หัวข้อ: อันตรายจากฟอร์มาลิน เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ ธันวาคม 05, 2022, 12:01:07 pm https://www.pohchae.com/2022/12/05/formaldehyde/
อันตรายจากสารฟอร์มาลิน #อันตราย #ฟอร์มาลิน #formaldehyde ----------- (https://www.pohchae.com/wp-content/uploads/2022/12/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99.jpg) ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ฟอร์มัลดีไฮด์ที่ความดันปกติจะมีสถานะเป็นก๊าซ ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน ติดไฟได้ ให้ความร้อนเมื่อติดไฟ 4.4 kcal/g ก๊าซฟอร์มัลดีไฮด์เมื่อรวมดัวกับอากาศ และออกซิเจนสามารถเกิดการระเบิดได้ ในทางการค้านิยมใช้อยู่ในรูปของสารละลายในน้ำ ที่ประกอบด้วยความเข้มข้นของฟอร์มัลดีไฮด์ที่ความเข้มข้นประมาณ 37-50% โดยน้ำหนัก ชื่อ IUPAC : Methanal ชื่อสามัญ : Formaldehyde, Methylene Oxide, Oxomethylene, Oxymethylene, Methylaldehyde ชื่อสามัญสารละลาย : Formalin, Formal, Formaldehyde ฟอร์มาลิน อันตราย ห้ามใช้ในอาหาร -พิษต่อระบบทางเดินหายใจจะทำเกิดอาการแสบจมูก เจ็บคอ ไอ หายใจไม่ออก ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด และอาจถึงตายได้ ถ้าสูดดมในปริมาณมาก -พิษจากการสัมผัส ทำให้เกิดอาการผื่นคันบริเวณผิวหนังกรณีที่สัมผัสกับฟอร์มาลินโดยตรงทำให้ผิวหนัง อาจไหม้จนเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ -พิษต่อระบบทางเดินอาหาร หากรับประทานเข้าไปจะมีอาการปวดศีรษะและปวดท้องอย่างรุนแรง และอาจทำให้ถึงแก่ชีวิต.. ข้อแนะนำสำหรับผู้บริโภค -ก่อนนำอาหารสดมาประกอบอาหาร ควรล้างให้สะอาดก่อนจะสามารถลดปริมาณสารพิษลงได้ โดยรับประทานอาหารที่สุกเพราะความร้อนจะทำให้สารนี้ระเหยออกไปบ้าง ลดความเสี่ยงได้ -การดมกลิ่นจะทำให้ทราบว่าอาหารนั้นมีฟอร์มาลินหรือไม่ คือถ้าอาหารนั้น มีกลิ่นแสบจมูก ให้สันนิษฐานว่าน่าจะมีฟอร์มาลินปนเปื้อนอยู่.. ฟอร์มาลิน เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งมีพิษ ประกอบด้วยก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde) ละลายน้ำด้วยความเข้มข้นร้อยละ 37 โดยน้ำหนัก และมีเมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol) ประมาณร้อยละ 10-15 เป็นองค์ประกอบด้วย มีลักษณะเป็นน้ำใส มีกลิ่นฉุน แสบจมูกและตา ใช้เป็นน้ำยาทำลายเชื้อโรค.. ฟอร์มัลดีไฮด์มีความสามารถละลายน้ำได้ดีมาก และสามารถรวมตัวกันเป็นโพลิเมอร์เมื่อความเข้มข้นมากขึ้น แต่การรวมตัวกันของฟอร์มัลดีไฮด์จะลดลงเมื่อเติมเมทานอลผสมด้วย เช่น สารละลายฟอร์มัลดีไฮด์ 37% ผสมกับเมทานอล 7% ทำให้สารละลายมีความเสถียรที่อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส ส่วนารละลายฟอร์มัลดีไฮด์ 37% ผสมกับเมทานอล 1% ทำให้สารละลายมีความเสถียรที่อุณหภูมิ 40.5 องศาเซลเซียส แต่หากไม่ผสมเมทานอลแล้ว สารละลายจะมีความเสถียรที่อุณหภูมิ 67-71 องศาเซลเซียส ฟอร์มาลีน-ฟอร์มัลดีไฮด์ ทั้งสองตัวนี้ในทางเคมีคือสารตัวเดียวกัน เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ในรูปของสารละลายจะเรียกว่า ฟอร์มาลีน ซึ่งเป็นชื่อที่เราคุ้น ๆ กันดีก็คือน้ำยาดองศพนั่นเอง ส่วน ฟอร์มัลดีไฮด์ มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหะภูมิปกติ มีกลิ่นฉุนแสบจมูก ส่วนมากที่จำหน่ายกันอยู่ทั่วไปอยู่ในรูปของสารละลายน้ำภายใต้ชื่อน้ำยาฟอร์มาลีน โดยปกติสารละลายนี้จะไม่เสถียรเมื่อเก็บไว้นานโดยเฉพาะที่อุณหภูมิสูง จะกลายเป็นกรดฟอร์มิก จึงมีการเติมสารยับยั้งหรือที่เรียกว่าสารที่ทำหน้าที่เป็นตัวสเตบิไลเซอร์ เช่นเมทานอล 5-15 เปอร์เซ็นต์ หรือมีขายในรูปของพาราฟอร์มัลดีไฮด์ มีประโยชน์ในฐานะที่เป็นสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์อื่นอีกมากมาย ที่ใช้มากคือนำไปทำเม็ดพลาสติกชนิดต่าง ๆ ที่มีชื่อเรียกกันว่า ยูเรีย-ฟอร์มัลดีไฮด์ หรือ ฟีนอล-ฟอร์มัลดีไฮด์ ที่ใช้เป็นกาวสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช้ทำโฟมเพื่อเป็นฉนวน เป็นต้น สำหรับในวงการแพทย์ใช้ประโยชน์มากมาย อย่างเช่นการดองศพ ใช้ในเวชภัณฑ์ เช่นยาอม ใช้ฆ่าเชื้อโรค และฟอกหนัง เป็นต้น ไอของฟอร์มัลดีไฮด์จะระคายตา จมูก และผิวหนัง ทำให้เป็นแผลหรือถึงขั้นตาบอด ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ จะทำให้น้ำท่วมปอด จนหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก และตายในที่สุด อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหลังจากได้รับสารโดยไม่มีอาการเจ็บปวดเลยก็ได้ หากได้รับปริมาณน้อยเป็นเวลานาน จะมีอาการไอและหายใจติดขัดเพราะหลอดลมอักเสบ เป็นต้น.. หากสูดดมฟอร์มาลินจะทำให้มีผลต่อระบบหายใจ คือ แสบจมูก เจ็บคอ ไอ หายใจไม่ออก ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด และอาจถึงตายได้ถ้าสูดดมในปริมาณมาก นอกจากผลต่อระบบหายใจแล้ว ยังมีผลต่อระบบผิวหนัง คือ ทำให้เกิดผื่นคัน จนถึงผิวหนังอาจไหม้เปลี่ยนเป็นสีขาวได้หากสัมผัสกับฟอร์มาลินโดยตรง สำหรับพิษต่อระบบทางเดินอาหารนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะมีการนำมาใช้กับอาหารกันมาก.. เมื่อกินอาหารที่ปนเปื้อนฟอร์มาลินในปริมาณมากจะมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดท้อง ในปากและคอจะแห้ง หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก อาจมีการถ่ายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด มีอาการเพลีย เหงื่อออก ตัวเย็น คอแข็ง ได้มีรายงานว่า มีผู้กินฟอร์มาลิน 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อฆ่าตัวตาย พบว่า ตายภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากได้รับสารดังกล่าว และเมื่อผ่าศพผู้ตายพบแผลไหม้ในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก นอกจากผลในระยะสั้นที่มีอาการปรากฏชัดเจนแล้ว ผลในระยะยาวเคยมีรายงานว่า สารฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde) ซึ่งเป็นสารประกอบของฟอร์มาลินเป็นสารที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย ฟอร์มาลินในอาหาร ผักหลายชนิดนอกจากจะฉีดสารพิษฆ่าแมลงแล้ว ยังมีการนำไปแช่ฟอร์มาลินอีกก่อนจำหน่าย เพื่อให้สดอยู่ได้นาน สังเกตได้จากผักในตลาดสดที่วางจำหน่ายไว้ 3-4 วันก็ยังสดอยู่ ไม่เหี่ยวเฉา ทั้งๆ ที่อากาศร้อน ผักที่อาจมีการปนเปื้อนของฟอร์มาลิน ได้แก่ ชะอม คะน้า ผักกระเฉด ผักชี ตั้งโอ๋ มะระ บวบ ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว ฯลฯ ทั้งนี้ปริมาณฟอร์มาลดีไฮด์ที่ตรวจพบในผักชนิดเดียวกันจะแตกต่างกัน.. สารเคมีมีประโยชน์ถ้าใช้อย่างถูกต้อง เมื่อทราบพิษภัยของมันแล้ว จงอย่าคิดนำฟอร์มาลีนไปล้างผักอย่างที่พ่อค้าแม่ค้าหลายคนกระทำกันอยู่ และเป็นข่าวอยู่เสมอ สิ่งตกค้างย่อมเป็นอันตรายได้เมื่อกินเข้าไป โดยเฉพาะฟอร์มัลดีไฮด์นี้มีข้อพิสูจน์ที่พอจะเชื่อได้ว่าเป็นสาร ก่อมะเร็ง การได้รับฟอร์มาลินชนิดแบบเฉียบพลัน ดังนั้นพิษจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วต่อไต ตับ เม็ดเลือด และหลอดอาหาร การรักษาเบื้องต้น คือให้ดื่มน้ำทันที่ 1 แก้ว แล้วตามด้วยถ่านกัมมันต์ผง (คงเป็นหน้าที่ของแพทย์) และพยายามช่วยการหายใจ ถ้าตับวาย/ไตวายก็รักษาตามอาการ ไม่มียารักษาพิษโดยตรง สิ่งที่น่าจะเป็นปัญหาสำคัญก็คือถ้าคนไข้รอดมาได้ น่าจะเกิดหลอดอาหารตีบ ซึ่งอาจต้องแก้โดยการถ่างหลอดอาหาร หรือใส่สายยางให้อาหารทางหน้าท้อง และระยะยาวอาจต้องผ่าตัดเอาหลอดอาหารออกและเอาลำไส้ใหญ่มาต่อแทน ประโยชน์ฟอร์มาลีน/ฟอร์มัลดีไฮด์ 1. ด้านอุตสาหกรรม ใช้ในกระบวนการผลิตเรซิน และพลาสติก ใช้ในการผลิต urotropin, แอลกอฮอล์, ยา, สี และวัตถุระเบิด ในเป็นสารเร่งการเกาะติดสี เป็นสารช่วยย้อม ใช้ในกระบวนการฟอกสี ใช้ในกระบวนการผลิตสี และหมึกพิมพ์ ใช้ในอุตสากรรมกระดาษ ทำให้กระดาษลื่น และช่วยกันน้ำ ใช้เป็นส่วนผสมโลหะ ป้องกันปฏิกิริยาออกซิเดชัน ใช้ผลิตผงสำหรับการใช้ในไหมสังเคราะห์เพื่อช่วยปรับปรุงน้ำหนัก และความแข็งของไหม ใช้ช่วยรักษาภาพถ่ายให้เก็บรักษาได้นาน ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อ และใช้เป็นสารฆ่าเชื้อ 2. ทางด้านการเกษตร ใช้ทำลายเซื้อ ป้องกันเชื้อโรคทั้งในดิน น้ำ พืช และสัตว์ ใช้ในการเก็บรักษาผลผลิตให้สามารถเก็บไว้ได้นานทั้งผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ จึงมักมีข่าวการตรวจพบแม่ค้าผสมฟอร์มาลีนในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาทิ เนื้อหมู ไก่ ปลา กุ้ง ปลาหมึก เป็นต้น ใช้ในการป้องกันความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตรในระหว่างการขนส่ง ใช้ทำความสะอาด และฆ่าเชื้ออุปกรณ์ และอาคารโรงเรือน ใช้เป็นปุ๋ย 3. ทางด้านการแพทย์ ใช้เป็นสารฆ่าเชื้อ และทำความสะอาดอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ ใช้สำหรับเก็บรักษาสภาพศพ เก็บรักษาร่างกายสัตว์ 4. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอางป้องกันเหงื่อออกมาก ใช้เป็นส่วนผสมของยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก สบู่ และครีมโกนหนวด สำหรับเป็นสารฆ่าเชื้อ ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำยาดับกลิ่นตัว ระดับความเป็นพิษของฟอร์มัลดีไฮด์ การได้รับทางระบบทางเดินหายใจ 1. ความเข้มข้น 1 ppm สามารถรับรู้กลิ่น 2. ความเข้มข้น 2-3 ppm มีอาการระคายเคืองในระบบหายใจ 3. ความเข้มข้น 4-5 ppm มีอาการน้ำตาไหล และระคายเคืองในระบบหายใจ 4. ความเข้มข้น 10 ppm มีอาการน้ำตาไหล ไหลไม่หยุด และระคายเคืองในระบบหายใจ 5. ความเข้มข้น 10-20 ppm มีอาการน้ำตาไหล และระคายเคืองในระบบหายใจรุนแรง มีอาการแสบร้อนที่คอ หายใจลำบาก และไอ 6. ความเข้มข้น 50-100 ppm มีอาการน้ำตาไหล ไหลไม่หยุด และระคายเคืองในระบบหายใจรุนแรง ทำให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง. ติดตามคลิปภาพและเนื้อหาทั้งหมดได้ที่นี่ > https://www.pohchae.com/2022/12/05/formaldehyde/ |