หัวข้อ: facebook ก่อตั้งเมื่อปี 2004 สร้างมูลค่าบริษัทเป็น 14 ล้านล้านบาทในปี2017 เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ พฤษภาคม 08, 2019, 12:33:02 pm (https://www.pohchae.com/wp-content/uploads/2019/05/f2.jpg)
หากอ่านบทความไม่พอดีกับจอมือถือ ดูเนื้อหาและคลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้อง> เว็บไซต์ใหม่ของพวกเรา w ww.ubmthai.com เวอร์ชั่นสมาร์ทโฟน >>คลิ๊ก!! https://www.pohchae.com/2019/05/08/facebook-2/ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก่อตั้ง facebook เมื่อปี 2004 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 13 ปี สร้างมูลค่าบริษัทจาก 0 เป็น 14 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน เท่ากับ GDP ไทยทั้งประเทศที่ 14 ล้านล้านบาทเช่นกัน.. บริษัท facebook มีมูลค่ามากเพราะกำไรมหาศาลที่ facebook ทำได้ โดยปีที่ผ่านมา facebook มีกำไรถึง 350,000 ล้านบาท ซึ่งกำไรเพียงปีเดียวของ facebook สามารถซื้อธนาคารกรุงเทพธนาคารที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในประเทศไทยได้ทั้งบริษัท และปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่ facebook มีกำไรมากกว่าบริษัท coke ที่มีชื่อเสียงที่ก่อตั้งมาแล้ว 130 ปี.. แล้ว facebook ได้รายได้จากไหน? ทั้งที่เราเล่น facebook ฟรี แต่เราเสียเงินซื้อ coke กระป๋องละ 15 บาท ทุกครั้งที่เล่น facebook จะมีโฆษณาแทรก 6-10 feed ต่อ 1 โฆษณา และโดยเฉลี่ยแล้วคนจะอยู่กับ facebook 20 นาทีต่อวัน ใน 1 วัน facebook จะได้รับเงินค่าโฆษณาเฉลี่ย 1.6 บาทต่อคน ซึ่งอาจจะดูไม่มากเมื่อเทียบกับ coke กระป๋องละ 15 บาท แต่ตอนนี้ ในแต่ละเดือน facebook จะมีผู้ใช้ทั้งหมด 1,900 ล้านคน.. และ facebook ยังเป็นเจ้าของ instagram ที่มีผู้ใช้ 600 ล้านคน whatsapp 1,200 ล้านคน และ messenger 1,000 ล้านคน ทั้งหมดนี้จึงมากพอที่จะทำให้ facebook เป็นบริษัทที่มีลูกค้ามากที่สุดในโลกคือ 4,700 ล้านคน เกินครึ่งของประชากรโลกที่ 7,500 ล้านคน แน่นอนว่าในอนาคตลูกค้าของ facebook มีโอกาสที่จะมีมากกว่าประชากรโลก เพราะ 1 คนจะใช้หลาย app ที่ facebook เป็นเจ้าของ.. จึงไม่น่าแปลกใจถ้า facebook จะได้กำไรมากกว่า coke เพราะโมเดลการรับเงินเกิดขึ้นซ้ำวนไปเรื่อยๆทุกวัน ทุกเวลา ตื่นนอน กินข้าว พักผ่อน เดินทาง ก่อนนอน ต่างจากผู้ดื่ม coke ที่อาจจะไม่ได้ดื่มทุกวันทุกเวลา โมเดลธุรกิจของ facebook ไม่มีคู่แข่ง เพราะมี network barrier ด้วยตัวเครือข่ายของผู้ใช้เอง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะออกจากเครือข่ายนี้ วงจรการรับเงินเกิดขึ้นถี่มากต่างจากโมเดลการขาย iphone ของ apple หรือ windows ของ microsoft ที่จะมีวงจรการซื้อซ้ำที่นานกว่า และแต่ละครั้งมีงบลงทุนที่สูงมาก ในการสร้างผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ ส่วน facebook ไม่ต้องทำอะไรมากนักในการทำให้ผู้ใช้ซื้อซ้ำ เพราะ ผู้ใช้เป็นคนสร้าง content ใหม่ที่น่าสนใจให้ผู้ใช้อ่านกันเอง..นับว่าเป็นมันสมองหาเงินที่เลอเลิศมากที่สุดปิดฉากขาดทุนอย่างแน่นอน!!! สิ่งที่น่ากังวลคือ สื่อดั้งเดิม ทีวี นิตยสาร กำลังโดน facebook แย่งตลาด และไม่ใช่แค่สื่อเท่านั้น ธุรกิจอื่นก็กำลังจะโดนแย่งตลาดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ร้านค้าไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ที่มีต้นทุนสูง แต่เอาเงินมาซื้อโฆษณาทำการตลาดใน facebook แทน เราจะเริ่มเห็นคนไปดูรุ่นทีวี ที่นอน โซฟา เสื้อผ้า รองเท้าในห้าง แต่กลับมาซื้อของเดียวกันในออนไลน์ที่ตั้งราคาถูกกว่า เพราะไม่มีต้นทุนค่าเช่า โดยเฉลี่ยแล้วต้นทุนค่าเช่าจะประมาณ 20% ของราคาสินค้าที่ขายในห้าง สำหรับห้างดังอาจจะโดนคิดมากถึง 30% หมายความว่าสินค้าออนไลน์จะสามารถขายราคาได้ถูกกว่ามาก และส่วนต่าง 20%-30% จะถูกมาทำเป็นงบการตลาดออนไลน์ ยุคเปลี่ยนผ่านธุรกิจของโลกพึ่งเริ่มต้น และจะเปลี่ยนไปอีกมากในอนาคต ขอให้โชคดีนะ ชาวไทยที่รัก!!! |