พิมพ์หน้านี้ - เรื่อง “คนโกง” บ้านผม! – เปลว สีเงิน

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

นานาสาระ => หน้าที่พลเมือง => ข้อความที่เริ่มโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ เมษายน 19, 2024, 08:35:51 am



หัวข้อ: เรื่อง “คนโกง” บ้านผม! – เปลว สีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ เมษายน 19, 2024, 08:35:51 am
พูดกันนัก……
คนทำดี “ปกบ้าน-ป้องเมือง” ถือซื่อ-ถือสัตย์
ชีวิตมีแต่ “อัตคัด” กับ “คุก”
มันก็ “ถูกของเขา” นะ!

สู้คนคิดคดกบฏชาติ-โกงบ้านกินเมืองไม่ได้
รุ่งเรืองจำรูญ พูนทรัพย์ สมบูรณ์สุข
แปลงคุกเป็นวิมาน กั้นม่านบัญชาการกินเมือง

แล้วมีหมา-แมวที่ไหนซักตัว เป็น “เจ้ากรรม-นายเวร”
ไปจัดการเขาได้บ้าง?
มันก็ “ถูกของเขา” อีกแหละ!

มิหน้ำซ้ำ ยังปล่อยให้เหิมหาญ เพียงกระดิกนิ้ว
ทั้งตัวโย่ง-ตัวยึกยือ ไม่มีหือ แต่มีรีบหัน
บ้างกุมหว่างขา พาเหรดเข้ากราบกราน
บ้างค้อมหลัง-คลานเข่าเข้าไปเลีย

ก็เห็นกันอยู่เต็มสองหู-สองลูกตาพาราเมือง
ถ้าปิดทองได้ คงแย่งกันแหกทวารปิด

นัยว่าเจ้าพ่อมหาโจร พรขลังนัก ขอเงิน-ได้เงิน,
ขอทอง-ได้ทอง, ขอเก้าอี้-ได้เก้าอี้

เพียงแต่บนว่า……
“ลูกช้าง-ลูกตะกวด” จะภักดีและจะทำหน้าที่
“แปลงประเทศให้เป็นทุนบริษัท”
เท่านี้แหละ ขอปุ๊บ เจ้าพ่อถูกใจ
บันดาลให้ปั๊บ!

ก็มันแท้ทรูนะ เห็นกันอยู่จะๆ ยิ่งกว่าวัดแจ้ง
แบบนี้ จึงเกิด “ชนชาวประชดภาษา” ขึ้นมา ว่า
“เชื่อกรรม-กินก้าง, เชื่อโกง-กินกล้วย”!
มันก็เถียงเขายาก…นิ

เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ กรรมคล้ายเป็นญาติสนิทคนโกง
วันนี้ จึงเห็นคนโกงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ส่วนคนดีของบ้าน-ของเมือง ไม่โกงเอง
ยังเสือกไปขวางตีนเขาโกง ก็สมแล้วที่เป็นแย้
มีแต่ แย่..แย่ แล้วถูกรถยนต์ป้ายแดงคนโกง..ทับแแป๊ด!

รักชาติ….
แต่ตัวเองไม่รัก
จึงต้องโทษทนทุกข์ทรมาณจากทัณฑ์อาญาบ้าง
ทุกข์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็นต่างๆ นานาบ้าง
จนหลายคนได้ขึ้นแท่นรับเหรียญทอง “ไทยท้อแท้”!

เมื่อ “ดีแล้วต้องวิบัติ”
ก็ปล่อยมือ ยกบ้านเมืองให้โจรมันครองไป คิดไรมาก

ในเมื่อ “ไทยยุคใหม่” พอใจว่า “ประชาธิปไตย” ประทานให้มา
ประชาธิปไตยก็ประชาธิปไตยกะมันไป ไม่ใช่ทอดธุระ แต่ธุระมันทุเรศเอง!

“ประชาธิปไตย” แก่นรากของมันที่เพลโตไม่ได้บอกคืออะไรรู้มั้ย?

ประชาธิปไตย ปรัชญาของมันคือ “ใหญ่ตัดใหญ่”
ถอดรหัสเป็นภาคปฎิบัติคือ

“มอมประชาชนให้โง่เข้าไว้”
แล้วจะ “ใหญ่” และ “กิน” ได้นาน!!!


คนไทยไม่ใช่ปลวก เป็นแค่ขุยหรือ “ขี้ปลวก” อีกที
“ตัวปลวก” คือพวกนักวิชาการ “แทะตำรา”
นักกินเมือง “กอดประชาธิปไตย”

มันแทะพรุนทั้งเล่ม รู้หมด “รู้ตำรา” ทุกตัวอักษรทั้งเล่ม
มันแค่รู้ แต่ไร้ประสบการณ์จริง
จึงหลงติดที่มันรู้ แล้วยึดเป็น “หลักการ”

แล้วก็พ่นหลักการจากกากตำราในสมองออกมาเป็นขี้สอน
ใครโง่ตามพวกจาน ก็ได้รับแจกกระดาษประจานโง่ไปคนละใบ-สองใบ

จนบัดป่านนี้ กระทั่งวินาทีนี้ มีไม่มากคน
ที่พ้นจากหลักการไปสู่ “ประสบการณ์”
“พัฒนาการ” กับ “วิวัฒนาการ”
เหมือนหรือต่างกันหรือไม่ อย่างไร?

ไปทำความเข้าใจตรงนี้ให้ถ่องแท้ได้เมื่อไหร่
แล้วจะเข้าใจคำว่า “ประชาธิปไตย” กับ “เผด็จการ”
แก่นแท้มันเหมือนหรือต่างกันหรือไม่ อย่างไร?

ส่วนอย่างไหนใช่…ไม่ใช่
คำตอบไม่ได้อยู่ที่อักษรผสมเป็น “ประชาธิปไตย-เผด็จการ”

เพราะนั่นแค่ “เครื่องมือ” ที่จะใช้ ไม่ใช่ “ตัวคน” ใช้
“ขั้นหยาบ” อยู่ที่สังคมคนและการบริหารสังคมคน
“ขั้นกลาง” อยู่ที่ความพอใจ-ไม่พอใจคน

เมื่อมีประสบการณ์ ก็จะรู้ว่า “พอใจ-ไม่พอใจ”
ของสามัญมนุษย์นั้น มันไม่มีจุดจบและไม่มีใคร
สามารถทำให้ทุกคนพอใจเหมือนกันได้

ด้วยประสบการณ์ จะทำให้ทราบว่า “วิวัฒนาการ” ไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้น จะบริหารสังคมมนุษย์ด้วยวิวัฒนาการไม่ได้
“สูงสุดคืนสู่สามัญ” ที่พูดกันเล่นนั่นแหละ “ของแท้”
ที่เข้ากันไม่ถึงเอง จึงมองข้าม

เหมือน “หมาเห็นข้าวเปลือก”
หรือแร่ “ลิเทียม” เป็นก้อนหิน
ประมาณนั้น!

ด้วยประสบการณ์ จะทำให้ตกผลึก ว่า
ขั้น “คืนธรรมชาติ” ที่ไม่เอาคำว่าประชาธิปไตย-เผด็จการ
“ไปเป็นกรอบ” ครอบกะโหลกไว้ แบบนั้น
จะตอบโจทย์สังคมบริหาร-ปกครองมนุษย์ “มากที่สุด”

นั่นคือ การบริหารให้มนุษย์ในสังคมมี “ใจพอ”
ใครจะ “พอใจ-ไม่พอใจ” เรื่องแต่ละคน

แต่เมื่ออยู่ร่วมกันเป็น”สังคมบริหาร”
ก็ต้องบริหารให้แต่ละคนในสังคม “ใจพอ”

เนี่ย…จะเรียกว่าประชาธิปไตย-เผด็จการหรือตะหวัก-ตะบวยอะไรก็ช่าง
เพราะนั่น มันแค่ “เครื่องมือ” ใช้ นำไปสู่

สู่อะไร?
สู่ความเป็น “แก่นร่วมต้น” คือแต่ละสังคมชาตินั่นแหละ!

แต่การบริหารเพื่อนำสังคมไปสู่ของไทยเราวันนี้
กราบโจร บูชาโจร ว่าเป็นเทพเจ้า
ผู้จะมาปลดทุกข์ประชาชน ทึกทักว่าเป็นแก่น

ขนาด “ผู้นำบริหารประเทศ” ยังต้องไป “กราบขอพรโจร”
แล้วเราจะปล่อยให้คณะบุคคล “บูชาโจร”
ถือกระถางธูปนำหน้า “รูปเคารพโจร”

นำคำสั่งสอนแนวทางโจรกินบ้าน-กินเมือง
มาใช้บริหารบ้านเมืองกันไปอย่างนั้น ไหวหรือ?

ผมไม่ต้องการเห็นโจรอยู่เหนือประเทศ
ไม่ต้องการเป็นประชาชนอยู่ใต้การบริหาร
“รัฐบาลโจรนำชาติ”

อีกไม่เกิน ๒๐ ปี ผมก็ตาย
แล้วผมจะมีหน้าไปตอบยมบาลได้อย่างไร
ในเมื่อถือพาสปอร์ตต่างภพมาจากประเทศไทยที่มี
 “ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์”
เป็นแกน-เป็นแก่นประเทศ

เมื่อยมบาลถามว่า………
“เหตุไฉน ประเทศไทย เมืองพระพุทธศาสนา
เมืองเอกอัครพระมหากษัติย์ทรงทศพิธราชธรรม
แต่ประชาชนกลับยกย่อง-นับถือ-บูชา
“คนโกงชาติ-โกงแผ่นดิน”
ขนาดหัวหน้ารัฐบาล ยังต้องไปกราบกรานขอพร?

“พรพระ” ยมบาล พอเข้าใจ
แต่ “พรโจร” ท่านมึนตึ๊บ และเมื่อถามผม
แล้วจะให้ผมตอบว่าอย่างไร?

จะให้มดเท็จว่า “โจรให้พรผ่านนายกฯ
แล้วประเทศชาติ ประชาชน ร่มเย็นเป็นสุข
ร่ำรวยกันถ้วนหน้า……..

ด้วยรัฐบาลเล่นกลเอาเงินชาวบ้านไปแจกชาวบ้านว่า
เป็นเงินจากผลงานรัฐบาลแล้วให้ประชาชน
ใช้หนี้ก้อนนี้กันเองอย่างนั้น ผมไม่กล้าหรอก”

กลัวตกนรก!

ฉะนั้น ใครตอบได้ ช่วยบอกผมที
ขอให้ตอบภายใน ๒๐ ปี ก่อน ๑๙ กันยายน ๒๕๖๗ ได้ยิ่งดี
เพราะอาจารย์ “ภิญโญ พงศ์เจริญ” ท่านแนะผมอย่างนั้น

ฉะนั้น วันนี้ “ลาที” ไม่ใช่ “ลาก่อน”
หายง่วงนอน แล้วพรุ่งนี้
มาจับแพะ-ชนแกะกันใหม่เน้อ!

เปลว สีเงิน
๑๙ เมษายน ๒๕๖๗
-------------------------------------------------------
อ่านบทความของ ป๋าเปลวแล้ว นึกถึง

'รงค์ วงษ์สวรรค์  ศิลปินแห่งชาติ
สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2538


 ping!