อืมมมม....!
เหมือนบรรยากาศยุคซ่องสุมชุมนุมกองกำลังเมื่อปี ๕๒-๕๓ กลับมาอีกครั้งอย่างนั้นแหละ
ถ้าเปลี่ยนจากชุดขาว-ชุดเหลือง เป็นชุดแดงละก็...
เป๊ะเลย!
ยิ่งตั้งบังเกอร์ ปิดประตูเข้า-ออก จัดหน่วยอารักขา-คุ้มกันสับเปลี่ยนตลอด ๒๔ ชั่วโมง เป็นพันๆ คน
มีหน่วยลาดตระเวนรอบอาณาจักรจานบินอย่างนี้ด้วย
ใช่เลยล่ะ!
ก็อยากบอกสมีโยและศิษย์สายบู๊-สายบุ๋นทั้งหลายว่า จะทำอะไรก็ อย่าให้มันล้นมากไปกว่านี้เลย
ตั้งสติ เพ่งลูกแก้วใสๆ กลางกาย ใส...นิ่งอยู่
แล้วถามตัวเองดูซิว่า.......
วิชาธรรมกายที่ "หลวงพ่อสด" ซึ่งที่ห้องพระบ้านผมก็มีรูปอยู่ ท่านสอนจริงๆ นั้น ฝึกปรือแล้ว ให้แนวคิด-แนวปฏิบัติอย่างนี้น่ะหรือ?
สติคุมจิต ฉายคิดผ่านจอสมอง ตรองให้ดี อันวัดพระธรรมกาย และพิธีกรรมนอกรีต ขายสินค้าบุญ ด้วยเดรัจฉานวิชาต่างๆ นั้น
อาจทึกทักว่า เป็นเอกลักษณ์-เป็นสมบัติ-เป็นอาณาจักรส่วนตัวของธัมมชโย
เฉพาะ อิฐ-ปูน-จานบิน และการกระทำพิลึก นั่น ก็ทึกทักกันไป
แต่ในความเป็น "วัด...."
คือวัดในพระพุทธศาสนา วัตถุทั้งหลาย-ทั้งปวง ในความเป็นวัดพระธรรมกาย ล้วนเป็น "ศาสนสมบัติ"
ที่สำคัญยิ่งยวด ต้องตระหนัก จะเรียกวิชาธรรมกาย แล้วแผลงเกินอาจารย์ไปเป็น "วิชาขายค้อน" ก็ช่าง
ในเมื่อวัดพระธรรมกาย เป็นวัดพุทธ ธัมมชโยก็ดี พระ-เณรทุกรูปก็ดี ญาติโยมทุกคนที่เรียกตัวเองว่า "ศิษย์ธรรมกาย" ก็ดี
๑.ต้องยึดถือและเดินตามแบบแผน "พระธรรม-วินัย" อันสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
๒.ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และ
๓.ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ธัมมชโยและศิษย์ทั้งหลาย...
อย่าคิดแผลง-ทำแผลง ด้วยแอบจิตว่า เพียงแฝงพุทธ แล้วอาศัยคราบพระ ใช้วัด ใช้คราบพระ กะสร้างอาณาจักร สถาปนาลัทธิใหม่
"ลัทธิธรรมกาย" แฝงกายวิปริตในกายศิษย์ตถาคต เหมือนปูเสฉวน ที่ซุกเปลือกหอยลวงโลก!
ฉะนั้น โปรดเข้าใจ ที่ธัมมชโย ตกเป็นผู้ต้องหา เมื่อทางบ้านเมืองเรียกให้ไปรับทราบข้อหา ก็ไม่ไป ก็ดี
ออกหมายจับ ก็ใช้เล่ห์ ทำลูกล่อ-ลูกชน แล้วหลบเลี่ยงการจับตามกฎหมาย ก็ดี
การตั้งบังเกอร์ จัดตั้งรูปแบบกองกำลัง มีหน่วยอารักขา-คุ้มกัน เพื่อไม่ยอมให้ทางการเข้าไปคุมตัวมาสอบสวน ก็ดี
ระวัง....
ขัดขืนหมายจับน่ะไม่เท่าไหร่
แต่ที่เหิมเกริมด้วยรูปแบบดังที่ทำ นั่นอาจเข้าข่าย "กระด้าง-กระเดื่อง" มีพฤติกรรมเชิงปฏิปักษ์ต่ออำนาจรัฐ
ส่งสัญญาณ ประหนึ่งจะสร้าง "รัฐซ้อนรัฐ"!
นี่...ยังไม่ถึงขั้นนั้นก็จริง แต่ผมเกรงละเลิงหลง แล้วถลำด้วย "รู้เท่าไม่ถึงการณ์"
สมมุติ วันใดที่ DSI ขอหมายค้นจากศาล ค้นเพื่อจับผู้ต้องหาหนีหมายที่ชื่อสมีโย
เมื่อเจ้าพนักงานมาค้นที่วัด.........
เกิดมีกองกำลังต่อต้าน หรือถึงขั้นกระทบ-กระทั่ง เตลิดไปถึงปะทะ "ขัดขืน-ต่อต้าน"
เจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ยอมให้ค้น-ให้จับธัมมชโย
นาทีนั้น ศิษย์ขาว-ศิษย์เหลือง อาจนึกว่าชนะ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องล่าถอย ไม่สามารถจับกุมได้
แต่ที่นึกว่าชนะนั้น........
นั่นคือ "จุดจบ" ไม่เพียงธัมมชโย จะจบไปจนถึง "อาณาจักรจานบิน" ด้วย!
คนที่ทำตนเหนือกฎหมาย และแสดงถึงความเป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจรัฐ เคยมีใครชนะบ้างล่ะ
สะใจประเดี๋ยว-ประด๋าว ละก็ได้ แต่ลงท้าย......
ไม่บรรลัย ก็ตาย "ศพไม่สวย!
ธัมมชโย เกิดเดือนเดียว-ปีเดียวกับผม ฉะนั้น ต้องได้ยินเรื่อง "ผีบุญ" หรือนายศิลา วงศ์สิน เมื่อ ๕๐ ปีก่อน
ที่ตั้งตนเป็นผู้วิเศษ มีชาวบ้านหลงเชื่อ ยอมเป็นสาวกติดตามหลายร้อยคน พากันไปสร้างอาณาจักร ตั้งลัทธิของตัวเอง
ประกาศตั้ง "เมืองอิสระ" ขึ้นในป่า ที่บ้านใหม่ไทยเจริญ แถวๆ อำเภอโชคชัย โคราช
ราวๆ ปลายเดือนพฤษภานี่แหละ แต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ แล้วประกาศยกตัวเองเป็นกษัตริย์!
เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปล้อมจับ ไม่ยอมให้จับ
ผีบุญสั่งกองกำลังสาวก "ติดอาวุธ" ยิงต่อสู้ เจ้าหน้าที่ตายไป ๕ คน กองกำลังผีบุญดีใจ โห่ร้องกันยกใหญ่
ปะทะกันประมาณ ๕ ชั่วโมง ตัวผีบุญเผ่นหนี ทิ้งให้สาวกชาย-หญิงถูกจับ ๘๐ กว่าคน ตายไปหลายคน
ตำรวจตามล่า ถูกจับได้ ขณะหนีกระเซอะกระเซิงอยู่ในป่าแถวอุบลฯ กำลังจะเตลิดเข้าลาว คุมตัวมาที่กองปราบฯ สามยอด
ตัวผีบุญ ถูกข้อหา ก่อการจลาจล และแบ่งแยกราชอาณาจักร ส่วนสาวกเจอข้อหาสมคบกันฆ่าคนตาย และก่อจลาจล
"สิทธิเดช จันทศิริ" บันทึกไว้ในหนังสือกรุข่าวดังว่า จอมพลสฤษดิ์ บึ่งไปกองปราบฯ เจอผีบุญ ถามทันที
"ลื้อกำแหง คิดแบ่งแยกแผ่นดินละซี"
"ผมไม่เคยคิดเลยครับ"
"ถ้าลื้อเป็นผู้วิเศษจริง อมกระโถนหรือวิทยุให้อั้วดูหน่อยได้มั้ย ถ้าลื้อทำได้ อั้วจะยอมเป็นลูกน้องลื้อ"
...................
...
กับคำถามสุดท้ายของจอมพลสฤษดิ์
"ลื้อมีอะไรจะพูดอีกมั้ย?"
จากนั้น ผีบุญ ผู้คิดสร้างลัทธิ-อาณาจักรตัวเอง กระด้างกระเดื่องต่ออำนาจรัฐ ตั้งกองกำลังสู้รัฐ ก็ได้กลับโคราช
............กลับด้วย ม.๑๗ ณ ป่าช้าจีน!
ก็ฝากให้คิด โตๆ จนเลียตูดหมาไม่ถึงกันแล้ว คิดเอาชนะอำนาจรัฐได้ แต่ทำไม่ได้ และไม่ควรทำ
อย่าว่าแต่ "สมีโย" แห่งอาณาจักรจานบินเลย
"จิ้งจอกแม้ว" แห่งอาณาจักรแดงทั้งแผ่นดิน นั่นก็เถอะ
พวกเหิมเกริม "เกินเงา" ตัวเอง มีใคร อยู่ดี-กินดี และ ตายดี บ้างล่ะ?
ที่เห็นรัฐบาล ผ่านกระทรวงยุติธรรม โดย DSI ทำหน้าที่แบบ "รบพลาง-ถอยพลาง"
นั่นก็อย่านึกว่าเขา เจอเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วใส่ไข่สมีโย แล้วแหย-แหยง
DSI เขาใช้แผน ทอดแหทีเดียว กะ "รวบปลาทั้งฝูง" มากกว่า!
ถ้าเป็นโปกเกอร์ หรือเผ.......
DSI กำลังเคาะ ขอดูหน้าไพ่ ทั้งหน้าไพ่คณะกรรมการมหาเถรสมาคม
ทั้งหน้าไพ่สมีโย และหน้าไพ่ "อาณาจักรจานบิน" ที่เร้นลับและมะลำเมลือง
รวมถึง "จิกซอว์" ตัวใหญ่ ในคราบพรรค
แล้วก็ได้รู้-ได้เห็น ในความเป็น "เส้น-สาย" ที่ระโยง-ระยาง เกี่ยวพัน และพากันสั่นไหว จนพอจับทางได้แล้วว่า
"ใคร-เป็นใคร"...............
ในเส้นทาง "อาณาจักร-ศาสนจักร" ที่เดินประสาน บนเส้นทางก่อการที่ลับๆ ล่อๆ และล่อในที่ลับกันมานานพอสมควรแล้ว!?
ตอนนี้ดูเหมือน DSI โยนลูกให้ "มหาเถรสมาคม" ในฐานะ "เจ้าพนักงานแห่งรัฐ"
ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ทำหน้าที่อันพึงทำ (มานานแล้ว) แล้ว
ไม่รับธุระ คิดว่า...ก็จำต้องรับธุระ
ซึ่งจริงๆ แล้ว เรื่องธรรมกาย-ธัมมชโย เป็นเรื่อง ศรัทธา-มัวหมอง
เป็นเรื่อง กินอยู่กับปาก-อยากอยู่กับท้อง เป็นเรื่องปลวกในตู้พระไตรปิฎก โดยตรง
และโดยเฉพาะ ระหว่างตัวบุคคล "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์" ผู้เป็นประธานคณะกรรมการมหาเถรฯ กับตัวธัมมชโย
เป็น "พ่อกับลูก" ทางศาสนาโดยตรง
เพราะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ผู้ให้กำเนิดนายไชยบูลย์เป็น "พระไชยบูลย์"
และเจริญสมณศักดิ์ในราชทินนาม "พระเทพญาณมหามุนี" ดังทุกวันนี้
เมื่อลูก คือธัมมชโย เป็นดังนี้ แล้วผู้เป็นพ่อ จะนิ่งเฉย เหมือนไม่รับผิดชอบอะไรเลย
ญาติโยมทั้งหลาย โปรดตรอง!
ลูกสะเทือนสถานะพ่อ-พ่อสะเทือนสถานะลูก ฉันใด แต้มที่รัฐมนตรีไพบูลย์ ให้ DSI เดินเหมือนถอยขณะนี้
เหมือนศึกที่ "ทุ่งพกบ๋อง" ยังไง ก็ยังงั้น!
CR: thaipost.