หัวข้อ: เปิดที่มา กว่าจะมาเป็น รีเจนซี่ บรั่นดีไทย เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ มกราคม 30, 2023, 03:33:43 pm เปิดที่มา กว่าจะมาเป็น รีเจนซี่ บรั่นดีไทย
เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว ณรงค์ โชคชัยณรงค์ คงถูกหาว่า บ้า ที่คิดจะสร้างบรั่นดีไทย รีเจนซี่ ขึ้นมาในยุทธจักรน้ำเมานี้ เพราะกระบวนการผลิตบรั่นดีเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ ที่ถ่ายทอดกันหลายชั่วคนต้องพิถีพิถัน ตั้งแต่คัดเลือกพันธุ์องุ่นชั้นดีที่ปลูก เก็บเกี่ยวในภูมิอากาศเหมาะสม และผ่านการกลั่นและบ่มรสชาติให้นุ่มนวล เปรียบประดุจน้ำทิพย์ที่สวรรค์บรรจงสร้าง กว่าจะได้แต่ละหยาดหยดต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี และทุกปีการระเหยระหว่างเก็บบ่มจะเกิดขึ้น เป็นการสูญเสียที่แพงมากแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสวนทางกับธุรกิจที่มีหลัก การแสวงหากำไรสูงสุดในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อให้บรรลุจุดคุ้มทุนแต่เขาไม่เคยย่อท้อ โชคดีเป็นของเขาเมื่อได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ซึ่งเคยมีประสบการณ์ในบริษัทบรั่นดีเก่าแก่ของฝรั่งเศส เมื่อปลดเกษียณแล้วก็คิดจะตั้งโรงงานทำบรั่นดีในเวียดนาม แต่ภัยสงครามเวียดนามที่คุกรุ่นอยู่ ทำให้แผนการของเขาต้องล้มเลิกไป และเขาก็ได้ชายผู้รู้นี้มาวางรากฐานการผลิตบรั่นดีในโรงงาน การผลิตบรั่นดีรีเจนซี่เริ่มต้นแรกเป็นเหล้าองุ่น อันเกิดจากการผสมผสานขององุ่น พันธุ์ไวท์มะละกา ซึ่งมีสีเขียวอมเหลือง นิยมปลูกกันมากในแถบลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ในเขตตั้งแต่จังหวัดสมุทรสงคราม สามพราน นครปฐม และราชบุรี เหล้าองุ่นที่ได้จะมีดีกรี 10-12 เท่านั้น หลังจากผ่านกระบวนการกลั่นทีละหยดในห้องกลั่น ซึ่งประกันอัคคีภัยไว้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ความรุนแรงของบรั่นดีจะเพิ่มสูงถึง 40 ดีกรี ดังนั้นบรั่นดีที่กลั่นเพียงครั้งเดียวจะมีความรุนแรงและมีสรรพคุณเป็นยา จึงต้องนำไปเก็บบ่มรสชาติ 2-3 ปี ให้รสชาตินุ่มนวลลงในถังไม้โอ๊กลีมูซีน ซึ่งเป็นไม้ชนิดเดียวที่ให้กลิ่นหอมและสีทองของบรั่นดี เหล้ารีเจนซี่เขาใช้องุ่นเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้กากน้ำตาลหรือที่เรียกว่า โมลาส ขณะที่เหล้ายี่ห้ออื่นใช้เพราะต้นทุนถูกเพียงตันละ 400-500 บาท แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเทศไทยไม่บังคับ รัฐบาลสนใจจะเอาแต่ภาษีมากๆ เท่านั้น อย่างแม่โขงกว่าจะเข้าไปขายในอเมริกา ต้องใช้เวลาตั้งนาน ต้องมีการเปลี่ยนสูตรก่อน ณรงค์ โชคชัยณรงค์ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2467 มารดาชื่อ แต้สี บิดาชื่อ จินซุ้ย ถ้าไม่มีเขา รีเจนซี่บรั่นดี ก็คงไม่ได้เกิดขึ้นมาในวงการน้ำเมานี้ ชีวิตของณรงค์เริ่มต้นอย่างลำบากยากเข็ญในชีวิตวัยเด็ก ที่เดินทางจากแผ่นดินจีนสู่ใต้ร่มเงาของแผ่นดินไทย ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะนั้นณรงค์ที่ยังคงใช้ แซ่เฮ้ง เพิ่งจะมีอายุรุ่นๆเพียง 13-14 ปี เริ่มต้นชีวิตในเมืองไทย ด้วยการทำงานเรียนรู้เป็นช่างเจียระไนเพชรพลอย ในร้านค้าเพชรย่านตรอกหัวเม็ด จักรวรรดิ ความมานะพยายามที่มีแววเฉลียวฉลาด ได้ส่งประกายดุจเพชรน้ำเอก ที่ทำให้ชีวิตของหนุ่มชาวจีนได้พบรักกับ บุตรสาวเศรษฐีเจ้าของร้านเพชร แซ่เบ๊ พ่อตาอย่าง ปรีชา อัศวปรีชา ได้ยินยอมยก สุทธิวรรณ อัศวปรีชา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้แก่ณรงค์ และปรีชาก็ไม่ผิดหวังในหนุ่มคนนี้ เพราะในเวลาต่อมาณรงค์ได้พิสูจน์ถึงสายเลือด ของนักสู้ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา จนกระทั่งตัวเองประสบความสำเร็จ เขาได้กลายเป็นตำนานของ แจ๊คผู้หาญฆ่ายักษ์แม่โขง ในฐานะผู้เข้ามาใหม่ด้วยบรั่นดีรีเจนซี่ หลังจากสะสมทุนรอนมหาศาลจากกิจการค้าเพชร และรับเหมาก่อสร้างตึกแถวที่สามย่านอันเป็นที่ทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ญาติคุณณรงค์ชอบสะสมบรั่นดีคอนญัคมาก และคุณณรงค์ก็ชอบดื่มบรั่นดี ตอนหลังเขาไม่ดื่มมากเพราะว่า ระวังเรื่องสุขภาพตอนที่เข้ามาในวงการนั้น คุณณรงค์ชอบและหลงเสน่ห์บรั่นดีและอันไหนที่จิบแล้วไม่ถูกใจก็ติ คนเขาก็ว่าติมากก็ทำเองสิ ด้วยคำท้าทายนี้เอง เขาจึงได้ตัดสินใจทุ่มเงินทุกบาททุกสตางค์ ที่ได้จากการค้าเพชรและรับเหมาก่อสร้างไปลงทุน ณรงค์ก้าวเข้ามาใน ยุทธจักรน้ำเมา ที่เป็นธุรกิจการเมืองตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 โดยรู้อยู่เต็มอกว่าโอกาสเกิดนั้นต้องเจ็บปวดและทรมาน ไม่มีใครยอมรับรีเจนซี่ในระยะแรก แต่ด้วยใจนักสู้ที่ถือเอาความสุจริตใจ เป็นที่ตั้งบวกกับสายสัมพันธ์ทางการเงินที่มี ธนาคารกรุงเทพ หนุนหลังเต็มที่ ก็ทำให้ณรงค์กล้าก้าวเข้ามาเป็นผู้ผลิตบรั่นดี ด้วยเจตนาที่ยึดถือคุณภาพเป็นจุดแข็งทางการขายและการตลาด เดิมณรงค์ดื่มเหล้าไม่เป็น แต่ตอนที่รีเจนซี่รุ่นแรกๆ ขายไม่ได้เลย แกเลยกินของแกเอง จนหน้าแดงก่ำ คิดดูสิ กว่าจะติดตลาดนี่ยาก เพราะต้องทำโฆษณาการตลาดต่อเนื่อง แต่ณรงค์แกเป็นคนโฆษณาไม่เป็น พูดแต่ว่าของผมดีๆ แล้วใครจะไปรู้ล่ะ ผู้ใหญ่ในกรมสรรพสามิตเล่าให้ฟัง ด้วยเหตุนี้ในปี พ.ศ.2534 เขาจึงทุ่มงบโฆษณาวาระครบรอบ 20 ปี ของรีเจนซี่บรั่นดี ทางสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อสร้างภาพพจน์สินค้าที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อคนไทย ณรงค์มีความเป็นคนจีนที่เป็นคนไทยยิ่งกว่าคนไทยบางคนเสียอีก ชีวิตที่ได้รับโอกาสการทำมาหากิน สายสัมพันธ์ธุรกิจกับผู้หลักผู้ใหญ่อาทิ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พิศมัยการจิบบรั่นดี และต้องการช่วยเหลือชาวไร่องุ่นที่ประสบปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ ทำให้การขอรับการส่งเสริมโรงงานของเขาในเวลาต่อมา ได้รับการสนับสนุนอย่างดีทั้งจากหน่วยราชการและกรมสรรพสามิต แกเป็นคนไม่โกงภาษี ถึงไม่มีเงินเพราะขายของไม่ได้ แกก็ไปกู้มาให้ ผู้บริหารในกรมสรรพสามิตเล่าให้ฟังถึงอดีต แต่ปัจจุบันบริษัทได้จ่ายภาษีสรรพสามิตทั้งสิ้นปีละเกือบพันล้านบาท เพราะเหล้าขายดีมีรายได้มหาศาล การรู้จักใช้ความกตัญญูรู้คุณที่ไปมาหาสู่มิเคยขาดในโอกาสสำคัญๆ เช่นวันเกิด วันขึ้นปีใหม่ ทำให้เขามีวันนี้ได้ เขาไม่เคยลืมบุญคุณใคร ขนาด พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ หมดอำนาจไปแล้ว เขาก็ยังไปหาอยู่บ่อยๆ หรือ สมหมาย ฮุนตระกูล ซึ่งเคยอนุมัติ เพราะเห็นว่าโครงการของเขาดี ณรงค์เห็นว่าเป็นลายมือของท่าน ก็ต้องไปหาทั้งๆที่ท่านไม่รู้ว่าเลยว่าช่วย นี่คือเสน่ห์ของณรงค์ที่ชอบไปหาคนเกษียณอายุแล้ว เพื่อป้องกันข้อครหาว่า ประจบสอพลอผู้ใหญ่ แต่เหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ทำให้ณรงค์เสียใจมากก็คือ สายสัมพันธ์อันเก่าแก่กับ คีเซ่งเฮง ต้องขาดสะบั้นลง คีเซ่งเฮงเป็นเอเยนต์รีเจนซี่ในจังหวัดนครราชสีมามานาน เถ้าแก่คีเซ่งเฮงจะรักและช่วยเหลือณรงค์มากตั้งแต่เริ่มต้นยุคบุกเบิกตลาดมาด้วยกัน จนมียอดขายรีเจนซี่สูงสุดในประเทศ ความนับถือที่ทั้งคู่มีให้กันเสมือนหนึ่งญาติ แต่เมื่อเถ้าแก่คีเซ่งเฮงได้เสียชีวิตลง ความคิดเห็นเรื่องผลประโยชน์เริ่มแตกต่างจากเดิม ยิ่งมีเรื่องบริษัทเรียกเงินค้ำประกันหรือ แตะเต้ย เป็นเงิน 7 ล้านบาท เพื่อช่วยด้านขยายกำลังผลิตทางคีเซ่งเฮงได้เป็นหัวเรือใหญ่ คัดค้านแม้ได้มีการพูดคุยกันแล้วก็ตาม ในที่สุดคีเซ่งเฮงก็ขอเลิกเป็นเอเยนต์ นั่นเป็นเรื่องที่ณรงค์เสียใจจนถึงทุกวันนี้ และเขามักจะบ่นกับคนใกล้ชิดเสมอว่าเสียดายความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน ณรงค์มีบุตรธิดาทั้งสิ้น 5 คนเป็นลูกชายหัวปีท้ายปีคือ ดิเรกและกรีติ์กนิษฐ์ และลูกสาวสามคนคือ ศุภสร พรจันทร์ และศันสนีย์ ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ ตั้งแต่ยังเล็กที่สิงคโปร์ และจบระดับปริญญาจากสหรัฐอเมริกา โดยมีคุณแม่อย่างสุทธิวรรณตามไปคอยดูแล แม้ในทางนิตินัยเธอยังคงใช้คำนำหน้าชื่อว่า น.ส.สุทธิวรรณ อัศวปรีชา จนกระทั่งปัจจุบัน ดิเรก โชคชัยณรงค์ บุตรชายคนโตของณรงค์ ที่เรียนจบด้านวิศวกรรมเคมีโรงงานจากอเมริกา ก็ถูกวางตัวให้เป็นทายาทสืบภารกิจนี้ต่อจากพ่อ ปัจจุบันดิเรกเป็นรองกรรมการผู้จัดการและดูแลการผลิตและด้านการตลาดด้วย, ศุภสรหรือที่นิยมเรียกชื่อเล่นว่า รุ้ง ผู้มีพื้นฐานจบจากด้านกราฟิกดีไซน์ก็ถนัดคุมงาน การส่งเสริมด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ , พรจันทร์หรือ ปาน ดูแลด้านบัญชีการเงิน ส่วนลูกสาวอีกคนก็ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ และลูกชายคนเล็กก็เล่าเรียนมาทางด้านการบริหารธุรกิจการตลาด ชีวิตทุกวันนี้ ณรงค์ทุ่มเทให้กับการทำงานมาก จะไปโรงงานทุกวันแม้จะเดินไม่ค่อยไหว ทุกเช้า 10 โมงถึงบ่ายสี่โมงเย็น เขาจะขลุกอยู่ในโรงงานสุราพิเศษสุวรรณภูมิที่จังหวัดนครปฐม แม้จะล่วงเลยวัยเกษียณไปมากแล้ว ชายร่างอ้วนใหญ่คนนี้ก็ยังหมั่นดูแลกิจการอยู่เสมอ ตราบใดที่เขายังมีลมหายใจอยู่ตราบนั้นเขาจะไม่ยอมหยุดทำงาน จากชีวิตที่ต่อสู้ด้วยสองมือเปล่า วันนี้ชีวิต ณรงค์ โชคชัยณรงค์ มีกำไรแล้ว ปล. ที่เราดื่มทุกวันนี้ไม่เหมือนเหล้าเก่าในรูปและไม่ได้ทำจากองุ่นแล้ว ขอบคุณข้อมูล Thanawin Kanchanavipas หัวข้อ: Re: เปิดที่มา กว่าจะมาเป็น รีเจนซี่ บรั่นดีไทย เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ มกราคม 31, 2023, 08:58:23 am THANK!! wav!!
|