พระบิณฑบาตยืนให้พร...ต้องอาบัติทุกกฏ
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระบิณฑบาตยืนให้พร...ต้องอาบัติทุกกฏ  (อ่าน 4061 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 31, 2012, 07:51:09 am »

จริงๆ ก็อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

แต่เป็นเรื่องน่าคิดไตร่ตรองอยู่เหมือนกัน...



มีพระวินัยบัญญัติไว้
พระยืนแสดงธรรมต่อผู้ที่นั่งที่ไม่เจ็บป่วยต้องอาบัติทุกกฏ
การให้พรอาจถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงธรรม
มติของพระผู้ใหญ่หลายท่านจึงเห็นว่า
การที่ออกบิณฑบาตแล้วยืนให้พร
ขณะที่โยมนั่งยองๆ รับพร ต้องอาบัติทุกกฏแน่นอน...



นอกจากนี้ยังมีพระอีกกลุ่มหนึ่งที่แสดงจริยาไม่งามในการให้พร
โดยเฉพาะพระที่ไปยืนรับบาตรตามตลาด
แข่งกันให้พรเสียงดังระงม
เหมือนต้องการจะเรียกญาติโยมที่เดินไป
ใครอยากได้บุญจากการให้พรก็ให้
มาใส่บาตรที่ตน...!!!



ส่วนญาติโยมเองก็พึงใจที่จะให้พระให้พรหลังใส่บาตร
เพราะคิดว่าบุญจะได้หรือไม่ได้อยู่ที่พรจากพระ
ทั้งที่อานิสงค์จากการทำบุญเกิดขึ้นตั้งแต่มีเจตนาจะทำ
เมื่อกระทำ และหลังการกระทำเมื่อระลึกถึงบุญนั้น
โดยไม่จำเป็นต้องได้รับพรจากพระเลย...!!!



จะว่าไปแล้ว ประเพณีการให้พร
เวลาบิณฑบาตก็เพิ่งมีขึ้นน่าจะไม่เกิน ๒๐ ปีนี้เอง
ก่อนหน้านั้น ก็ไม่เห็นว่าเวลาพระออกบิณฑบาตต้องให้พร
เพราะพระจะต้องอนุโมทนาในหอฉันเสมออยู่แล้ว
และเวลาพระออกบิณฑบาตให้คำสอนก็ให้ไปพร้อมวิปัสนา
ถ้าทุกครั้งที่ใส่บาตรต้องมัวแต่คอยให้พร
ก็ไม่รู้จะหาวิปัสนาได้อย่างไร...?



ไม่รู้ว่าประเพณีเช่นนี้กำเนิดจากไหน และแผ่ขยายไปทุก
ภูมิภาค ยุคนี้กลายเป็นว่า
พระไม่ให้พรเป็นการผิดประเพณีไป
ญาติโยมที่ใส่บาตรก็ไม่พอพอใจ
ถึงขั้นไม่ยอมใส่บาตรพระองค์นั้นอีก
เพราะคิดว่าถ้าพระไม่ให้พรจะไม่ได้บุญ
แทนที่จิตจะเป็นกุศลกลับเป็นอกุศล โทสะ โมหะครอบงำ
มีบางรายถึงกับไปร้องเรียน ถึงเจ้าคณะเขต
พระที่ไม่ได้ให้พรก็ถูกเรียกไปตักเตือน...
(อะไรหวา...ผมยังงง...!!!)



เมื่อให้พร พระสุ่มเสี่ยงที่จะผิดพระวินัย
แต่ครั้นจะไม่ให้พรทุกวันนี้พระก็อาจโดนตำหนิจากญาติโยม
แล้วจะทำอย่างไร
ก็คงต้องเป็นเรื่องที่พุทธบริษัททั้งหลายพึงทำความเข้าใจในคำสอนให้ชัดเจน...>>>

(แล้ว...คุณๆ คิดอย่างไรครับ?)



***************************************

 Sad


บันทึกการเข้า

saksit
member
*

คะแนน2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 63


« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 07:56:11 pm »

เล็กๆน้อยๆกลายเป็นเรื่องเหมือนกัน

ขออนุญาตcopy กระทู้ที่ดี
บันทึกการเข้า
santipp
ซุปเปอร์ วีไอพี
member
*

คะแนน180
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 631


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 16, 2012, 05:48:00 pm »

แล้วเดี๋ยวนี้พระที่ต่างจังหวัด เวลาท่านออกบิณฑบาต ท่านก็ให้พรเหมือนพระในเมืองหลวงหรือเปล่าครับ
เมื่อก่อน(นานมาแล้ว)ผมบวชและจำวัดอยู่ที่วัดต่างจังหวัด เวลาออกบิณฑบาต ก็ไม่ได้ให้พร
พอมาทำงานในเมืองหลวง เห็นพระให้พร หลังจากที่ญาติโยมใส่บาตเสร็จ ผมก็นึกอยู่ในใจว่า พระในเมืองนี่แสดงออกถึงอย่างนี้เลยหรือ
บันทึกการเข้า
BIRD4K33
Full Member
member
**

คะแนน25
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 126


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 16, 2012, 09:01:32 pm »

พระมีสองเหล่า  เหล่าแรกคือพระประเภทอยู๋ร่วมกับประชาชน เป็นพระพัฒนามุ่งหวังถนุบำรุงศาสนา วัด ปฏิสังขร และทำกิจกรรมร่วมไปกับประชาชน เพื่อสืบสานประเพณีไทยและวัฒนธรรมไทย พร้อมๆกับประกอบกิจสงฆ์ เช่นงานบุญ งานบวช  งานศพ แต่งงาน และงานวันสำคัญต่างๆของศาสนา   ส่วนอีกเหล่าคือพระวิปัสสนากรรมฐาน เป็นพระประเภทมุ่งแสวงความเจริญทางสติ สมาธิ  และฝึกจิตให้ออกห่างอาสวะกิเลส ไม่ข้องเกียวกับเรื่องวัตถุ    พระในเมืองส่วนมากแล้วนั้นจะเป็นอย่างแรกครับ  ยังยึดติดกับวัตถุอยู่  และในเมื่อสิ่งยั่วยุยังอยู่รอบตัวอยู่ ก็อยากจะออกห่างจากมันไปได้ การปฏิบัติตนและครองตนแบบสงฆ์ตามวิถีพุทธครันอดีตกาลคงทำไม่ได้แล้วครับ   WAIT!!
บันทึกการเข้า

เราสามารถแสวงหาความสุขได้ด้วยการวางตนแบบมัชฌิมาปฏิปทา
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: