เรามาพูดคุยกันเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนซักหน่อยนะครับ
อัตราแลกเปลี่ยน (Exchage Rate) คือ อัตราที่บอกว่า ธนบัตรของประเทศฉัน 1 ใบ แลกของเธอได้กี่ใบ
หากเป็นสมัยก่อนภายใต้ ระบบปริวรรตทองคำ(Gold Standard)
ธนบัตรแต่ละใบก็คือตัวแทนของทองคำ อัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละประเทศ ไม่ผันผวนวุ่นวาย
การค้าขายไม่จำเป็นต้องคำนวณความเสี่ยงอันอาจจะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเหมือนในสมัยนี้
แต่เมื่อนิกสัน ตัดความสัมพันธ์ระหว่าง ธนบัตร กับ ทองคำ ทิ้งไป ในปี 1971 ธนบัตรทุกสกุลบนโลก
ล้วนเทียบอัตราแลกเปลี่ยน กับ ดอลล่าร์ ซึ่งถือเป็นเงินสกุลหลัก (Worlds Reserved Currency)
อย่างที่รู้ๆกัน เมื่อ พิมพ์ดอลล่าร์ออกมาเพิ่ม
-ค่าของเงินดอลล่าร์ ก็จะอ่อน หรือ มองอีกด้านคือ
-ค่าของเงินสกุลอื่น ก็จะแข็ง
หากประเทศนั้นๆ ไม่ต้องการให้สกุลเงินของตัวเอง แข็ง วิธีการก็คือ ต้องพิมพ์เงินเพิ่ม
ออกมาให้อ่อนตามดอลล่าร์ อัตราแลกเปลี่ยนถึงจะ คงเดิม
เช่น สกุลเงิน A
ดอลล่าร์ 1 ใบ = สกุล A 10 ใบ อัตราแลกเปลี่ยน คือ 1:10
เมื่อ พิมพ์ดอลล่าร์เพิ่มเป็น 10 ใบ สกุล A ต้องพิมพ์เพิ่มเป็น 100 ใบ
อัตราแลกเปลี่ยนถึงจะ 10:100 = 1:10 เท่าเดิม
จริงอยู่อัตราแลกเปลี่ยนเท่าเดิม แต่เงินในระบบเพิ่ม
จริงอยู่อัตราแลกเปลี่ยนเท่าเดิม แต่เงินเฟ้อ !
เมื่อสหรัฐอเมริกา พิมพ์เงินออกมาสู่ระบบมากขึ้นแล้วประเทศต่างๆ พยายามรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนโดยการพิมพ์เงินตามนั้น
ขอเรียกการกระทำของสหรัฐแบบนี้ว่า การส่งออกเงินเฟ้อ (Export Inflation)
หากให้คุณบอกสินค้าซักชิ้นภายในบ้านที่ ผลิตจากสหรัฐ Made in USA. คุณอาจจะต้อง หา
แต่หากให้คุณบอกสินค้าซักชิ้นภายในบ้านที่ ผลิตจากจีน Made in China มันอยู่ รอบตัวคุณ
สิ่งที่สหรัฐส่งออกไม่ใช่สินค้า แต่กลับเป็น เงินเฟ้อ
หากจำกันได้ เงินเฟ้อ คือ ภาษีที่มองไม่เห็น
(เพราะรัฐพิมพ์เงินเพิ่มเข้ามาเจือจางเงินเก่าในระบบ)
การพิมพ์ดอลล่าร์ ก็คือ การเก็บภาษีที่มองไม่เห็นจากทั่วโลก
เพราะปริมาณเงิน ดอลล่าร์ที่เพิ่มส่งผลให้เงินสกุลอื่นไม่มีทางเลือกนอกจาก
-ยอมให้แข็งค่า หรือ
-พิมพ์เพิ่มเข้ามาเจือจาง
นี่เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ทั่วโลกมีเงินเฟ้อ ตลอดชีวิตของพวกเราเห็นแต่สินค้าขึ้นราคาทุกปี (ต่างจากยุคสมัยทวดของทวดเราที่สินค้าราคาคงที่หรือบางลดลง)
แล้วตัวต้นเหตุอย่างดอลล่าร์ล่ะ ? ทำไมดูเหมือนในประเทศเค้าเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควร ?
สาเหตุก็เพราะ ดอลล่าร์คือเงินสกุลหลักของโลกใบนี้ การซื้อขายสินค้ากันระหว่างประเทศ
เช่น น้ำมัน ต้องทำการ ออกใบเสร็จกันเป็นเงินสกุลดอลล่าร์
ทุกประเทศจึงมีความต้องการดอลล่าร์ ไปเก็บไว้เป็นทุนสำรอง เพื่อทำการค้า
ซึ่งถือว่าเป็นความต้องการดอลล่าร์แบบหลอกๆ (Fake Demand)
ไทยต้องปลูกข้าว กรีดยางพารา จีนต้องผลิตสินค้า ซาอุต้องขุดเจาะน้ำมัน ต่างจากอเมริกัน อยากซื้อสินค้าก็แค่ พิมพ์
การพิมพ์เงินเพิ่มออกมาจากอากาศ ของสหรัฐ เป็นการใช้จ่ายเงิน ที่ตัวเองไม่ได้หา เพื่อไปซื้อสินค้าที่ตัวเองไม่ได้ผลิต
ประชาชนและรัฐบาลใช้เงินมือเติบ สร้างหนี้สร้างสิน
หากนานาประเทศ เลือกที่จะใช้เงินดอลล่าร์ ซื้อสินทรัพย์ในอเมริกา เท่ากับว่า ดอลล่าร์ได้กลับประเทศ เมื่อนั้นเงินเฟ้อก็จะกลับสู่บ้านเกิด
แต่ส่วนมากนานาประเทศเลือกที่จะเก็บดอลล่าร์เป็นทุนสำรอง ด้วยเหตุนี้ เวลานั้นจึงยังไม่มาถึง
วงจรยังคงอยู่ได้ ตราบเท่าที่ ประเทศ เจ้าหนี้ หยวนๆ ยอมให้มันเป็น
และประเทศที่หยวนที่สุดก็คือประเทศที่มี สกุลเงินหยวน(Yuan)สมชื่อ อย่าง พญามังกรจีน
จีนนั้นพยายามรักษาสมดุลของอัตราแลกเปลี่ยน จึงใช้นโยบาย ตรึงอัตราให้คงที่ไว้กับดอลล่าร์(Currency Peg)
(ทุกๆ 1 ดอลล่าร์แลกได้ 6.8 หยวน)ทำแบบนี้ก็เพื่อให้การค้ามีเสถียรสภาพ เมื่อ พิมพ์ดอลล่าร์เพิ่ม
จีนก็พิมพ์หยวนเพิ่มเพื่อซื้อดอลล่าร์เป็นการรักษาอัตราให้คงที่
ผลคือ
ดอลล่าร์อ่อน หยวนก็อ่อนตาม สินค้าจีนจึงมีราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ
แรงงานจีนทำงานอย่าหนักอยู่อย่างอัตคัดขัดสน แลกกับเงินหยวนที่อ่อนคงลงตามดอลล่าร์ แต่ในทางกลับกัน สินค้ากลับขายดี!! สินค้าจีนแดงถูกนำเข้าไปบริโภคในสหรัฐอย่างมากมาย ทำให้เกิดการขาดดุลการค้ากับจีนอย่างรุนแรง
เราอาจะเคยได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆว่านักการเมืองสหรัฐ โจมตีจีนอย่างหนักว่าเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงินตัวเอง(Currency Manipulator)
ให้อ่อนเกินความจริง เพื่อความได้เปรียบทางการค้า
เดี๋ยว ?? ประเดี๋ยวก่อน ??
ตัวเองใช้จ่าย - ช้อปปิ้งมือเติบเอง ไปโทษเค้า
ตัวเอง พิมพ์เงินให้อ่อนเอง จนเค้าต้องพยายามอ่อนตามเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการค้า กลับไปโทษเค้า
ตัวเองคือตัวการสำคัญที่บิดเบือนค่าเงินให้อ่อน ทำให้วุ่นกันไปทั้งโลก กลับไปโทษคนอื่น
มึนไปรึเปล่า ?
ระยะหลังรัฐบาลสหรัฐพยายามเรียกร้องให้ แข็งค่าเงินหยวน โดยบอกว่า จะเป็นผลดีกับจีนเอง ในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
ประชาชนชาวจีน ก็จะได้รับประโยชน์ หลังจากที่ลำบากมานาน เคยแต่ส่งออกของถูกให้คนอื่น
หากทำเช่นนั้น จะได้ซื้อของถูก จากคนอื่นมาบริโภคบ้าง ดุลการค้าของสหรัฐก็จะได้ลดลง
ประเด็นนี้ สหรัฐ พูดได้ดี + พูดได้ถูก 100% เต็ม
แต่ฉุกคิดบ้างไหมว่า
หากจีนปล่อยแข็งค่าเงินหยวน ผลที่ตามมาคือดอลล่าร์อ่อน
ประชาชนจากที่เคยเสวยสุขสินค้าจีนแดงราคาถูก ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว จริงอยู่ ดุลการค้าจะลด แต่ไม่ใช่เพราะอเมริกาผลิตสินค้าส่งออกขายให้จีน
ลดเพราะ การนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง
ลดเพราะ สินค้าจีนแดงจะขึ้นราคาจนซื้อหากันไม่ไหว
เมื่อนั้น ความสุขสบายจะย้ายข้าง ประชาชนชาวอเมริกาจะลำบาก และ เงินเฟ้อจากจีนก็จะมาแผลงฤทธิ์ที่สหรัฐแทน
ที่ผ่านมาจีนไม่ยอมแข็งค่าเงินหยวน แต่พยายาม เยียวยาปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศที่ปลายเหตุ โดย
1. ควบคุมราคาสินค้า (Price Control)
2. ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย (Increase Interest Rate)
แล้วก็ไม่ได้ผล เพราะรากเหง้าของปัญหาแท้จริงคือ ดอลล่าร์ ทางออกที่ถูกต้องคือเลิกตรึงอัตราแลกเปลี่ยน(Depeg)
ปล่อยหยวนให้แข็งค่า ส่งคืนเงินเฟ้อกลับสู่อเมริกา ประชาชนชาวจีนจะได้ลืมตาอ้าปากหลังจากลำบากกันมานาน
แต่จีนก็ยังไม่ทำ
หากใครเคยอ่านบทความเรื่อง แอปเปิ้ล VS. ส้ม คงจำกันได้ถึงสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพี่จีน
ที่ถือครอง ดอลล่าร์อยู่มหาศาล ว่ากันเป็นเลขกลมๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวจีน
49% คือ สินทรัพย์ ที่เป็นสมบัติของชาติ
49% คือ ดอลล่าร์
2% คือ ทองคำ ??
ไอ้ 49% บนกับ 2% ล่างไม่หนักใจ แต่กลุ้มไอ้ 49% ตรงกลาง ว่าจะทำยังไงกับมันดี
จะกระโตกกระตากก็กลัว วุ่นกันไปทั้งโลก จะช้า-อ่อยอิ่งมัวแต่ลีลา ก็เสื่อมค่าลงทุกวันๆ (QE3 QE4 มีแววได้เห็น)
จีนนั้นรอเวลาที่เหมาะสม
ไม่ว่าอเมริกา จะยุ จะยั่ว จะเกทับ ให้จีนขึ้นค่าเงินหยวนยังไง จีนก็นิ่ง
หากท่านทำผิด แล้ว ภรรยาโวยวาย ด่าทอ อันนี้ ไม่น่ากลัว โวยแล้วก็จบๆกันไป
หากท่านทำผิด แล้ว ภรรยาท่าน นิ่ง ดูสงบและสุขุมอย่างประหลาด ขอให้ท่าน ระวังตัว !!
มังกรจีน ฉลาด,นิ่ง,และสุขุม รอจังหวะเหมาะๆอยู่ ระหว่างนี้ก็ทยอยสะสมทองคำเข้าทุนสำรอง
หาทางหนีทีไล่ระบายดอลล่าร์ เริ่มตกลงทำการตกลงซื้อขายกับประเทศคู่ค้าโดยใช้เงินสกุลตัวเอง
เหล่านี้เป็นสัญญาณ มวยคู่นี้ อเมริกา คอยปล่อยหมัดแย๊พเก็บคะแนน ขอเตือนว่าอย่าย่ามใจ
เพราะจีนรอปล่อยอัปเปอร์คัทหมัดเดียวสลบ เมื่อไหร่ที่จีนพร้อมและเหลืออดจนถึงที่สุด เมื่อนั้น
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น