขึ้นปีใหม ่ ตรุษจีน,วันตรุษจีนไม่ควรใช้ของมีคมในวันขึ้นปีใหม่ ของมีคมต่างๆ เช่น มีด , กรรไกร , ที่ตัดเล็บ เนื่องจากถือว่าการกระทำของของมีคมนี้จะเป็นการตัดสิ่งหรืออนาคตที่ดี ที่จะนำมา ในวันขึ้นปีใหม่ ตรุษจีน,วันตรุษจีนควรระมัดระวังในการใช้คำพูดที่มีความหมายไปในทางลบรวมทั้งหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกัน คำที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยหรือความตายเป็นคำที่เราควรหลีกเลี่ยงในวันขึ้นปีใหม่ ตรุษจีน,วันตรุษจีนหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานศพ และการฆ่าสัตว์ปีก ตรุษจีน,วันตรุษจีนควรระมัดระวังในการทำสิ่งใดๆ ไม่ควรที่จะให้เกิดการสะดุด หรือ ทำสิ่งของตกแตก ซึ่งนั่นจะหมายถึงการนำความโชคไม่ดีเข้ามาในอนาคต อั่งเปา สัญลักษณ์อีกอย่างของเทศกาลนี้ คือ อั่งเปา (ซองแดง) คือ ซองแดงใส่เงินที่ผู้ใหญ่แล้วจะมอบให้ผู้น้อย และมีการแลกเปลี่ยนกันเอง หรือ หรือจะใช้คำว่า แต๊ะเอีย (ผูกเอว) ที่มาคือในสมัยก่อน เหรียญจะมีรูตรงกลาง ผู้ใหญ่จะร้อยด้วยเชือกสีแดงเป็นพวงๆ และนำมามอบให้เด็กๆ เด็กๆ ก็จะนำมาผูกเก็บไว้ที่เอว สำหรับตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวัน วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ นะครับ |