โกรธเพราะไม่เคยรู้
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 28, 2024, 04:32:09 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โกรธเพราะไม่เคยรู้  (อ่าน 3056 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 01, 2013, 03:54:13 pm »


เห็นมีคนด่ากันเยอะมาก แม้จะมีคนชี้แจงแล้วก็ตาม จึงนำมาชี้แจงอีกครั้ง
ก่อนด่า กรุณาอ่าน

ในภาพ คือ "ยับยัม" เป็นปางหนึ่งของนิกายตันตระหรือวัชรญาณในทิเบต

นิกายตันตระเป็นนิยายย่อยของมหาญาณอีกทีซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับอิทธิพลลัทธิตันตระของศาสนาฮินดู
เชื่อว่าการตรัสรู้เป็นการผสมผสานระหว่าง "ปัญญา" กับ "กรุณา" จึงสร้างพระพุทธรูปปางดังกล่าวเพื่อแผงแนวคิดนี้ไว้

ไม่ใช่ทำขึ้นด้วยความสัปดนหรือลามกจกเปรตที่ต้องการดูหมิ่นพระพุทธเจ้า

นอกจากนี้พระพุทธรูปที่มีสีกาคร่อมอยู่นั้น คือ "พระอักโษภยะพุทธ" 1 ใน 5 พระพุทธเจ้า ตามคติความเชื่อของนิกายมหาญาณ ซึ่งนับถือพระพุทธเจ้า 5 องค์ รวมเรียกว่าว่า "พระธยานิพุทธะ"
ไม่ใช่ "พระโคดมพุทธเจ้า" ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่นิกายเถรวาทในประเทศไทยเคารพนับถือ

การด่าสิ่งที่คนอื่นเคารพศรัทธา ก็คือการดูถูกความเชื่อคนอื่น
ขอบคุณที่ให้สิ่งดีๆ
http://www.vcharkarn.com/vblog/114652


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 01, 2013, 08:43:56 pm »

ทำเอาชาวพุทธวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น เมื่อมีภาพถ่ายพระพุทธรูปกอดหญิงสาวในลักษณะคล้ายกับว่ากำลังกอดจูบกันโผล่ในโลกไซเบอร์ โดยอ้างว่าเป็นภาพถ่ายที่มาจากประเทศเวียดนาม คำสาปแช่งต่าง ๆ นานาจากพุทธศาสนิกชนปรากฏขึ้นมาตาม ๆ กัน พลางตั้งข้อสงสัยว่า ใครเป็นผู้สร้างพระพุทธศาสนาให้มีลักษณะเช่นนี้ เพราะดูแล้วเป็นการดูหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง

          อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการสืบค้นข้อมูลก็พบว่า จริง ๆ แล้ว พระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปแบบวัชรยาน (Vajrayana) ชื่อว่า "ปางยับยุม" (Yab Yum) ของนิกายตันตระ (Tantra) ซึ่งเป็นที่นับถือกันในประเทศอินเดีย ภูฏาน ทิเบต เนปาล และมีมานานตั้งแต่พุทธศักราชที่ 600-900 หรือไม่ต่ำกว่า 1,200 ปีแล้ว โดยมีลักษณะคือ มีหญิงสาวนั่งคร่อมบนตักพระพุทธรูปในอาการเสพสังวาส แต่ชาวพุทธส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่ามีนิกาย และพระพุทธรูปลักษณะนี้ จึงได้วิจารณ์กันอย่างหนักเมื่อเห็นภาพดังกล่าว

          ทั้งนี้ ลัทธิตันตระยาน หรือ ตันตระ เป็นนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนา แบบมหายาน ที่จะสร้างรูปเคารพในลักษณะแปลกกว่านิกายหินยาน หรือ เถรวาท โดยนำเอาเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ มาปรากฏในการสร้างพระพุทธรูปด้วย จนบางกลุ่มถูกเรียกว่า "นิกายมนตรยาน"

          ลัทธิตันตระนี้จะเน้นความสำคัญของเทพเจ้าที่เป็นเพศหญิง ดังนั้นแล้ว เทพเจ้าในความเชื่อตามคติของลัทธิตันตระ ซึ่งรวมถึงพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายด้วยนั้น จะมี "ทาระ" หรือ คู่ครอง สวมกอดอยู่ สิ่งนี้เป็นแนวคิดเรื่องหนทางสู่นิพพาน ซึ่งจะต้องเสพกิเลสทุกชนิดจนเกิดความเบื่อหน่าย จากนั้นค่อยคลายกิเลส ในที่สุดก็จะพบกับความหลุดพ้น

          ในทิเบต และประเทศแถบเอเชียใต้นั้น จะใช้พระพุทธรูปปางยับยุมนี้ แทนสัญลักษณ์ความเป็น "พ่อ" และ "แม่" และถือเป็นตัวแทนระหว่าง "ปัญญา" ที่แสดงถึงเพศชาย และ "เมตตากรุณา" ที่แสดงถึงเพศหญิง ซึ่งต้องมีควบคู่กัน เพื่อให้บรรลุธรรม นอกจากนี้ "ปัญญา" และ "กรุณา" ยังหมายถึง "ดวงตา" และ "แขนขา" ที่หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้น ทั้งสองสิ่งนี้ต้องทำงานร่วมกัน รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อการตรัสรู้ที่สมบูรณ์

          สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายตันตระมีทรรศนะในเชิงบวกต่อเรื่องเพศ และสอนให้สาวกเข้าหากามคุณด้วยสติ ดังนั้นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนที่รักษาศีลห้าสามารถมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองได้ ไม่ได้เป็นการละเมิดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ที่ห้ามไว้ในศีลข้อสามนั้นหมายถึง การห้ามมิให้มีเพศสัมพันธ์นอกการสมรสเท่านั้น อุปมาว่า เพื่อที่จะเอาน้ำออกจากหู เราต้องกรอกน้ำเข้าไปในหูอีก หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง ดังนั้นในการเอาชนะกามคุณ เราต้องรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของมัน ถ้าเราไม่รู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของมันแล้ว ก็ย่อมไม่อาจอยู่เหนือมันได้

-----------------
http://news.springnewstv.tv/25770/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%89%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B0
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!