หัวข้อ: รัฐบาลพิมพ์เงินเพิ่ม..จะต้องมีทองคำมาค้ำด้วยหรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ มิถุนายน 24, 2022, 11:15:17 am https://www.pohchae.com/2022/06/24/gold-standard-money/
รัฐบาลพิมพ์เงินเพิ่ม..จะต้องมีทองคำมาค้ำด้วยหรือไม่? #รัฐบาลพิมพ์เงินเพิ่ม #ทองคำ #ค้ำ #money ------------------- (https://www.pohchae.com/wp-content/uploads/2022/06/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99.jpg) เงินคืออะไร? เงินนั้น ทำหน้าที่หลักๆในการเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนสินค้ากัน แทนที่จะขนไก่ใส่รถไปสักร้อยตัว เพื่อไปแลกวัว เราก็ใช้การขายไก่ แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อวัวมาแทน ทั้งพกง่ายและสะดวกสะบายกว่ากันมาก ประเด็นที่สำคัญที่สุดของการทำหน้าที่เงินตราคือ ความเชื่อมั่น ในตัวเงินนั้นๆ เมื่อเราขายสินค้าเพื่อแลกกับเงิน เราย่อมต้องการความแน่ใจว่าเงินนั้นสามารถนำไปแลกเป็นสินค้าอื่นๆที่เราต้องการต่อไปได้ ในสมัยโบราณมนุษย์จึงใช้สิ่งที่เชื่อว่ามี มูลค่า มากในการมาเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนเช่น แร่เงิน ทอง โลหะมีค่าต่างๆหรือแม้แต่เกลือ.. เบื้องหลังความเชื่อว่าของสิ่งนั้นมีมูลค่า ก็คือ ของสิ่งนั้นหาได้ยากในโลกนี้ หรือ มีจำนวนจำกัด ต่อมาเมื่อการค้าได้เฟื่องฟูขึ้นทองคำได้กลายมาเป็นสื่อกลางที่สำคัญในการค้าขาย ทองคำนั้นถูกยอมรับโดยคนส่วนใหญ่ในโลกว่าเป็น สิ่งมีค่า อย่างไรก็ตามทองคำนั้นยังมีความลำบากในการพกพาและใช้งาน สมมติว่าเหรียญทองเหรียญหนึ่งมีค่าเท่ากับไก่ 100 ตัว ดังนั้นเมื่อเราจะซื้อไก่แค่ตัวเดียว เราคงต้องแบ่งเหรียญทองนั้นเป็น 1 ใน 100 ส่วน ความวุ่นวายคงจะมาเยือนทันที.. แล้วมนุษย์แก้ปัญหานี้อย่างไร? แทนที่จะพกเหรียญทองแหว่งๆเต็มกระเป๋า มนุษย์ได้ประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่า สกุลเงิน ต่างๆขึ้นในรูปเหรียญตรา หรือธนบัตรเพื่อเป็นตัวแทนของทองคำเหล่านั้น เช่นเงิน 100 บาทมีค่าเท่ากับทอง 1 เหรียญ ดังนั้นเมื่อเราจะซื้อไก่หนึ่งตัวก็เพียงแค่จ่ายเงิน 1 บาทแลกกับไก่ตัวนั้นได้อย่างสะดวกง่ายดาย.. เงินในยุคแรกจึงทำหน้าที่เหมือน ใบแทนทองคำ ที่นำไปแลกกลับเป็นทองได้ ตามที่มูลค่าของเงินสกุลนั้นกำหนดไว้ ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิอังกฤษได้นำ ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) มาใช้โดยผูกกับเงินปอนด์ของตน ในช่วงเวลานั้นประเทศอังกฤษเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญที่สุดของโลกเนื่องจากอังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคม และเป็นผู้นำในทางทหาร การเมือง ด้วยอิทธิพลความเป็นประเทศมหาอำนาจ มาตรฐานทองคำ และเงินปอนด์ของอังกฤษจึงได้รับความนิยมไปทั่วโลกในฐานะสกุลเงินหลักของโลก ตามมาตรฐานทองคำนั้นเงินจะถูกพิมพ์ออกมาโดยเลื่อนลอยไม่ได้ หากแต่ต้องมีทองคำเป็นตัวหนุนหลังในฐานะ ใบแทนทองคำ อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ แต่จุดเปลี่ยนของมาตรฐานนี้ได้มาถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1.. ในช่วงเวลาสงครามนั้น รัฐบาลของประเทศต่างๆ มักจะห้ามการนำเข้าหรือส่งออกทองคำ เนื่องจากต้องการเก็บทองคำไว้ในประเทศของตนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการซื้อสินค้าหรือแม้แต่อาวุธที่จำเป็นในยามสงคราม เนื่องจากประเทศต่างๆนั้นเชื่อมั่นทองคำที่เป็นตัวหนุนหลังมากกว่าเงินต่างประเทศ เรื่องนี้ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนทองคำขึ้น ซึ่งนำไปสู่ระบบการเงินใหม่คือ มาตราปริวรรตทองคำ (Gold Exchange Standard) แนวคิดนี้คือ แทนที่ทุกประเทศจะต้องถือครองทองคำไว้ ก็ให้มีเพียงประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลางการเงิน เป็นผู้ถือทองคำแทนประเทศอื่นๆ ส่วนประเทศอื่นๆนั้นก็เพียงแต่นำเงินของประเทศศูนย์กลางนี้ไปถือไว้แทนทองคำเท่านั้น.. โดยในระยะนี้เองที่อังกฤษในฐานะมหาอำนาจเก่า เริ่มสูญเสียความเป็นพี่ใหญ่ของโลกให้กับประเทศเกิดใหม่อย่าง สหรัฐอเมริกา และเงินที่ใช้เป็นตัวกลางที่สำคัญของโลก ได้ค่อยๆเปลี่ยนจากเงิน ปอนด์ เป็น ดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปัจจุบัน และในขณะเดียวกันประเทศต่างๆก็ยอมที่จะถือเงินดอลลาร์สหรัฐ แทนการถือทองคำ ระยะแรกนั้นเงินดอลลาร์นั้นสามารถถูกนำกลับไปแลกกลับเป็นทองคำได้ ในฐานะใบแทนทองคำ ..อย่างไรก็ตามเนื่องจากในเวลาต่อมานั้นมีการพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาเกินกว่าปริมาณทองคำที่มีอยู่อย่างมหาศาล ทำให้หากมีการแลกเงินกลับเป็นทองคำนั้น รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถหาทองคำที่มีมูลค่าเท่ากันมาคืนให้ได้.. มีการประมาณการว่ารัฐบาลสหรัฐได้พิมพ์เงินออกมาเป็นมูลค่าเท่ากับทองคำอย่างน้อย 30,000 ตันในขณะที่ทองจริงๆนั้นมีเพียงราว 6,000 ตันเท่านั้น.. แล้วรัฐบาลสหรัฐแก้ปัญหาการมีทองคำไม่พออย่างไร? คำตอบง่ายๆก็คือ ยกเลิกการผูกติดเงินดอลลาร์กับทองคำ จะยกเลิกได้อย่างไร? ก็ต้องทำให้คนมีทองคำในมือน้อยที่สุด และให้คนใช้เงินดอลลาร์กันเป็นหลัก ในปี 1933 ตอนนั้นเงินดอลลาร์สหรัฐยังแลกกลับเป็นทองคำได้ รัฐบาลสหรัฐออกกฎหมายห้ามกักตุนทองคำ โดยใครที่มีทองคำในครอบครองเกิน 100 ดอลลาร์ต้องนำไปแลกเป็นเงิน ภายใน 1 พฤษภาคม 1933 วันที่ 5 มิถุนาปีเดียวกัน ได้มีกฏหมายห้ามเจ้าหนี้เรียกคืนหนี้ ในรูปแบบทองคำออกมา และให้เรียกคืนหนี้ในรูปแบบเงินดอลลาร์เท่านั้น ใครเป็นลูกหนี้ที่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา? คำตอบอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ลูกหนี้ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ตัวรัฐบาล และธนาคารกลางอเมริกา เอง ที่เป็นหนี้ผ่านการออกพันธบัตรต่างๆเพื่อมาใช้จ่ายภาครัฐ และตั้งแต่นั้นมาก็ถือได้ว่าสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มต้นออกจากมาตรฐานทองคำอย่างเต็มตัว ถ้าเป็นประเทศอื่นคงทำแบบนี้ไม่ได้ ยกเว้นที่ประเทศที่มีเสถียรภาพ และความมั่นคงสูงที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ถึงแม้จะยกเลิกมาตรฐานทองคำแล้ว คนก็ยังเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์อยู่ จนในปี 1971 ประธานาธิปดีนิกสัน ได้ประกาศเลิกรับแลกดอลลาร์สหรัฐกับทองคำโดยสิ้นเชิง นับแต่นั้น แม้แต้รัฐบาลต่างชาติก็ไม่สามารถแลกเงินดอลลาร์กลับเป็นทองได้อีกต่อไป นับว่าทองคำได้จบการทำหน้าที่เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศโดยสมบูรณ์ โดยสิ่งที่เป็นหลักค้ำประกัน หนุนหลังแทนทองคำนั้นคือ เงินตราสำรองต่างประเทศ เท่านั้นไม่ต้องใช้ทองคำอีกต่อไปโดยที่ เงินตราสำรองต่างประเทศ เกือบทุกประเทศก็จะมีเงินดอลลาร์ หรือ พันธบัตรรัฐบาล ของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก.. อาจจะมีบ้างที่ทุนสำรองระหว่างประเทศยังเป็นรูปแบบทองคำ แต่ก็ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ประเทศที่มีเงินสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ประเทศจีน ซึ่งมีมากถึง 100 ล้านล้านบาท ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 12 มีเงินสำรองระหว่างประเทศ 8 ล้านล้านบาท แล้วสหรัฐอเมริกา มีเงินสำรองระหว่างประเทศเท่าไร? ..คำตอบที่ได้อาจจะทำให้เราตกใจ เพราะ สหรัฐอเมริกา มีเงินสำรองระหว่างประเทศเพียง 4 ล้านล้านบาท น้อยกว่าประเทศไทยเสียอีก.. ปัจจุบันในด้านการเงินระหว่างประเทศนั้นส่วนใหญ่จะใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว กล่าวคือสกุลเงินของแต่ละประเทศนั้นจะเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดอย่างอิสระ โดยมีสกุลเงินหลักคือ ดอลลาร์สหรัฐ ในการเป็นตัวกลางที่สำคัญในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก สรุปแล้วถ้าจะให้ตอบคำถามหัวข้อนี้ก็คือ รัฐบาลพิมพ์เงิน ไม่ต้องมีทองคำมาค้ำอีกต่อไปแล้ว เมื่อประเทศไหนพิมพ์เงินมากไป ก็จะทำให้เกิดเงินเฟ้อไปเองโดยอัตโนมัติ (ยกเว้นตัวประเทศสหรัฐอเมริกาเอง) เงินเฟ้อวัดกันที่อัตราแลกเปลี่ยน ของสกุลเงินประเทศนั้น ต่อ ดอลลาร์สหรัฐ พอเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ก็จะทำให้เรารู้ว่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลก ประเทศสหรัฐอเมริกา ลอยตัวอยู่เหนือประเทศอื่นในเรื่องทางการเงินมาตลอด มีหลายคนคาดการณ์อยู่ตลอดเวลาว่า สหรัฐอเมริกา ใกล้จะระเบิดแล้ว ประเทศมีหนี้มหาศาล ค่าเงินดอลลาร์จะต้องลดลงในอนาคต แต่ก็มีบางคนออกมาแย้งว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ค่าเงินดอลลาร์ได้แทรกซึมอยู่ในสินค้าทุกอย่างบนโลกนี้แล้ว ตั้งแต่ การซื้อน้ำมัน ทองคำ เหล็ก ถ่านหิน จะซื้อขายกันที่เงินดอลลาร์ทั้งหมด และถ้าวันไหนที่เงินดอลลาร์หมดค่าไป คนที่จะกระทบมากที่สุด ไม่ใช่ตัวสหรัฐอเมริกา แต่จะเป็นทุกประเทศที่เหลือ เพราะทุกประเทศมีเงินสำรองระหว่างประเทศจำนวนมหาศาลที่อยู่ในรูปของเงินดอลลาร์.. ติดตามคลิปภาพและเนื้อหาทั้งหมดได้ที่นี่ > https://www.pohchae.com/2022/06/24/gold-standard-money/ |