กล่องทีวีดิจิตอลมีหลายรุ่น หลายแบบ จะนำคูปองทีวีดิจิตอลไปเลือกซื้อแบบไหนถึงจะได้กล่องที่มีคุณภาพจริง ๆ คำตอบอยู่ที่นี่แล้ว ทันทีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดีเดย์แจก "คูปองทีวีดิจิตอล" มูลค่า 690 บาท ใช้สำหรับแลกซื้อหรือเป็นส่วนลดในการซื้ออุปกรณ์รับชมสัญญาณทีวีดิจิตอล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ก็ทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายถล่มโปรโมชั่นหวังแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกันแบบจัดหนัก โดยเฉพาะตัวกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล (set top box) ที่เป็นสินค้าที่น่าจะได้รับประโยชน์จากการแจกคูปองมากที่สุด ซึ่งตอนนี้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ที่ได้รับคูปองแล้ว ก็คงกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเลือกซื้อกล่องทีวีดิจิตอลรุ่นไหน ราคาเท่าไรดี และที่สำคัญคือเราจะเลือกซื้อกล่องแปลงสัญญาณทีวีดิจิตอลอย่างไรให้คุ้มค่า ได้คุณภาพ
เรื่องนี้ ดร.วีรพันธ์ รังสีวิจิตรประภา อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิเพื่อบริโภค ได้ทำการตรวจสอบกล่องรับสัญญาณที่วางขายในท้องตลาด และได้ให้คำแนะนำในการเลือกซื้อกล่องรับสัญญาณไว้อย่างน่าสนใจ ลองอ่านไว้เป็นข้อมูลก่อนจะถือคูปองออกมาซื้อกล่องรับสัญญาณมาใช้
สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล 1. เลือกซื้อกล่องที่มีสติ๊กเกอร์
"น้องดูดี" ของ กสทช. เพราะสติ๊กเกอร์ดังกล่าวหมายถึงผ่านมาตรฐานเบื้องต้น
2.
เลือกซื้อกล่องที่มีปุ่มเปิดปิดที่ตัวกล่อง เพราะหากรีโมทหาย หรือใช้งานไม่ได้ จะยังคงสามารถกดปุ่มเปิดเครื่องที่ตัวกล่องเพื่อรับชมทีวีดิจิตอลได้
3. เลือกซื้อกล่องที่มีช่องเสียบแจ็กคู่ คือมีช่องเสียบรับสัญญาณภาคพื้นดิน (ช่องรับสัญญาณเสาอากาศ) และช่องเสียบส่งต่อสัญญาณไปยังโทรทัศน์ และหากต้องการชมช่องรายการความคมชัดสูง (ช่อง HD) ตัวกล่องต้องมีช่องต่อสายสัญญาณ HDMI ด้วย เพื่อต่อเข้ากับโทรทัศน์ที่รองรับสัญญาณ HDMI หากใช้สายสัญญาณแบบ AV (ขาว-แดง-เหลือง) จะเป็นการส่งสัญญาณแบบอนาล็อก จะรับชมช่องแบบ HD ไม่คมชัดสมบูรณ์ 100%
4. ควรเลือกกล่องที่มีเสาอากาศในตัว เพราะการรับสัญญาณจะต้องอาศัยเสาอากาศด้วย แต่หากบ้านใดมีจานดาวเทียมอยู่แล้ว หรือมีเสาอากาศแบบก้างปลาหรือหนวดกุ้ง อาจไม่จำเป็น
5. ควรเลือกซื้อกล่องที่ใช้สายพ่วงตัวแปลงไฟ (Adapter) เพราะหากสายต่อไฟชำรุด ทำให้กล่องมีปัญหา ก็ยังสามารถหาซื้ออะแดปเตอร์มาเปลี่ยนได้ แต่หากซื้อกล่องทีวีดิจิตอลที่ใช้สายเสียบตรงเข้ากับกล่องเลย หากสายไฟมีปัญหา จะทำให้กล่องทีวีดิจิตอลให้งานไม่ได้เลย ต้องเสียเงินหาซื้อกล่องใหม่มาเปลี่ยน แทนที่จะซื้อเพียงอะแดปเตอร์
ทั้งนี้หากจะซื้ออะแดปเตอร์มาใช้จะต้องพิจารณาด้วยว่า กล่องทีวีดิจิตอลใช้ไฟขนาดเท่าไร และตัวอะแดปเตอร์มีกำลังจ่ายไฟเท่าไร ต้องเลือกซื้ออะแดปเตอร์ที่มีกำลังจ่ายไฟมากกว่าหรือเท่ากับปริมาณการกินไฟของกล่อง
6. เลือกซื้อกล่องที่ตัวจ่ายไฟสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เท่ากับหรือมากกว่าที่กล่องต้องการ เพราะกล่องบางรุ่นมีตัวจ่ายไฟที่จ่ายกระแสได้น้อยกว่าที่กล่องต้องการ ทำให้ตัวจ่ายไฟมีอายุการใช้งานสั้นลง
7. พิจารณาเมนูภาษาที่ใช้บนตัวรีโมท เนื่องจากรีโมททีวีดิจิตอลจะมีปุ่มต่าง ๆ มากกว่ารีโมททั่วไป ดังนั้นหากบนรีโมทเป็นเมนูภาษาไทยจะช่วยลดความสับสนในการใช้งานได้มากกว่าเมนูภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ปุ่มเลข 5 จะต้องเป็นปุ่มนูน เพื่อรองรับการใช้งานของผู้ที่ติดขัดในการมองเห็น ตามข้อกำหนดของ กสทช.
8. ต้องมีคู่มือการใช้งานกล่องรับสัญญาณ ซึ่งตามกำหนดมาตรฐานของ กสทช. ระบุว่าต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
นี่ก็คือสิ่งที่ควรพิจารณาเบื้องต้นก่อนซื้อกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล และอย่าลืมพิจารณาเรื่องระยะเวลารับประกันสินค้าด้วย เพราะหากชำรุดหรือมีปัญหาจะได้ส่งซ่อมหรือเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อกล่องใหม่ โดยทาง กสทช. กำหนดให้ร้านค้ามีบริการหลังการขาย 3 ปี
และเมื่อทราบวิธีการเลือกซื้อกล่องแล้ว ก่อนจะออกไปซื้อกล่อง หรืออุปกรณ์รับชมสัญญาณดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ที่มีจูนเนอร์ดิจิตอล (iDTV) หรือเสาสัญญาณต่าง ๆ ก็ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ดังนี้
กรณีเจ้าบ้านมาดำเนินการเอง 1. ทะเบียนบ้านตัวจริง
2. สำเนาทะเบียนบ้าน ถ่ายเอกสารหน้าที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน
3. บัตรประชาชนตัวจริง
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. คูปองส่วนลด 690 บาท
กรณีเจ้าบ้านไม่สามารถมาดำเนินการเองได้ เจ้าบ้านต้องเขียนด้านหลังคูปองเพื่อมอบฉันทะให้ผู้อื่นมาดำเนินการ พร้อมเตรียมเอกสารดังนี้
1. ทะเบียนบ้านตัวจริง
2. สำเนาทะเบียนบ้าน ถ่ายเอกสารหน้าที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน
3. บัตรประชาชนตัวจริงของเจ้าบ้าน
4. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าบ้าน
5. คูปองส่วนลด 690 บาท
6. บัตรประชาชนตัวจริงของผู้รับมอบฉันทะ
7. สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบฉันทะ
จากนั้นนำเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ประจำร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ร่วมรายการ เพื่อตรวจสอบเช็กสิทธิในการใช้คูปอง เมื่อตรวจสอบแล้วว่ามีสิทธิจริง ไม่มีการสวมสิทธิ จึงจะสามารถใช้คูปองเป็นส่วนลดหรือแลกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ต่อไป ทั้งนี้สามารถยื่นคูปองรับสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2557 ไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2558
http://www.eon49.com