LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

เนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ขอเชิญพุทธศาสนิกชนชาวไทย ร่วมสร้างกุศลครั้งยิ่งใหญ่ เทิดไท้องค์ราชัน ในงานประเพณีตักบาตรเทโว ประจำปี 2550
                 จังหวัดอุทัยธานี จัดงานประเพณีตักบาตเทโว ประจำปี 2550 ในระหว่างวันที่ 25 - 27 ตุลาคม 2550 ณ วัดสังกัสรัตนคีรี และลาน สุพรรณิการ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี เพื่อเป็นการส่งเสริมประเพณีสำคัญทางพุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม ตลอดจน         ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอุทัยธานี ในการจัดงานดังกล่าวกำหนดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ คือ
                  วันที่ 25 ตุลาคม 2550
                         ۰ เวลา 07.00 น. ร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระภิกษุสงฆ์ 100 รูป ริมสองฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง เริ่มจากวัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) ไปสิ้นสุดที่แพริมน้ำลานสุพรรณิการ์ หน้าศาลากลางจังหวัด ชมขบวนแห่เรือศิลปวัฒนธรรม ประเพณีพื้นบ้าน และของดีเมืองอุทัยจาก 8 อำเภอ จากนั้นร่วมพิธีเปิดการแข่งขันเรือยาวพื้นบ้านสืบสานวิถีไทย และชมการแข่งขันรอบคัดเลือกประเภทเรือพื้นบ้าน
                 วันที่ 26 ตุลาคม 2550 
                        ۰ ชมการแข่งขันรอบคัดเลือกประเภทเรือยาว 55 ฝีพาย และ 30 ฝีพาย
                        ۰ เวลา 19.30 น. เชิญร่วมรับประทานสำรับคาวหวาน และชมการแสดงแสง สี เสียง บริเวณลานวัดสังกัสรัตนคีรี
                 วันที่ 27 ตุลาคม 2550
                        ۰  เวลา 08.30 น. ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีตักบาตรเทโว ข้าวสารอาหารแห้ง ข้าวต้ม ลูกโยน โดยพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 500 รูป เดินบิณฑบาตลงจากยอดเขาสะแกกรังสู่ลานวัดสังกัสรัตนคีรี
                        ۰  เวลา 10.00 น.  -  ชมขบวนแห่รถเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 80 พรรษา
                                                       -  ชมการจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาประดับงาช้างแห่งเดียวในโลก ณ ตลาดเมืองอุทัยธานี บริเวณวงเวียนห้าแยกวิทยุ
                        ۰ ภาคบ่าย           ชมการแข่งขันชิงชนะเลิศ เรือพื้นบ้านสืบสานวิถีไทย ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และชมการแข่งขัน "ดำน้ำสามผุด" ณ ริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง หน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี
                        ۰  ภาคกลางคืน       พบกับคอนเสิร์ต ไมค์ ภิรมย์พร เต็มวง ฟรี!  ณ บริเวณลานวัดสังกัสรัตนคีรี

แผนที่การเดินทางท่องเที่ยว  จ.อุทัยธานี  (เมืองเล็ก ๆ  แต่อบอุ่น)

ตำนานเมืองอุไทยธานี (ชื่อในอดีต)

ตำนานเก่าเล่าว่าในสมัยสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองนั้น“ท้าวมหาพรหม”ได้เข้ามา สร้างเมืองที่บ้านอุทัยเก่าคืออำเภอหนองฉางในปัจจุบันนี้แล้วพาคนไทยเข้ามาอยู่ท่าม- กลางบ้านคนมอญและคนกระเหรี่ยงจึงเรียกว่า “เมืองอู่ไทย” เรียกชื่อตามกลุ่มหรือที่อยู่ ของคนไทยซึ่งพากันตั้งบ้านเรือนอยู่อย่างหนาแน่นมีพืชพันธุ์และอาหาร ที่อุดมสมบูรณ์ กว่าแห่งอื่น ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินและเกิดกันดารน้ำ เมืองอู่ไทยจึงถูกทิ้งร้าง จนในที่สุด“พะตะเบิด”ได้เข้ามาปรับปรุงเมืองอู่ไทยโดยขุดที่เก็บกักน้ำไว้ใกล้เมือง และ พะตะเบิด ได้เป็นผู้ปกครองเมืองอู่ไทยเป็นคนแรกในสมัยอยุธยา
       
เมืองอู่ไทยต่อมาได้เรียกกันว่า“เมืองอุไทย”คาดว่าเพี้ยนไปตามสำเนียงเมืองเดิม ได้มีฐานะเป็นหัวเมืองด่านชั้นนอก มีพระพลสงคราม เป็นนายด่านแม่กลอง และพระอินทรเดช เป็นนายด่านหนองหลวง (ปัจจุบันแม่กลอง คือ อำเภออุ้มผาง และหนองหลวง คือ ตำบลหนองกลวง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก) คอยดูแลพม่า ที่จะยกกองทัพมาตามเส้นทางชายแดนด่านแม่ละเมา

เมืองอุไทยธานี เป็นเมืองที่อยู่บนที่ดอนและลึกเข้าไปไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ และไม่สามารถติดต่อทางเรือได้ ดังนั้นชาวเมืองอุไทยธานี จึงต้องขนข้าวบรรทุก เกวียน มาลงที่แม่น้ำ จึงทำให้พ่อค้าพากันไปตั้งยุ้งฉางรับซื้อข้าวที่ริมแม่น้ำจนเป็นหมู่บ้านใหญ่ เรียกว่า หมู่บ้าน “สะแกกรัง” เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีป่าสะแกขึ้นเต็มริมน้ำ และมีต้นสะแกใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน

บ้านสะแกกรังชาวจีนเรียกเพี้ยนเป็น “ซิเกี๋ยกั้ง” เป็นตลาดซื้อข้าวที่มีพ่อค้าคนจีนนิยมไปตั้งบ้านเรือนและยุ้งฉาง ต่อมาในระยะหลังได้มีเจ้านายมาตั้งบ้านเรือน อยู่เพราะความสะดวกในการกะเกณฑ์สิ่งของส่งเมืองหลวงซึ่งเป็นจำพวก มูลค้างคาว ไม้ซุง กระวานและช้างป่า อีกทั้งยังมีช่องทางในการค้าข้าวอีกด้วย ในแผ่นดิน พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ (พ.ศ.2251-2275) นั้น จมื่นมหาสนิท ทองคำ) ซึ่งย้ายมาตั้งบ้านเรือนมาอยู่ที่บ้านสะแกกรังนั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาราชนกูล และต่อมา ได้กำเนิดบุตรชายคนโตชื่อ “ทองดี” เกิดที่สะแกกรัง

พอทองดีเจริญเติบโตก็เข้าไปรับราชการที่กรุงศรีอยุธยาได้เป็น “พระอักษรสุนทรศาสตร์” เสมียนตรากรมมหาดไทย และได้แต่งงานมีบุตรชายชื่อ “ทองด้วง” ภายหลังได้รับราชการเป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ปราบจราจลในกรุงธนบุรี ภายหลังสถาปนาเป็นกษัตริย์ราชวงศ์จักรีปกครองแผ่นดิน พระนามว่า “พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” รัชกาลที่ 1 ส่วน “นายทองดี” ซึ่งเป็นบิดานั้นได้รับการสถาปนาพระอัฐิเป็น “สมเด็จพระชนกาธิบดี” พระมหาชนกแห่งรัชกาลที่ 1

อยากชมภาพ วัดสังกัสรัตนคีรีดเขาสะแกกรัง จังเลย คงสวยงาม น่าดู  ยิ่งตอนพระเดินลงมาเพื่อรับบิณฑบาตร คงสวยอร่ามน่าชื่นชม

ได้เลยครับพี่.....เดี๋ยวจัดให้     ตอนนี้เตรียมกล้องก่อน

    แต่ไม่รู้ว่าจะได้ภาพมุมไหน   เนื่องจากพื้นที่  ที่ถ่ายได้เหมาะที่สุด   มืออาชีพ เขาตั้งขากล้อง  เต็มเลย  ทุกปี

    อย่างไรจะนำภาพมาฝากนะครับ  (ย้ำ..ว่าภ่ายแบบมือสมัครเล่นนะครับ) :) :)

เลือกมุมที่เราเห็นว่าสวยที่สุด ของเรา นั้นแหละครับ บางมุม มืออาชีพอาจนึกไม่ถึงก็ได้ ถ่ายทอด อารมณ์ ให้มองเห็นแล้วรู้สึก ศัทธา-สวยงาม ครับ  จะรอดู