พิมพ์หน้านี้ - ระดับมวยไทยเงินแสน ชกต่างชาติน็อคธรรมดาได้ไง...ก้านคอสิครับ...

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

นานาสาระ => กีฬา => ข้อความที่เริ่มโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ มีนาคม 19, 2019, 10:03:01 am



หัวข้อ: ระดับมวยไทยเงินแสน ชกต่างชาติน็อคธรรมดาได้ไง...ก้านคอสิครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ มีนาคม 19, 2019, 10:03:01 am
ระดับมวยไทยเงินแสน ชกต่างชาติน็อคธรรมดาได้ไง...ก้านคอสิครับ...


https://www.youtube.com/watch?v=1Z1YeDFEJH8&feature=youtu.be
 
Cr:ไอยรา WKL

แถมให้อีกคู่ เดินหน้าแล้วฆ่ามันทั้งยก ไม่มีหยุด



ไม่ดูไม่ได้ !!! สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์ vs มาห์ยาร์ มงชิปัวร์ (WBA Super Bantamweight Title) พากย์ไทย

https://www.youtube.com/watch?v=Y-M90g2C2oI&feature=youtu.be&app=desktop

Cr: PJook
 


Somsak Sithchatchawaln vs Mahyar Monshipour   พากย์/ฝรั่งเศส

https://www.youtube.com/watch?time_continue=3321&v=yVhXl5U2MTY

Cr: El Nota Boxeo
 

................... ................... ................... ................... ...........

วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21:12 น.
  หากรำลึกนึกย้อนถึง ศึกชิงแชมป์โลกชาวไทยในอดีตที่ผ่านมา
เชื่อว่าหนึ่งไฟต์แห่งความทรงจำที่ผู้คนกล่าวขวัญต้องมีการพูดถึง
คู่ชกระหว่าง "สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์" กับ "มาห์ยาร์ มงซิปัวร์" ที่ประเทศฝรั่งเศส
การชกครั้งนั้นได้รับการยกย่องเป็น "ไฟต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2006" ของเดอะ ริงค์ เลยทีเดียว..!!

 วันเวลาผันผ่านไปนานถึง 5 ปี (11 มิ.ย. 2554) ไม่น่าเชื่อ
ทั้งคู่โคจรกลับมาพบกันอีกครั้ง ในงานการกุศลตามคำเชิญของ
สถานทูตฝรั่งเศส ที่โรงแรม โนโวเทล สยามสแควร์ ใจกลางกรุงเทพ
เป็นงานประมูลของบุคคลแวดวงกีฬา
เพื่อหารายได้บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ที่ญี่ปุ่น
ในงานมีการนำชุดแข่งนักกีฬาอาทิ ฟุตบอล รักบี้ ฯลฯ
ของฝรั่งเศสและญี่ปุ่นมาร่วมประมูล ที่สำคัญ สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์
อดีตแชมป์โลกชาวไทย ผู้แย่งแชมป์ WBA ซูเปอร์แบนตั้มเวต
ไปจาก มาห์ยาร์ มงซิปัวร์ ขวัญใจชาวฝรั่งเศส
ด้วยการบุกไปเอาชนะน็อกยกที่ 10 ถึงนครปารีส
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. พ.ศ. 2549 ได้รับเกียรติเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย

  สมศักดิ์เดินทางโดยเครื่องบินจากเชียงใหม่
ลงมายังกรุงเทพตามคำเชิญ เผยถึงการมาพบกับ มงซิปัวร์ คู่ปรับเก่าว่า
"มงซิปัวร์คุยกับผมผ่านล่ามว่า หลังการชกของเราทั้งคู่ในไฟต์นั้น
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ชีวิตของเขาตกต่ำลงเรื่อยๆ
เขาไม่เคยมีความสุขเลย ยามหลับตาลงครั้งใด
ก็มักจะฝันร้ายถึงภาพการชกครั้งนั้นอยู่ตลอด
แต่เมื่อได้มาพบปะพูดคุยกับผมอย่างเป็นกันเองในครั้งนี้
จึงทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เราคุยกันจนถึงเที่ยงคืนจากนั้นจึงขอตัวเดินทางกลับ"

  งานกุศลครั้งนี้ สมศักดิ์ นำกางเกงมวยในไฟต์ที่ชกกับมงซิปัวร์
พร้อมภาพโปสเตอร์ขนาดยักษ์การชกของทั้งคู่
มาบริจาคในงานประมูล ได้เงินจำนวน 1.7 แสนบาท
รวมกับรายได้นักกีฬาอื่นๆอีกนับล้านบาท
ซึ่งสถานทูตฝรั่งเศสจะนำเงินดังกล่าวไปบริจาคให้
ผู้ประสบภัยพิบัติจากสึนามิในลำดับต่อไป
แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่
ผู้เคยต้องแบกภาระเพื่อชื่อเสียงของประเทศชาติ
ห้ำหั่นกันปางตายมาแล้ว
คือการได้มาซึ่ง"มิตรภาพ"ถาวรสืบไป
ลองกลับไปรำลึกถึงศึกซูเปอร์ไฟต์ครั้งนั้น...กันไหมครับ !?!?   

  ศึกชิงแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวต ของสมาคมมวยโลก (WBA)
ระหว่าง มาห์ยาร์ มงซิปัวร์ (สำเนียงที่ถูก มงซิปูร์)
เจ้าของตำแหน่งชาวฝรั่งเศส กับ สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์ ผู้ท้าชิงชาวไทย
ที่มหานครปารีส เมื่อ 18 มีนาคม ค.ศ. 2006
ถือเป็นศึกกำปั้นนัด "ซูเปอร์ไฟต์" อีกครั้งหนึ่งที่จะตราตรึง
อยู่ในความทรงจำของแฟนมวย
โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยกันไปทั้งประเทศ
ตราบนานเท่านั้น ซ้ำยังจะเป็นเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการมวยบ้านเรา
ที่ยอดนักสู้จากแดนสยามเดินทางไปสร้างชื่อเสียง
ให้กับประเทศชาติกลับมาอย่างยิ่งใหญ่
หลังคว้าชัยชนะนับเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินแดนน้ำหอมอีกด้วย

 "ผม" คือหนึ่งในคณะผู้สังเกตการณ์
ซึ่งมีโอกาสได้ติดตาม สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์
ลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลจากทวีปเอเชีย
ไปเยือนถึงยุโรปในทริปนี้ จึงถือโอกาส เก็บตกเรื่องราว
ที่หนุ่มเวียงเหนือจากเมืองลำปาง
สามารถบุกไปสร้างตำนานอีกหน้าหนึ่งของวงการมวยเมืองไทย
เพื่อบันทึกไว้เป็นเกียรติแด่ ครอบครัว
และวงศ์ตระกูลของ ยอดนักสู้ผู้มีนามว่า...."สมศักดิ์ ต๊ะสิทธิ์"

  หลังจาก สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์ รั้งอันดับหนึ่ง
พิกัดซูเปอร์แบนตั้มเวท (122 ปอนด์) ของสมาคมมวยโลก(WBA) มาช้านานข้ามปี
ในที่สุดก็สบโอกาสได้เดินทางไปชิงแชมป์โลก
ไฟต์บังคับที่ประเทศฝรั่งเศส กับ มาห์ยาร์ มงซิปัวร์
เจ้าของตำแหน่งแดนน้ำหอม
ภายใต้การจัดของ มิเชล อควอรี่ย์
โปรโมเตอร์ใหญ่แห่ง AMI โปรดักชั่น

  "เสี่ยโก้" ก่อเกียรติ พาณิชยารมณ์ ผู้จัดการหนุ่ม
ยอมตัดใจรับค่าตัวแสนถูกในราคา 30,000 เหรียญสหรัฐ(ราวๆ 1.2 ล้านบาท)
โดยต้องยอมถูกหัก 20 % เป็นรายได้ให้ อลัน คิม
นายหน้าค้ามวยจอมอำมหิตชาวเกาหลี
เพื่อตกลงรับข้อเสนอในการชิงแชมป์โลกครั้งนี้

   สมศักดิ์ หนุ่มเมืองเหนือวัย 28 ปี ผู้เฝ้ารอโอกาสที่จะมีวันนี้มานานถึง 10 กว่าปี
ยอมสละเข็มขัดแชมป์พาบ้า ที่ตนเองป้องกันมาได้อย่างยาวนานเป็นสถิติถึง 19 ครั้ง
ไม่รวมเฉพาะกาลอีก 3 ครั้ง ทุ่มเทให้กับการฟิตซ้อมอย่างเต็มที่
ภายใต้การดูแลของ อ.บุญส่ง เปรมปรีดิ์ ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าคณะและเทรนเนอร์
โดยก่อนหน้าจะบินไปฝรั่งเศส "เสี่ยโก้"
ลงทุนว่าจ้าง อัลแบร์โต้ บ๊อบบี้ หรือ บ๊อบบี้ วิลลาเวอร์ อเมริกันฮาวาย
มาช่วยติวเข้มเสริมเทคนิค ความไว การยืนเท้า และสปีดหมัด เป็นเวลา 40 วัน
แม้จะไม่เป็นที่สบอารมณ์ต่อ เทรนเนอร์ดั้งเดิมและลูกชาย
ซึ่งรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงสักเท่าไหร่ แต่ตัว สมศักดิ์ เอง ก็ยอมรับว่า
"บ๊อบบี้ ช่วยเพิ่มความรู้ และทักษะอะไรหลายๆอย่างขึ้นมาก"
แม้จะมีเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านั้นน้อย
แต่แชมป์พาบ้าผู้นี้ ก็พยายามจดจำให้มากเท่าที่จะทำได้
ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนออกเดินทาง
สื่อมวลชนได้แห่กันไปติดตามทำข่าว
การซ้อมโชว์ของสมศักดิ์ ถึงวิทยาลัยพละ จ.เชียงใหม่
อันเป็นสถานที่ฟิตซ้อมเก็บตัว
   
   ในการซ้อมลงนวมกับ เทอดศักดิ์ ปูนอินทรียิม เพื่อนร่วมสังกัด
ก่อเกียรติ กรุ๊ป ครั้งนั้น ดูแล้วยังไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่
ในสายตาของบรรดาเหยี่ยวข่าวไทยทุกสำนัก
เพราะภาพสไตล์การชกมุทะลุดุดันของ
แชมป์โลกชาวฝรั่งเศสเชื้อสายอิหร่าน วัย 30 ปี คราวเดินหน้าไล่ทุบ
ยอดดำรงค์ สิงห์วังชา พ่ายทีเคโอ ยก 6 เมื่อสองปีก่อน
ยังคงหลอกหลอนอยู่ในความรู้สึกมาจนบัดนี้
ยิ่งได้ทราบประวัติว่ามีสถิติ ชนะ 28 น็อก 19 แพ้ 3 เสมอ 2
และไม่เคยปราชัยใครมาตั้งแต่ปี 1998 (แพ้แตก ยก 3 ซานดอร์ คอกแซก)
และป้องกันตำแหน่งมาได้ 5 ครั้งแล้ว
ก็พลอยให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆตามกัน....     

        ทว่าเมื่อหนทางมวยต้องโคจรมาเจอกัน
ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สมศักดิ์ พร้อมทีมงานชุดแรกอันมี
สุนทร มูลคำ มือขวาเสี่ยโก้ และ อ.บุญส่ง กับ ต๊ะ ลูกชาย
ผู้ทำหน้าที่ผู้ช่วยเทรนเนอร์ ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางมุ่งสู่
มหานครปารีส เป็นชุดแรก โดยมี ชุดของ เสี่ยโก้ พร้อมกองเชียร์
และสื่อมวลชนอีกส่วน ทยอยบินตามไปอีกสองชุดในภายหลัง
 
   .... มหานครปารีส ดินแดนแห่งอารยธรรมเก่าแก่ของยุโรป
ผู้เคยรุ่งเรืองอย่างที่สุดในยุคของ
จอมจักรพรรดิ์ นาโปลีออง (นโปเลียน) โบบาร์ปาร์ต
ได้รับการกล่าวขานจากผู้คนทั่วไปว่า
เป็นมหานครที่สวยงามที่สุดในโลก..!!
 
  ถึงขนาดมีคำเปรียบเปรยจาก ชาวฝรั่งเศสที่อยู่นอกเมืองหลวง ว่า
"ครั้งหนึ่งในชีวิต ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ต้องขอให้ได้มาเยือน นครปารีส"
หรือ ชาวปารีเซียงที่อาศัยอยู่ในปารีสเอง ก็ยังกล่าวว่า

"ถึงแม้ฉันจะจน แต่ฉันก็อยู่ในนครหลวงที่สวยที่สุดในโลก"

  นั่นก็มิใช่คำกล่าวที่เกินเลยไปจากความจริงสักเท่าไหร่
เพราะเมื่อคำนวณเฉลี่ยจากยอดนักท่องเที่ยวในแต่ละปี
ประมาณ 60 ล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก
ที่มาเยือนดินแดนแห่งนี้ ก็คงพอจะเป็นคำตอบในตัวได้ไม่ยาก

   แต่สำหรับ สมศักดิ์ ผู้ท้าชิงจากแดนสยามนั้น
เป้าหมายมิได้อยู่ที่ การมาเยี่ยมชมความสวยงาม
แต่เป็นการมุ่งมั่น เพื่อชัยชนะในการล้มยักษ์ขวัญใจ
เจ้าถิ่น และลบคำสบประมาท
คว้าแชมป์โลกกลับไปให้พี่น้องชาวเหนือ
และคนไทยทั้งประเทศ ให้ได้เท่านั้น !!

  ภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่ โปรโมตศึกกำปั้นไฟต์นี้
เป็นรูปของ มาห์ยาร์ มงซิปัวร์ การ์ดมวยเด่นแต่เพียงผู้เดียว
โดยมีรูปของผู้ท้าชิงชาวไทยเล็กๆอยู่ในกรอบด้านขวา
เหนือรูปของ มิเลียม ลาแมร์ (Myriam Lamare ) แชมป์โลกมวยหญิง
รุ่นไลต์เวลเตอร์เวท WBA
ที่จะป้องกันกับ เบลินด้า ลาราคูเอนเต้ (Belinda Laracuente )
ผู้ท้าชิงชาวเปอร์โตริกัน ซึ่งจะชกเป็นคู่รอง

 คณะของสมศักดิ์ เดินทางเข้าพักที่โรงแรม เลอ บารอน
ในย่านไชน่าทาวน์ ที่มีชาวญวนอพยพ รวมทั้งคนลาว และคนไทย
อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปารีส
และเป็นสถานที่เดียวกับ ยอดดำรงค์ ซึ่งเคยมาแพ้น็อกมงซิปัวร์เมื่อสองปีก่อน

  ท่ามกลางสภาพอากาศระหว่าง ศูนย์ถึง หกองศา(เซลเซียส)
สมศักดิ์ เดินทางไปซ้อมที่โรงยิมของ
เหล่านักมวยผิวดำไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่นัก
แทบไม่น่าเชื่อว่า นักชกไทยจะได้รับการต้อนรับ
จากเพื่อนร่วมอาชีพเจ้าถิ่นอย่างน่าอบอุ่น
ทุกคนพร้อมจะช่วยเป็นคู่ซ้อมลงนวมให้ หากต้องการ
หรือแม้แต่ยามที่เหงื่อหยดระหว่างซ้อม
นักชกนิโกรรายหนึ่งก็ยังรีบเอาผ้ามาเช็ดให้โดยไว
เนื่องจากเกรงว่า ผู้ท้าชิงชาวไทยจะลื่นเป็นอันตรายเสียด้วย

   ดูเหมือนทุกคนที่ค่ายมวยแห่งนั้น
จะรังเกียจแชมป์โลกเชื้อสายอิหร่านชนิดเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว
....ถึงวันชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการ
ที่โรงแรม เอเวอร์กรีน เลอรัว โฮเต็ล มีผู้คนมากหน้าหลายตา
รวมทั้งสื่อมวลชนไทยและเทศ มาร่วมติดตามทำข่าวกันอย่างคับคั่ง
สถานีทีวีฝรั่งเศส คานาปุส ช่อง 4 (CANAL+)
เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการชก
มอบหมายให้ คุณ "อ๊อด" สุริยะชัย อิ่มวุฒิ
หนุ่มหล่อสองสัญชาติ(ไทย-ฝรั่งเศส) ซึ่งพูดไทยได้ชัดเปรี๊ยะ
ทำหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวของ
สมศักดิ์ อย่างละเอียดยิบ เพื่อเก็บเป็นข้อมูล

  ...เบน อิศเมล ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่
แดนน้ำหอม อย่าง เล กิ๊ป(L"EQUIPE) ดูตื่นเต้นไม่น้อย
เมื่อทราบข้อมูลจากนักข่าวไทย(ก็ผมนี่แหละ)
ว่า.. สมศักดิ์นั้นเป็นปัญญาชน
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
จากมหาวิทยาลัยพละ จ.เชียงใหม่
แตกต่างจากนักมวยทั่วไป ที่มักมีความรู้น้อย
และยังประหลาดใจเมื่อทราบว่า
สมศักดิ์เองรู้สึกน้อยใจอย่างมาก
ที่ก่อนเดินทางมาถูกแฟนมวยส่วนใหญ่ สบประมาท
ไม่มีทางจะเอาชนะมงซิปัวร์ได้
ถึงขนาดผู้ท้าชิงชาวไทยตัดพ้อออกอากาศ
ระหว่างให้สัมภาษณ์รายการมวย
ทางคลื่นวิทยุ (FM 99 แฟนพันธุ์แท้กีฬามวย)
ซึ่งมีคนฟังกันทั้งประเทศ
แต่หลังจากนั้น ก็เริ่มมีแฟนๆ โพสต์ (ส่ง SMS)
ให้กำลังใจ สมศักดิ์เพิ่มมากขึ้น
 
  การชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
โดยผู้ท้าชิงชาวไทย ชั่งได้ 122 ปอนด์
หนักกว่า แชมป์โลก ที่ชั่งได้ 121.5 ปอนด์
สีหน้าของ สมศักดิ์นั้นดูเรียบเฉย
ทั้งยังอิดโรยไม่น้อยจากการรีดลดน้ำหนัก
ตรงกันข้ามกับ มงซิปัวร์ ที่เดินทักทายยิ้มแย้ม
แจกลายเซ็นให้กับแฟนๆทั้งหญิงชาย
ที่มาร่วมงานอยู่ตลอดเวลา พิสูจน์ให้เห็นถึง
ความเป็นซูเปอร์สตาร์เจ้าถิ่น
แม้จะมิใช่ชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิดก็ตามที
ช่วงก่อนเดินทางกลับ "เสี่ยโก้" เดินเข้ามาถาม
โดยมี สมศักดิ์ ยืนอยู่ใกล้ว่า
"ผมถามพี่จริงๆนะ..?!?! ....ตามความเห็นพี่คิดว่า
ผลการชกจะออกมาอย่างไรบ้าง เราจะสู้ได้ไหม !?"

  เป็นคำถามที่ยากจะตอบ
เพราะบุรุษผู้ที่สามนั้นยืนฟังคำตอบอยู่ใกล้ๆ
แต่ผมก็กล้าที่จะตอบออกไปอย่างตรงไปตรงมาเช่นกันว่า

 "แหม เราเป็นรองอยู่แล้วครับ
แต่ว่าเรื่องของกำปั้นหุ้มนวมนั้น
อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ" ว่าพลางชำเลืองดู
สมศักดิ์ ซึ่งน่าเจื่อนลงไปถนัดใจ

 คืนก่อนวันชก สมศักดิ์ ซึ่งกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
ตั้งแต่บ่าย ลุกขึ้นมาในช่วงหัวค่ำ
และเดินทางกินข้าวต้มที่ร้านอาหารไทย
ทักทายกับนักข่าวเล็กน้อย

 ก่อนจะไปนั่งทานอาหารอยู่เงียบๆคนเดียว
มีเพียงสาวน้อยเด็กเสิร์ฟผู้น่ารัก เพียงคนเดียวที่เข้าไปทักทาย
พร้อมอวยพรให้สมศักดิ์ประสบชัยชนะ
โดยตัวเองไม่สามารถไปดูที่เวทีได้เนื่องจากต้องทำงาน
แต่ก็ขอเอาใจช่วยอย่างเต็มที่
สมศักดิ์ซึ่งเป็นคนเหนียมอายเป็นทุน
ยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนสบตาสาวแล้วก้มหน้า
กัดฟันตอบอ้อมแอ้ม

"....ถ้างั้นเอาหัวใจน้อง
ใส่ข้าวต้มมื้อนี้ให้ผมกิน
เพื่อไปสู้ในวันพรุ่งนี้ ก็แล้วกัน..!!"

 หลังทานอาหารเสร็จ สมศักดิ์ขอปลีกตัว
เดินฝ่าความหนาวเย็นกลับโรงแรมที่พักเพียงลำพังแต่ผู้เดียว
นินจาดำ ออกมายืนดูตามหลังจนลับตา
พลอยให้นึกเป็นห่วง และกังวลแทนไม่น้อย
เพราะหลังการชั่งน้ำหนักวันนี้ มงซิปัวร์ ดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

 ในขณะที่สมศักดิ์ของเราต้องอบซาวน่า
จนแก้มตอบแทบหมดแรง คิดแล้วไม่อยากให้การชกมาถึงเลย
เพราะภาพแห่งความพ่ายแพ้ของเหล่านักมวยไทย
เมื่อคราวยกทีมไปปราชัยให้กับทีมมวยเม็กซิโก
ที่เมืองทูซอน อริโซน่า ในสหรัฐ เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว
ยังคงหลอกหลอน ทำเอานินจาดำ ต้องน้ำตาตก
ด้วยความเจ็บใจมาแล้ว คราวนั้น
 
  เมื่อกลับถึงโรงแรมที่พัก (เอเวอร์กรีน เลอรัว โฮเต็ล)
ในช่วงดึกคืนนั้น ผมยังได้เห็น มงซิปัวร์ เดินลงมาเล่นอินเตอร์เน็ต
ไม่ยอมหลับนอน ทั้งที่เป็นเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว
ผิดกับ สมศักดิ์ ซึ่งเผยในภายหลังว่า คืนก่อนชก
ตนเองยังคงหลับสบายทั้งคืน
ไม่มีความกังวลใดๆให้วิตกอีก
(ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ สุนทร ได้จัดให้ สมศักดิ์แยกนอน
ต่างหากคนเดียว เนื่องจาก อ.บุญส่ง หัวหน้าคณะ
ที่นอนด้วยกันในคืนแรกๆ นอนกรนสนั่นหวั่นไหว
จนถูกไล่ให้ไปนอนกับลูกชายแทน)
 
  ในคืนนั้น ผมเปิดวีซีดี การชกไฟต์ล่าสุด
คราวมงซิปัวไล่ทุบ บ ฮูลิโอ ซาราเต้
จนไม่ยอมออกจากมุมในยกที่ 9 ให้เพื่อนๆสื่อมวลชน
ด้วยกันดู ทั้งคุณ "บุ๋ม" อนุมัติ เวชประเสริฐสุข
บก.กีฬาไอทีวี ,คุณพิเชษฐ์ เรือนอินทร์ จากสยามกีฬา ,
คุณต้น คมชัดลึก ,คุณโอ๊ต เดลินิวส์ และ คุณปุ๊ ไทยรัฐ
เห็นภาพการชกแล้ว ต่างคนรู้สึกอึดอัดหนักใจ
แทนนักชกของเราไปตามๆกัน
เพียงแต่ไม่อยากจะพูดออกมาเท่านั้น

  เย็นวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม ที่
ปาไลส์ เดส สปอร์ตส์ มาเซล เซอด็อง ย่านเลอ วัลลัวร์ เปร์เรต์
ทางทิศตะวันตกของนครปารีส อันเป็นสถานที่ชก
 มีแฟนๆหลายเชื้อชาติทยอยเดินทางเข้ามาชมกันอย่างคึกคัก
หนาตามากขึ้นเรื่อยๆ แม้ยอดจำหน่ายตั๋ว จะมีราคาทั้ง 30 ยูโร
(ราวๆ 1500 บาท) และ 150 ยูโร(เกือบ 7000 บาท)
ก็ตาม ตัวมงซิปัวร์เอง ก็เดินทางมาถึงสนามตั้งแต่เวลา
ห้าโมงเย็น ก่อนหน้าที่ตนจะขึ้นสังเวียนถึงสี่ชั่วโมง
นับเป็นเรื่องแปลกไม่น้อย ระหว่างนั้น มงซิปัวร์ก็
ยังต้องให้สัมภาษณ์สด ทีวี คานาปุส ช่อง 4 เจ้าของลิขสิทธิ์
ถ่ายทอดสดถึงในห้องแต่งตัวนักมวย
จนแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อน ทำสมาธิ

     ขณะที่รายการกีฬาทางทีวีเอง
ก็รายงานสกู๊ปของศึกกำปั้นไฟต์นี้ถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม
ในช่วงเย็นก่อนแข่ง มีทั้งแพร่ภาพ ที่มงซิปัวร์ ลุยหิมะ
ไปทักทายกับแฟนๆบนภูเขา
เรียกเสียงปรบมือให้กำลังใจจากผู้พบเห็น
ดูๆไปคล้ายกับเป็นลางสังหรณ์
ก่อนจะปิดฉากอำลาสังเวียนยังงัยยังงั้นเลยทีเดียว

  จากนั้นก็เป็นช่วงไฮไลน์สั้นๆเกี่ยวกับการฝึกซ้อมของสมศักดิ์
มีวิ่งขึ้นเขาดอยสุเทพเรียกกำลังขา และลงนวมทวนเชิง
ไม่กี่นาที พร้อมกับเป็นภาพเด็ด ช่วงที่นักชกไทยของเรา
เดินทางไปซ้อมในโรงยิมที่ฝรั่งเศส หลังการซ้อม
เป็นภาพของสมศักดิ์ ชี้กำปั้นใส่จอ
แล้วตะโกนเสียงดังฟังชัดว่า
"ไอ้ มาห์ยาร์ มงซิปัวร์ .... กูจะฆ่ามึง !!"

  19.00 น. ที่สังเวียน มาเซล เซอด็อง
การชกของมวยประกอบรายการเริ่มขึ้น
แต่คู่ประกอบรายการเหล่านั้น
ดูไปก็ไม่ต่างกับคู่มวยสากลในบ้านเรา
ที่ยกทีมต่อยกับมวยฟิลิปปินส์จืดชืดน่าเบื่อหน่าย
แต่บรรดาผู้ชมก็ยังพากันตะโกนเชียร์อื้ออึงไม่ขาดปาก
ถึงช่วงคู่รองเป็นการชกของมวยหญิงชิงแชมป์โลก
รุ่นไลต์เวลเตอร์ มีเลียม ลาแมร์
ขวัญใจเจ้าถิ่นใช้สไตล์เดินหน้าไล่อัด
เบลินด้า มาราคูเอนเต้ ที่เอาแต่ดึงจังหวะสอง
วนหนีรอบเวทีเป็นส่วนใหญ่ นานๆจะ
ปักหลักบวกหมัดกันสักชุด ครบ 10 ยก
ลาแมร์ ชนะไปเอกฉันท์ทั้ง 3 เสียง 99-92 | 97-93 |

    ใกล้เวลาสำคัญราวๆสี่ทุ่ม
(ตรงกับช่วงตีสี่เช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค. ทางเมืองไทย)
แฟนมวยทยอยเข้าชมเต็มความจุของสนามราวๆ 3,500 คน
บริเวณชั้นริงไซด์นั้น มี เฟบริซ ธิออซโซ่ แชมป์ไลต์เฮฟวี่เวท WBA
ตลอดจนอดีตแชมป์โลกรุ่นเก่าของฝรั่งเศสหลายต่อหลายคน
รวมไปจนถึงบรรดา ดารานักแสดงทั้งจอเงิน จอแก้ว อย่าง
ดัสติน ฮอฟแมน ตลอดจนดาวร้าย ที่รับบทมนุษย์เพนกวิ้น
ในเรื่องแบตแมน หรือดาวร้ายชาวจีน
ในบทตัวโกงเกาหลีเหนือ ในเรื่องเจมส์บอนด์
ที่พยายามจะนึกชื่อ แต่ก็นึกไม่ออก(ขี้เกียจจำด้วยแหละ)

  รวมแล้ว มีผู้ชมแห่แหนเข้ามาเชียร์ มงซิปัวร์ กันสนั่นหวั่นไหวเต็มสนาม
สมกับเป็นซูเปอร์สตาร์แดนน้ำหอมเลยทีเดียว
ส่วนทางฝั่งไทยนั้น นอกจากจะมีพี่น้องค้าแรงงาน
ชาวไทย ลาว และเวียดนาม นำป้ายชื่อ "สมศักดิ์ สู้"
แผ่นใหญ่มาชูบนล็อคสามแล้ว ก็ยังมีอดีตนักมวยไทยรุ่นเก่า
มากมายหลายท่าน ซึ่งมาปักหลักมีครอบครัวอยู่ในปารีส
มาเชียร์ที่มุมกันมากหน้า อาทิ "พี่เฒ่า" ลำโขง ศิษย์ไววัฒน์,
"พี่แหงม" หนุ่มหนองคาย ศิษย์ไววัฒน์ ไม่รวม
สรณะ เกียรติศักดิ์คงคา กับ ยูโซป ส.ธนิกุล
ที่มาช่วยดูแลให้กำลังใจตั้งแต่ก่อนวันชก
แต่ติดงานประจำไม่สามารถมาเชียร์ที่เวทีได้

  สมศักดิ์ออกจากห้องพัก
ก้มลงกราบบันไดตามประเพณี นักมวยไทย
ก่อนจะก้าวขึ้นเวทีในชุดลายเสือ น่าเกรงขาม
ชนิดที่เหล่าสื่อมวลชนซึ่งติดตามมาด้วย
ยังไม่เคยเห็นชุดนี้มาก่อน ในใจ "ผม" เองก็ยังรู้สึก
ตุ้มๆต่อมๆ แม้จะเคยติดตามมวยไทยไปชกต่างแดน
มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทว่าครั้งนี้บอกตามตรง
ในความรู้สึกก็ยังคิดว่า เป็นการยากเหลือเกิน
ที่เราจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่เมื่อมองดูสีหน้าของสมศักดิ์
นั้นกลับเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงเชียร์เจ้าถิ่นแต่อย่างใด

  ถึงคราว มงซิปัวร์ ออกจากห้องพักเข้าสู่เวทีบ้าง
เสียงปรบมือกระทืบเท้าของกองเชียร์เจ้าถิ่นรับขวัญดังกึกก้อง
ตัวของมงซิปัวร์โบกมือให้กับแฟนๆรอบเวที
คล้ายกับว่า นี่จะเป็นสังเวียนไฟต์อำลาครั้งสุดท้ายของเขา

  ช่วงพิธีการเป็นไปอย่างรวบรัด
หลังจากร้องเพลงชาติอังกฤษ ไทย และ ฝรั่งเศส แล้ว
 นักมวยทั้งสองฝ่ายก็แตะนวมฟังคำอธิบายคร่าวๆ
ของกรรมการ จอห์น คอยล์ ก่อนแยกย้ายกลับเข้ามุมของตน
สิ้นเสียงระฆังสัญญาณยกแรกเริ่มขึ้น
อย่างไม่มีใครคาดคิด สมศักดิ์ ซึ่งเป็นมวยถนัดซ้าย
ปรี่เข้าแลกหมัดกับ มงซิปัวร์ ตั้งแต่วินาทีแรก
แถมยังออกหมัดอัปเปอร์คัตซ้าย
ซ้อนๆทะลุการ์ดเข้าปลายคาง ส่งร่าง มงซิปัวร์ หงายหลังลงไปนั่ง
แต่กรรมการผู้ห้ามเริ่มออกลายปฏิเสธว่า
เป็นการลื่นล้ม สมศักดิ์ปรี่เข้าซ้ำ
ด้วยอัปเปอร์คัตซ้ายเน้นๆเช่นเดิม

  คราวนี้เข้าโฟกัส ส่งแชมป์โลกวัย 30 ปี ร่วงลงไปอย่างชัดเจน
จอห์น คอยล์ จึงต้องนับแปด
ชนิดแฟนมวยในสนามเงียบกริบ
ด้วยความตกตะลึง
แต่แชมป์โลกเจ้าถิ่นก็ฟื้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว
รีบลุกขึ้นมาสู้ต่อ แม้จะถูกพายุหมัด
ของผู้ท้าชิงชาวไทยจนออกอาการไม่ดี
หมดยกแรก แม้ทีมงานและกลุ่มนักข่าวไทยจะพากันดีใจ
แต่ "ผม"เอง ก็ยังหวั่นใจเหมือนเดิม ไม่กล้าดีใจจนออกนอกหน้า
เพราะรู้ดีว่า มงซิปัวร์ นั้นเป็นมวยปอดใหญ่ แรงเยอะ
และฟื้นคืนสภาพได้เร็ว ก่อนหน้านี้ก็เคยถูก
ซาราเต้ต่อยร่วงมาแล้ว แต่ก็ยังลุกขึ้นมาไล่อัด
คู่ชกจนแดดิ้นภายหลังมาแล้วหลายไฟต์

     เริ่มยกที่สอง มงซิปัวร์กลับเป็นฝ่ายปรี่เข้าหาตามสไตล์
ชวนทะเลาะแลกหมัดกับ สมศักดิ์
ที่ปักหลักยืนแลกหมัดกันอย่างดุเดือด
ต้นยกนาทีแรกๆเป็นของนักชกไทย ล่วงเข้านาทีสุดท้าย
เป็นของแชมป์โลก บางจังหวะที่สมศักดิ์หนีไม่ออก
ก็ใช้วิธีโยกเอว ส่ายหัวหลบพายุหมัดของมงซิปัวร์
ได้อย่างสวยงาม น่าหวาดเสียว การชกเป็นไปในรูปนี้เกือบทุกยก
 
   จนการชกดำเนินไปถึงช่วงยกที่หก
มงซิปัวร์ ถูกหมัดของสมศักดิ์ ออกอาการไม่ดีถึงกับผงะเสียหลัก
แต่ช่วงปลายยกก็ยังฮึดเดินหน้าสาวหมัดเข้าใส่
ขณะที่นักชกหนุ่มจากเมืองเหนือของไทย
ก็ทำท่าจะหมดแรงต้องโยกหลบหมัดโชว์สายตาเป็นพัลวัล
พร้อมตอบโต้เป็นระยะๆ เสียงคนดูตะโกนเชียร์
"มงซิปัวร์ มงซิปัวร์ .... !!" พร้อมกระทืบเท้า ดังกระหึ่ม
ดูน่ากลัว แต่ นินจาดำ ก็เลือดรักชาติลืมตัว
แบบไม่กลัวตาย ลุกขึ้นตะโกนสลับเสียงเชียร์
เจ้าถิ่นดังสนั่นคนเดียวโดดๆ
"ไทยแลนด์ .... ไทยแลนด์ !!"
ชนิดไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

   หมดยกที่แปดและเก้า แฟนมวยในสนามลุก
ขึ้นยืนปรบมือให้เกียรติ
แก่ความเป็นนักสู้ของทั้งสอง
ที่ยืนแลกหมัดกันชนิดปลายเท้าจนปลายเท้า
จน "ผม"เอง ขนลุกด้วยความตื้นตัน

  การชกล่วงไปถึงยกที่สิบ "ผม"เอง
ก็ยังไม่คิดว่า สมศักดิ์จะเป็นผู้ชนะ
แต่ก็ชื่นชม ที่เขายืนหยัดสู้มาจนถึงยกนี้ได้
เขาได้แสดงให้เห็นถึงความมีใจสู้ ธาตุทรหดเกินร้อย
ไม่หวั่นต่อเสียงครหา ดูถูกจากพี่น้องชาวไทยด้วยกันเอง
ตั้งแต่ก่อนเดินทางมา รวมถึงเสียงเชียร์เจ้าถิ่นชาวฝรั่งเศส
นับพันๆคนรอบสนามในเวลานั้นด้วย ซ้ำ "ผม"
ยังคิดร้ายทางลบอีกว่า หากเขาแพ้กลับไปเมืองไทย
ก็คงไม่มีใครด่าว่า เขาเหมือนกัน
ที่พยายามพิสูจน์ให้เห็นถึงความอดทน
ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

   เริ่มยกที่สิบ มงซิปัวร์ ซึ่งมีแผลแตกบริเวณคิ้ว
และเลือดกลบจมูกและปาก
แต่ก็ยังคงสวมหัวใจเดินหน้าเข้าบวกหมัด
กับสมศักดิ์ชนิดเจียนอยู่เจียนไปด้วยกัน

  ล่วงเข้าช่วงกลางยก สมศักดิ์
งัดทีเด็ดอัปเปอร์คัตซ้ายห้าหมัดซ้อนๆ
ก่อนตามด้วยฮุคซ้ายขวาอีกสามหมัด
เข้าโฟกัสที่ใบหน้ามงซิปัวร์จนโงนเงน
 ออกอาการเมา วินาทีนั้น จอห์น คอยล์
ผู้ห้ามบนเวทีเห็นท่าไม่ดี จึงปรี่เข้ากั้น
โบกมือยุติการชก ให้สมศักดิ์ชนะ ทีเคโอ มงซิปัวร์
ไปอย่างไม่น่าเชื่อในยกที่ 10

   พร้อมๆกับ บรรดาทีมงานฝ่ายไทย ทั้ง "เสี่ยโก้ "
ก่อเกียรติ พาณิชยารมณ์ ผจก. และ อ.บุญส่ง เปรมปรีดิ์
ทรนเนอร์ ดีอกดีใจ วิ่งขึ้นไปแสดงความยินดี
บนเวทีกัน เช่นเดียวกับ คุณพิเชษฐ์ เรือนอินทร์
วิ่งพรวดลอดเชือกเวทีขึ้นไปดีใจกับเค้าด้วย
แต่ถูกการ์ดเจ้าถิ่นกระชากคอเสื้อไล่ลงมา
เกิดการชุลมุนพักใหญ่ เนื่องจากแฟนมวยเจ้าถิ่น
จำนวนไม่น้อย พากันโห่ใส่ไม่พอใจ
กรรมการที่ยุติการชกเร็วเกินไป

   หลังชัยชนะทางคณะทีมงานฝ่ายไทย
พาสมศักดิ์ เข้าห้องพัก โดยมีแฟนมวยส่วนใหญ่ลุกขึ้นยืน
ปรบมือให้กับการชกครั้งนี้ ที่เป็นไปอย่างดุเดือดทุกยก
และยังมีแฟนๆอีกไม่น้อยเข้ามารุมขอลายเซ็นแชมป์โลกคนใหม่
เมื่อเข้าห้องพักทางด้านสมศักดิ์ รีบโทรศัพท์หา
นางฟองคำ แม่บังเกิดเกล้าที่ลำปางทันที
คำแรกทีแชมป์โลกชาวไทยเปิดใจกล่าวกับมารดา
พร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจก็คือ

 "แม่ผมทำสำเร็จแล้ว ผมทำได้แล้วครับ"
ความพยายามที่เค้ารอมานานสิบกว่าปี
ประสบความสำเร็จสมดังใจฝันในยกที่สิบของการชกครั้งนี้
สมศักดิ์เปิดใจระล่ำระลักบอกกับพวกเรา
ถึงสไตล์การชกที่ยืนปักหลักโยกหลบพายุหมัด
มงซิปัวร์ว่า "ไม่ใช่แผนอะไรมากมายหรอกครับพี่
ผมเหนื่อยจนหนีไม่ออกต่างหาก
ไฟต์นี้ เป็นไฟต์ที่หนักที่สุดในชีวิต
และผมเจ็บตัวมากที่สุดเลยครับ..."
 
  หลังจากนั้น สื่อมวลชนฝรั่งเศสได้เชิญตัวสมศักดิ์
ออกไปให้สัมภาษณ์อีกครั้ง สมศักดิ์ เปิดใจว่า
การชกครั้งนี้ ก่อนชกตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่า ต้องลบคำสบประมาทให้ได้
เพราะก่อนมาใครๆก็พากันดูถูกหาว่า
ตนคงจะต้องมาแพ้อย่างแน่นอน
ยิ่งเป็นการชกนอกบ้านด้วย
แต่ในที่สุดตนก็ทำได้สำเร็จ

 ทางด้าน มงซิปัวร์ เองแม้จะเป็นผู้แพ้
แต่ก็แสดงสปิริตแห่งการเป็นนักสู้ได้อย่างน่าชื่นชม
สมกับเป็นขวัญใจแดนน้ำหอม

  มงซิปัวร์ หรือสำเนียงที่ชาวปารีเซียงเรียกกันว่า
"มงซิปูร์" โบกมือล่ำลาแฟนๆบนเวทีทั้งสี่ทิศ
และกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า "ผมว่าเป็นคนบ้าแล้ว
แต่มาเจอคนที่บ้าดีเดือดกว่าผมอีก
การกีฬาย่อมมีแพ้ มีชนะ ผมมาที่นี่ ไม่ได้คิดจะฆ่าใคร
เมื่อผมต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
นั่นก็หมายความว่า สมศักดิ์นั้นสมควรโดยแท้แล้ว
ที่จะเป็นผู้ชนะในค่ำคืนนี้...."
 
  มงซิปัวร์ ผู้กลายเป็นอดีตแชมป์โลก
มีบาดแผลแตกทั้งสองแผลบริเวณเปลือกตาซ้าย
และยังมีเลือดไหลออกจากปากและจมูก
ยืนยันอีกว่า เขาคงจะแขวนนวมอย่างแน่นอน
ความจริงแล้วสภาพร่างกายของเขาบอบช้ำ
มากจากการชกในช่วงสองสามไฟต์หลัง
อีกทั้ง "แอน" ภรรยาสุดที่รักซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสแท้ๆ
เธอก็ต้องร่ำไห้ตลอดเวลา
เมื่อเห็นสภาพของเขาหลังการชก
แน่นอนแม้ว่า นี่จะเป็นคำกล่าวอำลาแขวนนวม
แต่ชื่อของ มาห์ยาร์ มงซิปัวร์
ก็จะยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
ของชาวปารีเซียง และแฟนมวยตลอดไป

    หลังการแข่งขัน มิเชล อควอรี่ย์ โปรโมเตอร์ใหญ่
เข้ามาแสดงความยินดีกับสมศักดิ์ในช่องทางเดิน
เข้าห้องแต่งตัว และพูดกับ เสี่ยโก้ ผจก. แชมป์โลกชาวไทยว่า
อยากจะเปิดการเจรจารายละเอียดกับเสี่ยโก้อีกครั้ง
ในวันรุ่งขึ้น โดยเค้ามีแผน จะขอจัด สมศักดิ์ ล้มแชมป์กับ
อิสราเอล วาสเควซ แชมป์รุ่นเดียวกันสองสถาบันจากฟากฝั่ง WBC-IBF
ที่ฝรั่งเศสอีกครั้ง ราวๆ วันที่ 2 ธันวาคม ปลายปีนี้
แต่เสี่ยโก้ ขอดูรอรายละเอียดอีกครั้งก่อน

  แต่นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่ออย่าง "เสี่ยโก้"
ซึ่งพลิกกลับมาถือไพ่เหนือกว่า กล่าวอย่างมีชั้นเชิงว่า
ขอเวลาพิจารณารายละเอียดข้อเสนอก่อน
เพราะ ตนเองมีแผนจะให้สมศักดิ์ อุ่นเครื่องในเมืองไทยก่อนหนึ่งไฟต์
จากนั้นคงไปป้องกันครั้งแรกในต่างประเทศ
ซึ่งนอกจากมีข้อเสนอของ อควอรี่ย์แล้ว
ออสก้าร์ เดอ ลา โฮย่า โปรโมเตอร์ใหญ่ โกลเด้นบอย โปรโมชั่น
ก็ติดต่อ จะให้ไปชกที่สหรัฐกับ ดาเนียล ปองเช่ เดอ ลีออง
แชมป์ WBO ผู้เคยปราบ สด ปูนอินทรีที่อริโซน่า
และ ยังมี ผู้ท้าชิงญี่ปุ่นอีกหลายราย อย่าง
 โตชิอากิ นิชิโอกะ รองอันรองอันดับ 3 WBA
ทาบทามขอชิงแชมป์ด้วยเช่นกัน

  ในส่วนของสมศักดิ์ การบุกไปคว้าชัยชนะครั้งนี้ได้สำเร็จ
ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของวงการมวยเมืองไทย
ที่สามารถบุกมาเอาชนะคว้าแชมป์โลกได้ถึงฝรั่งเศส
เป็นคนแรก และเป็นคนที่สองต่อจาก แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
ที่มาน็อก มิเกล เวลาสเควซ ทวงแชมป์ซูเปอร์ไลต์เวท
สภามวยโลก กลับคืนเป็นสมัยที่สอง
ในการชกที่สเปน เมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2519 สำหรับ "ผม"
แม้จะเคยผิดหวัง มาครั้งหนึ่งจากการติดตามมวยไทย
ยกทีมไปพ่ายที่สหรัฐ แต่ชัยชนะของสมศักดิ์
ครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
สามารถลบล้างรอยแผลจากความผิดหวัง
ในใจของคอมวยชาวไทยได้อย่างงดงาม

    เรื่องราวตามรอยประวัติศาสตร์ของ
สมศักดิ์ สิงห์ชัชวาลย์ จากปารีส
จึงต้องขอปิดฉากลงอย่างแฮปปี้ เอนดิ้ง
เพียงเท่านี้ ... สวัสดีครับ !!

สอดสร้อย สาวสังเวียน

 wav!!


หัวข้อ: Re: ระดับมวยไทยเงินแสน ชกต่างชาติน็อคธรรมดาได้ไง...ก้านคอสิครับ...
เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ มีนาคม 19, 2019, 12:53:56 pm
ยาวจัง..  THANK!! wav!!

.ผมชอบเต็ง1ครับ(วันที่30นี้มาชกที่ จ.นครศรีฯไทยไฟท์) .. ชกไวดี ไม่เสียเวลา ..555   :o

 
------------------------
“THAI FIGHT เมืองคอน” ร่วมสมโภชพระธาตุเมืองคอนสู่มรดกโลก ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย จัดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 10 ปี THAI FIGHT พร้อมระเบิดความมันส์กับขุนพลไทยไฟท์ นำทีมโดย แสนชัย, เต็งหนึ่ง, ป.ต.ท., แสนสะท้าน, ชนะจน, พยัคฆ์สมุย, เพชรสมุย, กิตติ, และสมิงเดช ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2562 ณ เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช เริ่มถ่ายทอดสดเวลา 18.20-20.00 น. ทางช่อง 3, ช่อง 33 และรับชมต่อเนื่องเวลา 20.00-22.00 น. ทางช่อง 28 และ LINE TV 18.20-22.00 น. ประตูเปิดเวลา 16.00 น. #เข้าชมฟรี

ที่มา Thai Fight : King Of Muay Thai   https://web.facebook.com/pg/thaifight.official/posts/