LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

อยากทราบว่าลำโพง ที่มีแม่เหล็ก 2 ชั้นดีไหม

ถามต่อเลยนะครับ   -กรณี ที่มีแม่เหล็ก 2 ตัวโดยทากาวติดกันไว้จะทำให้ประสิทธิถาพของลำโพง
                                  ดีขึ้รึเป่าวครับ  แล้วเป็นการเพิ่ม W ของลำโพงด้วยรึป่าวครับ

แล้วตัวที่มีแม่เหล็กปะกบติดนั้น  ปริมาณเส้นแรงแม่เหล็กจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ครับ
 ถ้าเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพของลำโพงตัวนั้นก็น่าเพิ่มตามไช่ใหมครับ

แม่เหล็กมาก ก็จะทำให้ความเข็มข้นของสนามแม่เหล็กมาก ถ้าเป็นลำโพงเบส ก็จะทำให้เสียงที่ออกมาแน่นขึ้น หนักขึ้น
ทำให้ กรวยลำโพงเคลื่อนที่มากขึ้น ซึ่งอาจดูเหมือนเสียงดังมากขึ้น แต่การทนกำลังวัตต์ จะขึ้นอยู่กับวอย์สของลำโพง
การจะเพิ่มประสิทธิภาพได้ก็ต้องดูลักษณะของการติดแม่เหล็กเพิ่มด้วย  แต่การที่จะทำให้ลำโพงมีประสิทธิ์ภาพขึ้นนั้น
ต้องดูองค์ประกอบ อื่น ๆ ด้วย ส่วนมาก ขนาดของแม่เหล็ก จะเหมาะสมกับ กำลังวัตต์ ของลำโพง

น้ำหนักเพิ่ม แน่นอน   :o :o :o :o :o

การที่ทำเป็น แม่เหล็กสองชั้นก็เพราะว่า  เค้าไม่สามารถที่จะทำแม่เหล็กหนาๆ ได้ครับ

มันเป็นอย่างไรครับแม่เหล็ก 2 ชั้นน่ะ   พี่ไม่เคยเห็นเลย     แต่ถ้าเราเอาแม่เหล็กอีกตัวไปประกบมีแต่ผลเสีย  ถ้าดอกลําโพง
ดีๆก่อนออกมาขายเขาจะวัดผลตอบสนองความถี่มาแล้ว   การใส่แม่เหล็กจะทําให้เสียดุลย์การตอบสนองความถี่
ถ้าการประกบแม่เหล็กดีจริงทางบริษัทผู้ผลิตเขาทํามาให้เราใช้แล้วครับไม่ปล่อยให้เราคิดก่อนหรอก  ทุกวันนี้
เขาก็พยายามเพิ่มเส้นเเรงแม่เหล็กอยู่แล้วโดยมีการสร้างแม่เหล็กนีโอไดเมียม  พี่ถามหน่อยถ้าน้องมีลําโพงแพงๆ
ฟังดีอยู่แล้ว   น้องจะกล้าเอาแม่เหล็กไปประกบหรือไม่  แล้วน้องจะไปแก้ไขจุดบกพร่องของลําโพงตัวนั้นที่ไหน

เท่าที่รู้มา เขาติดตั้งแม่เหล็กขนาดเล็ก ที่มีขั้วตรงกันข้ามเข้าไป เพื่อทำให้เล้นแรงแม่เหล็กครบวงจร
จะได้ไม่แพร่กระจายออกมารบกวน อุปกรณ์อื่นๆ โดยเฉพาะ หลอด CRT ไม่ต่อยมีผลกับเสียงนัก

ส่วนมากเป็นลำโพงซับ ของรถยนต์ครับ มันเป็นแม่เหล็กถาวร ที่เขา คำนวนและออกแบบมาให้เหมาะกับลำโพงรุ่น นั้น ๆ

สามชั้น

ผมว่ามาจากจีนแน่ๆเลย  ฝรั่งไม่น่าทําพิเรนขนาดนี้  ชื่อดันไปคล้ายลําโพงฝรั่งอีกแต่ดันไม่มีคําว่า แลนซิ่ง ต่อท้าย

ATLAS ของแท้แน่นอนครับไม่ใช่จีนแดง ยี่ห้อที่ท่านว่าคือ ALTEC LANSING

ขอบคุณครับที่อุตส่าห์ไปสืบค้นมา   เห็นรูปตั้งแต่วันนั้นรู้ว่าเขาทําเพื่อเพิ่มช่วงชักมากกว่า    เพราะแม่เหล็กดีกว่านี้
ก็มี  ปกติเขาจะไม่ทํากันถ้าเป็นลําโพงบ้าน    การเพิ่มช่วงชักตั้งแต่สมัยก่อนๆทํามามันก็มีความเพี้ยนตามมา
และปํญหาเมื่อเมื่อกรวยเคลื่อนยาวๆตัวกรวยอาจสะบัดได้     และเดียวนี้ดอกให้แพงแค่ไหนแม้เคลื่อนที่ไม่
มากมันก็ยังสะบัดอยู่    โดยมากเขาใช้crossover เข้าไปเเก้ไข   อาการบิดเบี้ยวของกรวยฝรั่งเขาเรียกว่า break-up
 ส่วนใครอยากเล่นดอกแบบนี้ผมว่าซื้อดอก2ตัวดีกว่า  ดังกว่า รับกําลังได้สูงกว่า กรวยไม่ต้องรับงานหนักดัวย

 :( ถ้าตามภูมิปัญญาชาวบ้านแบบผมไอ้แม่เหล็ก2ชั้นตามที่พี่โพสมาคือหาแม่เหล็กหนาขนาดนั้นไม่ได้ถึงได้ก้แพงเอาการครับจึงนำแม่เหล็กมาทากาวประกบเป็นชิ้นเดียงกันเมื่อชาร์จก็จะกลายเป็นแม่เหล็กชิ้นเดียวกัน
  ส่วนที่มีแม่เหล็กประกบติดหลัง T-Yoke เพราะเพิ่มและลดความแรงของแม่เหล็กตัวหลักครับเมื่อความแรงของแม่เหล็กเพิ่มขึ้น Qts จะลดลง SPL จะเพิ่มขึ้น

ใช้แล้วน้องค่าQTSลดลงค่า spl เพิ่มขึ้น   เเต่มันจะไม่เกิดความสมดุลย์ของเสียง  ถ้าเป็นวูฟเฟอร์
ก็เเทบจะฟังไม่ได้เลย  ส่วนมากเขาจะนํามาทําซับ  โดยต้องการsplที่สูงมาก  โดยไม่สนใจการเเกว่ง
ของลําโพงเลย   การออกแบบไดเวอร์ในปัจจุบัน  โดยมากจะใช้computerออกแบบ   นํ้าหนักเเต่ละตัว
จะถูกป้อนข้อมูลเข้าไป   การที่เรามาเพิ่มภายหลังไม่ได้ทําให้ดีขึ้น :-* :-[

 :D  ไช่ครับพี่การแปะแม่เหล็กนั้นจะต้องแปะมาตั้งแต่กระบวนการออกแบบเพราะการเพิ่มหรือลดค่าความแรงของแม่เหล็กทำให้ค่า Parameter ของลำโพงเปลี่ยนไป จึงตอ้งมีการ Test ก่อน เท่าที่ผมออกแบบอยู่จะแปะแม่เหล็กก็ต่อเมื่ออยากเพิ่มหรือลดค่า Q นิดหน่อยตามความต้องการของพระเจ้าที่เงินหนาๆหน่อยเพราะการเพิ่มแม่เหล็กแบบนี้แม่เห็ลกขนาดเท่ากันจะเพิ่มความแรงได้ไม่น่าจะเกิน20เปอร์เซ็นจากการคำณวนด้วยโปรแกรม ซึง่ไม่น่าจะคุ้มแต่มีคนทำเช่นEAW, Gennerlec (กำลังพูดถึงลำโพงแบบมีแม่เหล็กประกบหลัง T-Yoke นะครับ)
   ส่วนที่ท่านพี่ว่า ถ้าเป็นวูฟเฟอร์ก็เเทบจะฟังไม่ได้เลยถ้าเพิ่มแม่เหล็กเพราะ Qts จะน้อยลงเห็นด้วยครับเพราะ Subwoofer ถ้าจะให้เหมาะ Qts น่าจะอยู่ที่ประมาณ 0.3-0.5 ถ้าน้อยกว่าจะออกกลางแหลมมากว่าแต่ถ้าเยอะไปจะต้องใช้กำลังขับเยอะหรือกินวัตต์