ถาม : อย่างนี้ก็เลยไม่แน่ใจว่าดีไหม ถ้าเผลอไหลไปตามเพลงนี่ช่วยได้ไหม ?
ตอบ : ต้องมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ใน ลักษณะของพระมีการเปลี่ยนอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง นอน ทำท่าเดียวนานๆ ไม่ไหว ร่างกายจะแย่
ถึงเวลาก็ไปเดินดูฟ้าดูดินบ้าง แทนที่เราจะไปนั่งภาวนาอย่างเดียว อาจจะไปรดน้ำต้นไม้บ้าง ไปกวาดลานวัดบ้าง แล้ว จับอิริยาบถการเคลื่อนไหว ต่อไป พอถึงเวลาจิตจะได้คลายออกมาบ้าง หายเครียดแล้วก็ไปนั่งภาวนาของเราต่อ หรือไปเดินจงกรมของเราต่อ
ถาม : เราฝึกเข้าฌานได้ทุกสภาวะ แล้วเวลาเดินฌานค้างเราจะทำอย่างไรคะ ?
ตอบ :
ก็ถ้าหากว่า ฌานค้าง ก็ลดลงมาเหลือแค่ฌาน ๒ หรือฌาน ๑ ก็ไปต่อได้แล้ว ความจริงฌานค้างเป็นของดีนะ เพราะไม่ต้องยุ่งกับ รัก โลภ โกรธ หลง ไปเลย กลัวแต่ว่าจะไม่ยอมค้างนะสิ..!
ถาม : คลายออกมาใช่ไหมคะ ?
ตอบ :
ถอยลงมาหน่อยแล้วก็ต่อไป เสร็จแล้วก็ตั้งท่ายื้อกันหน่อย ดูซิว่าจะไปได้อีกสักนิดไหม ?
เหมือนกับเข้าเกียร์รถไว้แล้วลองพยายามเข็นดู ปกติรถเข้าเกียร์อยู่ ถ้าเครื่องติดก็ไปได้ใช่ไหม ? ทีนี้เราเข็นไปจนเครื่องต้องติดเอง ลองดูนะ..ถ้าไม่ไหวก็เข้าเกียร์ว่างไปก่อน
ถาม : เมื่อเข็นไปแล้วก็จอดใช่ไหมคะ ?
ตอบ :
พอเข็นไปเครื่องติดก็ไปต่อสิจ๊ะ จริงๆ แล้วไม่ต้องมาต่อวิชาแล้วก็ได้ เป็นเองแล้วนี่ ต่อไปเราจะรู้แล้วว่า แค่ไหนถึงจะพอดีสำหรับเรา
มีอยู่ช่วงหนี่งที่ฝึกใหม่ๆ ตอนนั้นยัง เดินจงกรมทั้งวัน ภาวนาทั้งวัน นับลูกประคำทั้งวัน หรือไม่ก็นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน ประเภทใครเห็นเข้าก็ว่าบ้าแน่ๆ นั่งลงไปแล้วก็นอน นอนแล้วก็นั่ง ทำอยู่แค่นี้
แต่ความจริงแล้วเราซ้อมทรงสมาธิตามลำดับ พอนอนลงก็เข้าตามลำดับจนเต็มที่ไปเลย เวลานั่งก็คลายออกมาตามลำดับจนเต็มที่เหมือนกัน ...สนุกมากเลยช่วงนั้น แต่คนเห็นว่าเราบ้าทุกคน เพราะเอาแต่นั่งๆ นอนๆถาม : เหมือนคุณพ่อเลยค่ะ นั่งๆ นอนๆ เหมือนคนบ้า จะพาไปโรงพยาบาล คุณพ่อบอกไม่ต้อง ไม่เป็นไร ไม่ต้องพาไป ก็ไม่มีใครเชื่อ ?
ตอบ :
ไม่มีใครเชื่อหรอก เพราะคนบ้ามักจะบอกว่าตัวเองไม่บ้าทุกราย..!สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
ที่มา :
http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=2299