อภิญญา แปล ว่า ความรู้ยิ่ง (supernatural knowledge) คือความสามารถรู้สิ่งที่คนธรรมดารู้ไม่ได้ สามารถทำสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ แต่เป็นของธรรมดาสำหรับท่านผู้ได้บรรลุแล้ว
อภิญญามีหกประการ ได้แก่
1. อิทธิวิธี การแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ เช่น คนเดียวทำเป็นหลายคนได้ ทำที่มืดให้สว่างได้ เมื่อต้องการจะไป ณ ที่ใดไม่มีอะไรขวางได้ เดินบนน้ำได้เหมือนเดินบนดิน ไปในอากาศได้เหมือนนก ย่นระยะทางได้ ฯลฯ
2. ทิพโสต ฟังได้ทั้งเสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ ทั้งระยะใกล้และไกล
3. เจโตปริยญาณ การล่วงรู้จิตใจผู้อื่นว่ามีจิตอย่างไร คิดอะไร
4. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติแต่หนหลังได้
5. จุตูปปาตญาณ สามารถมองเห็นสัตว์ทั้งหลายผู้จุติอยู่เป็นอันมาก ใครไปเกิดที่ไหนด้วยกรรมอะไร
6. อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะ คือญาณในอริยสัจสี่ หรือปฏิจจสมุปบาท
อภิญญาห้าประการแรกเป็นโลกียอภิญญา ปุถุชนก็มีได้ ส่วนประการสุดท้ายเป็นโลกุตรอภิญญา มีได้เฉพาะพระอรหันต์เท่านั้น
พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
พระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้เคยเล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟังว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2484 ท่านได้มีโอกาสเดินธุดงค์ไปถึงป่าแถบเมืองเชียงตุง ได้พบเจดีย์ยอดด้วนองค์หนึ่ง เป็นเจดีย์เก่า อยู่ใกล้ต้นยางใหญ่ ท่านและเพื่อนสหธรรมิกร่วมธุดงค์ด้วยกันอีกสองรูปตัดสินใจว่าจะอาศัยเขต เจดีย์เป็นที่จำวัด เนื่องด้วยรอบบริเวณนั้นมีต้นไม้ใหญ่เป็นที่ร่มรื่นและอยู่ใกล้ภูเขา เมื่อท่านเดินเข้าไปใกล้องค์เจดีย์ ก็ปรากฏพระภิกษุรูปหนึ่งออกมาต้อนรับท่านและคณะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
หลวง พ่อฤาษีลิงดำได้ถามพระคุณเจ้ารูปนั้นว่าอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ ท่านตอบว่าอยู่นานแล้ว ถามว่าแถบนี้มีบ้านเรือนผู้คนหรือไม่ ท่านตอบว่าไม่มี จึงถามว่าแล้วอาหารบริโภคของพระคุณเจ้าได้มาจากที่ใด ท่านตอบว่าได้มาจากบ้าน ท่านเดินจนชินแล้ว จะไกลเพียงใดท่านเดินสักพักหนึ่งก็ถึงแล้ว
พอเวลาเช้า พระคุณเจ้ารูปนั้นก็ห่มจีวร สะพายบาตรเดินออกไปหลังเขา หายไปสักสิบกว่านาที ก็กลับมาพร้อมกับอาหารหลายอย่าง มาอยู่กับท่าน 2-3 วัน ท่านก็ออกบิณฑบาตมาเลี้ยงทุกวัน
เมื่ออาศัย อยู่กับท่าน ก็ได้คุยกันในฐานะนักปฏิบัติด้วยกัน รู้สึกว่าท่านมีความรู้ดีมาก มานั่งนึกในใจว่า นี่เราพบพระอรหันต์เข้าแล้วหรือนี่ พอนึกเพียงเท่านี้ ท่านก็ยิ้ม บอกว่านึกอย่างนั้นไม่ถูก เราไม่ควรนึกว่าคนอื่นเขาจะเป็นอะไร ใครเขาจะเป็นอะไรก็ช่างเขา ข้อสำคัญเราชำระจิตใจของเราให้สะอาดเป็นพอ
วันที่ ลาท่านกลับ ท่านถามว่าจะไปไหน ก็ตอบไปว่าตั้งใจจะไปขึ้นรถไฟที่ลำปาง ท่านก็ชวนออกมานอกถ้ำที่ท่านอาศัยอยู่ แล้วชี้ให้ดูยอดเจดีย์ บอกว่าเจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์เก่ามาก ต่อ จากนี้ไป ถ้าจะมาเยี่ยมเยียนท่าน ก็ให้สังเกตยอดเจดีย์ให้ดี เจดีย์ตั้งอยู่ตรงนี้ เขาตั้งอยู่หลังเจดีย์ แล้วต้นยางต้นนี้ตั้งอยู่ด้านขวาของเจดีย์ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ท่านชี้ให้ดูยอดเจดีย์จนเพลิน แล้วจู่ ๆ ท่านก็พูดว่า ถึงสถานีลำปางแล้ว
พอท่าน พูดขึ้นมาว่าถึงสถานีลำปางแล้วเท่านั้น ก็มองเห็นรถไฟวิ่งไปวิ่งมา กำลังสับเปลี่ยนราง ก็ตกใจ พูดคุยกันเบา ๆ กับเพื่อนสหธรรมิกว่า พระองค์นี้เป็นพระอรหันต์ทรงปฏิสัมภิทาญาณ เพียงพูดกันเบา ๆ เท่านั้น ท่านก็หันมายิ้ม เตือนอีกว่าอย่าสนใจกับคนอื่นสิขอรับ สนใจใจของท่านเองดีกว่า ชำระจิตให้สะอาดเป็นดี คนอื่นจะดีจะชั่วก็เรื่องของเขา
เมื่อถึง สถานีรถไฟลำปาง ท่านก็พาแวะเข้าไปในร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อฉันเสร็จ เจ้าของร้านก็บอกว่ามีเจ้าภาพชำระค่าอาหารให้แล้ว เมื่อจะขึ้นรถไฟ ก็มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถวายตั๋วรถไฟมาลงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรงตามที่พระคุณเจ้าท่านบอกไว้ล่วงหน้าทุกประการ เป็นเรื่องอัศจรรย์
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ขณะจำพรรษาอยู่ ณ วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
พ.ศ. 2481
อีกเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้เล่าให้ฟัง เป็นเรื่องหลวงพ่อจงเดินจากวัดหน้าต่างนอกมาวัดบางนมโค เรื่องมีอยู่ว่า...
ครั้งหนึ่ง สมัยที่หลวงพ่อปานยังมีชีวิตอยู่ วัดบางนมโคได้จัดงานฉลองศาลาและมีสวดมนต์เย็น พระอื่นมากันครบแล้ว ขาดแต่หลวงพ่อจง หลวงพ่อปานจึงให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำพาคนเรือ นำเรือเร็วไปรับหลวงพ่อจงมาจากวัดหน้าต่างนอก เมื่อไปถึง ปรากฏว่ามีแขกมารอพบหลวงพ่อจงเพื่อให้ท่านรดน้ำมนต์ ท่านจึงบอกหลวงพ่อฤาษีลิงดำให้นำเรือกลับไปก่อน อีกสักพักหนึ่งหลังจากรดน้ำมนต์ให้ญาติโยมเสร็จ ท่านจะเดินไปวัดบางนมโคเอง
หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำเห็นว่าระยะทางจากวัดหน้าต่างนอกไปวัดบางนมโคก็ประมาณสี่กิโลเมตร เรือเร็ววิ่งประมาณสิบกว่านาที แต่ถ้าเดินก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง อีกทั้งใกล้จะถึงเวลาเริ่มพิธีแล้ว ท่านจึงจอดเรือรอ แต่หลวงพ่อจงบอกว่าไม่ต้องรอ ให้กลับไปก่อน แล้วหลวงพ่อจะรีบเดินตามไปให้ทันพิธี
เมื่อหลวง พ่อฤาษีลิงดำกลับมาถึงวัดบางนมโค ก็ขึ้นไปกราบรายงานหลวงพ่อปานว่า หลวงพ่อจงกำลังรดน้ำมนต์อยู่ นิมนต์ให้ท่านมาเรือ ท่านก็ไม่มา ท่านจะเดินมา อีกสักครู่ท่านคงจะมาถึง หลวงพ่อปานได้ฟังก็ยิ้ม หัวเราะชอบใจ บอกว่า นี่เจ้าลิงดำ หลวงพ่อจงเล่นตลกกับแกเสียแล้ว แกไปดูบนศาลาสิ ก็เลยกราบท่านแล้วขึ้นไปดูบนศาลา ปรากฏว่าหลวงพ่อจงนั่งอยู่บนอาสนะ นั่งหน้าพระรูปอื่นทั้งหมด เพราะท่านมีอาวุโสมาก หลวงพ่อฤาษีลิงดำจึงเข้าไปกราบ ท่านจึงถามว่ามานานแล้วรึ ก็กราบเรียนท่านไปว่าเพิ่งมาถึง ไปหาหลวงพ่อปานสักสองนาทีแล้วก็ขึ้นมาบนศาลานี่
เลยมา นั่งสงสัยว่าหลวงพ่อจงท่านเดินยังไง คนหนุ่ม ๆ ยังเดินตั้งเกือบชั่วโมง ก็เมื่อไปถึงวัดหน้าต่างนอกตอนนั้น หลวงพ่อจงกำลังจะรดน้ำมนต์ แต่ท่านมาถึงวัดบางนมโคก่อนเรือเร็วของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเสียอีก ขณะที่กำลังคิดสงสัยอยู่นั้น หลวงพ่อจงก็ถามว่าแปลกใจรึ ท่านบอกว่าไม่มีอะไรแปลก พระในพระพุทธศาสนาถ้าปฏิบัติถึงขั้นก็เดินเก่งกันทุกคน ถ้าปฏิบัติยังไม่ถึงก็ยังเดินไม่เก่ง