ความสัมพันธ์ระหว่างสสาร - พลังงาน กับ กายหยาบ - กายละเอียด
สโตนเฮนจ์ อาจจะบอกความเป็นอนาคตหลายอย่างที่ยากต่อการเชื่อ ผู้เขียนได้นำมาบอก ต่อตามที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ใช้ “ จิต ” ไขปริศนาจากการจัดวางเสาหินเหล่านั้น อนาคตที่โหดร้ายต่อทุกชีวิต ของแต่ละบุคคล ที่มีความผูกพันอย่างเหนียวแน่น โยงใยเป็น เครือญาติ อาจจะต้องมีการพลัดพรากหรือตายจาก องค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ท่านสอนให้อยู่กับปัจจุบัน อนาคตตามรูปแบบที่สโตนเฮนจ์บอกไว้ จะเกิดขึ้น จริงหรือไม่สิ่งเหล่านั้นยังมาไม่ถึง หากจะเกิดจริง เรายังมีเวลาเตรียมตัว เพื่อผ่าน จุดเปลี่ยนอีก 3 ปีเศษ แต่สิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญอยู่ทุกวันเหมือนการตายผ่อนส่ง จากการรับพลังงาน แม่เหล็กโลกที่มีคุณสมบัติร้อนและหนักเข้าสู่ร่างกาย ถมเต็มเนื้อเยื่อ เซลล์ อยู่ทุกวินาที ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายที่มนุษย์มีน้อยอยู่แล้วยิ่งลดน้อยลง จนถึงจุดเสื่อมถอย เยียวยารักษาได้ยากยิ่งขึ้น (ภูมิต้านทานร่างกายลดต่ำลงตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ. 2544 เป็นต้นมา)
มนุษย์เราอาศัยอยู่ในโลกที่กำลังป่วยหนักจากวิกฤตพลังงานแม่เหล็กโลก มนุษย์จึงต้อง ป่วยตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองถามตัวท่านเองดูว่าเคยมีอาการอย่างนี้ และเคยได้รับฟังข่าว สุขภาพเช่นนี้บ้างไหม
- รู้สึกหายใจได้ยาก หายใจได้ไม่อิ่ม หายใจได้แค่คอ หรือ บางครั้งเหมือนหายใจไม่เข้า เหนื่อยง่าย
- รู้สึกมึน และปวดศีรษะ น้ำตาไหล หรือ ตาฟาง มองเห็นไม่ชัดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- รู้สึกหนักปวดเมื่อยทั่วตัว โดยเฉพาะที่ต้นคอ ไหล่ บั้นเอว จะลุก นั่ง ก้ม เงย เปลี่ยน อิริยาบถได้ลำบาก หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างปัจจุบันทันที
- กลางคืนนอนหลับได้ยาก ชอบตื่นกลางดึก และแทบไม่หลับอีกเลย
- อยู่มาวันหนึ่งตรวจพบว่า มีอาการของเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ทั้งๆที่ไม่เคยมีประวัติ มาก่อน
- ทราบข่าวว่าคนที่รู้จัก เพื่อนฝูง ฯลฯ เป็นอัมพฤกษ์ หรือเสียชีวิตแล้ว ทั้งๆที่เมื่อวานยัง พูดคุยกันเป็นปกติ
- ฟังข่าวบอกว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจาก “การติดเชื้อในกระแสเลือด” หรือบาง คนเป็นนักกีฬาร่างกายแข็งแรง อายุยังน้อยแต่มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตทันที
- พบผู้ป่วยมะเร็งมีเพิ่มมากขึ้น และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
- เชื้อไวรัส และแบคทีเรียได้กลายเป็นแชมป์ประจำปีไปเสียแล้ว
ทุกอาการของโรคและทุกข่าวของการสูญชีวิตที่ได้ยิน ย่อมมีสาเหตุของการเกิดโรคและวิธี ของการรักษา องค์ ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ใช้หลักของคลื่นพลังงานบำบัด เป็นทางเลือกของสุขภาพที่พึ่งตนเอง สนับสนุนการใช้อาหารแทนยา และประเด็นสำคัญ ที่สุดคือ โรคภัยทุกชนิดมีสาเหตุเบื้องต้น สืบเนื่องมาจากพลังงานแม่เหล็กโลกแทบทั้งสิ้น ดังนั้น องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จึงได้ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง เพื่อแก้ไข อาการและรับมือกับความใหม่และรุนแรงของโรคทุกโรคได้ทันท่วงที ด้วยการบำบัดรักษาทั้งสอง ส่วน ควบคู่กันไปทั้งรูปหยาบและรูปละเอียด หรือทั้งกายสสารและกายพลังงาน
องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์ ให้ อุบายหลักของวิปัสสนากรรมฐานด้วยการดูกฎไตรลักษณ์ ตัวแรกคือ ความเป็นอนิจจัง (ความไม่ เที่ยง) ดูให้เห็นอาการเกิด-ดับ (ยืด-หด) และการกระทบ 2 ส่วน หรือการหมุนธรรมจักร (รับ-เหวี่ยง) เป็นปัจจุบันขณะ ทั้ง 2 อุบายนี้ หากผู้ฝึกปฏิบัติทำได้ จะให้ประโยชน์ทั้งกายหยาบ และ กายละเอียด (กายสสารและกายพลังงาน) ยังความเป็นปกติสุข และ มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา พลังงานภายในโลกยังมีความสมดุลอยู่ ซึ่งแตกต่างจาก ปัจจุบันอย่างสุดขั้ว
เมื่อองค์ความรู้ฯ ได้พัฒนาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นทางเลือกของ สุขภาพ จึงมีการใช้อุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิดเพิ่มขึ้น นอกเหนือไปจากการใช้พลังจิตเพียง อย่างเดียว พลังพีระมิดเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยดึงพลังงานละเอียด เช่น พลังกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ และธาตุว่าง เข้าสู่ร่างกาย ทั้งทางลมหายใจเข้า (อากาศ) และ น้ำดื่มพลังกระแส ลมปราณ และพลังมโนธาตุ หากแต่วิกฤตพลังงานกลับทวีความรุนแรงขึ้น องค์ความรู้ฯ จึงพัฒนา ต่อไปอีกเพื่อหาทางรับมือกับความรุนแรงของโรคทุกโรคได้ทันท่วงที ทั้งการป้องกัน และบำบัด รักษา อย่างหวังผลได้จริงอย่างครบถ้วนทั้งรูปหยาบและรูปละเอียด หรือ ทั้งกายสสาร และ กายพลังงาน
ท่านลองจินตนาการนึกถึงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งให้เห็นเป็นวงกลม ซ้อนอยู่ด้วยกันถึง 4 วง ซึ่งหมายถึงเนื้อเยื่อเซลล์ที่ซ้อนเรียงลำดับจากชั้นในออกมา มี 4 ชั้น
1. นิวเคลียส เป็นธาตุว่าง
2. มโนธาตุ เป็นธาตุสีขาว
3. ปราณ เป็นสีออกเหลือง
4. เซลล์ชั้นนอก เป็นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
วงกลมที่ 1 เป็นวงกลมที่อยู่ลึกที่สุด มีขนาดเล็กมาก จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เป็นจุดศูนย์กลางของเซลล์ ประกอบด้วยธาตุว่าง เรียกว่า นิวเคลียส
วงกลมที่ 2 เป็นวงกลมที่อยู่ถัดออกมา มีลักษณะออกสีขาวเป็นส่วนประกอบของมโนธาตุ คือ ธาตุรู้ของใจ
วงกลมที่ 3 เป็น วงกลมของเซลล์ชั้นกลาง มีลักษณะออกสีเหลือง เป็นส่วนประกอบของ ปราณ หรือ กระแสลมปราณ พลังแห่งชีวิต พลังของภูมิต้านทานร่างกาย และ ยังเป็นพลังงานสำคัญทำให้เลือดไม่ข้น
วงกลมที่ 4 เป็นวงกลมของเซลล์ขอบนอก มีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ
จากการจำแนกให้เห็นเซลล์ทั้ง 4 ชั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ จะพบว่ามีสิ่งที่เป็น รูปธรรม จับต้องได้เพียง 1 ส่วน
เพราะมองเห็นโครงสร้าง หรือ รูปเป็นชาย-หญิง โครงสร้าง เหล่านั้นประกอบขึ้นจากการรวมตัวของสสาร เช่น ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
(ธาตุดิน คือ อาหาร หลากหลายที่นำเข้าสู่ร่างกายโดยการบริโภค เป็นส่วนประกอบหลักของเนื้อ กระดูก เอ็น
ธาตุน้ำ ได้แก่น้ำที่ดื่ม เลือด น้ำเหลือง
ธาตุลม หมายถึงออกซิเจน ไนโตรเจน รวมทั้งคาร์บอนไดออกไซด์
ธาตุไฟ คือความร้อนที่เกิดจากการเผาผลาญ อาหาร ตลอดจนความร้อนที่ได้รับจาก ดวงอาทิตย์)
ที่ เหลืออีก 3 ชั้นเซลล์เป็นพลังงาน ถ่ายทอดรูปแบบที่เหมือนกันจากวงกลมที่ใหญ่กว่า คือโลก หากเราผ่าโลกออกมาดู จะเห็นได้ตามลำดับดังนี้
1. ชั้นใน เป็นมโนธาตุสีขาว
2. เป็นปราณ สีเหลือง
3. เป็นพลังงานแม่เหล็กโลก สีเทาออกดำ
4. ชั้นนอกเป็นแผ่นดิน พื้นน้ำ อากาศ ป่าไม้สิ่งมีชีวิต ฯลฯ
1, 2 และ 3 เป็นพลังงาน 4 เป็นสสาร
แกนพลังงานโลกซ้อนอยู่ในแกนสสารโลกฉันใด กายพลังงาน (กายละเอียด) จึงซ้อน อยู่กับกายสสาร (กายหยาบ)
เฉกเช่นเดียวกัน หากพื้นผิวโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่กำลังจะวิบัติ เพราะพลังงานให้โทษ มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้
คงต้องควานหาพลังงานที่ดีจากอาหารละเอียด อาหารพลังงานที่สามารถช่วยรักษา ฟื้นฟู และส่งเสริมสุขภาพ
ได้ทั้งกายสสาร และกายพลังงาน อย่างเป็นรูปธรรม
กายสสาร (กายหยาบ) เป็นกายที่ประกอบขึ้นด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ จึงต้องเลี้ยงดูด้วยอาหารบริโภคที่มี
โครงสร้างด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เหมือนกัน มีการเสื่อมถอย ร่วงโรย ผุพัง ไปตามกาลเวลา อยู่ได้นานไม่เกิน 100 ปี
กายพลังงาน (กายละเอียด) เป็นกายที่ซ้อนอยู่ในกายหยาบ ประกอบขึ้นด้วยพลังกระแส ลมปราณ
พลังมโนธาตุจากแกนพลังงานโลก ซึ่งมนุษย์ทุกคนได้รับมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ของแม่ เป็นพลังงานที่เชื่อมโยงกับกายหยาบเป็น
“สายใยแห่งชีวิต” บุคคลที่เสียชีวิตแล้ว หากยังดับกิเลส ได้ไม่หมด สายใยแห่งชีวิตนี้จะทำงานร่วมกับกิเลสที่ยังเหลืออยู่
นำไปสู่ภพภูมิใหม่ในสังสารวัฏ