ไมเกรน
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 24, 2024, 03:21:20 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไมเกรน  (อ่าน 7678 ครั้ง)
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2007, 02:25:05 pm »

      เชื่อว่าไม่มีใคร ไม่เคยปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะนั้น พบได้กับทุกเพศวัย นับตั้งแต่ปวดจากการป่วยไข้ ไม่สบาย ไปจนถึงปวดเพราะความเครียด ความกังวล เรียกได้ว่ามีสาเหตุนับร้อยเลยทีเดียว ที่ทำให้คนเราปวดศีรษะได้ แต่อาการปวดศีรษะที่คนในสังคมเมืองพูดถึงกันบ่อย ๆ อย่างหนึ่งก็คือปวดไมเกรน โดยหลายคนพอมีอาการปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่งขึ้นมา ก็จะคิดว่าตนเองเป็นไมเกรนไปเสียแล้ว ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว ไมเกรนนี้ เป็นอันตรายหรือเปล่า แก้ไขได้อย่างไร และอาการปวดข้างเดียวของเท่านั้น จัดอยู่ในกลุ่มของไมเกรนด้วยหรือไม่ มาติดตามกันเลยครับ

อาการปวดศีรษะสามารถเกิดจากอะไรได้บ้างและแบ่งกว้าง ๆ ออกมาได้กี่แบบ

อาการปวดศีรษะโดยคร่าว ๆ นั้น แบ่งออกเป็น 2-3 อย่าง ที่พบบ่อยที่สุดคือ เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัว จากการนอกนดึก ความเคร่งเครียด ซึ่งจะปวดตามท้ายทอย ปวดรอบเบ้าตา ร้าวไปกลางศีรษะ จากขมับ ไปข้างหลัง ซึ่งจะพบบ่อย มักจะเกิดจากการที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือบางทีคนไข้จะบอกว่ามันวิ่งจี๊ดไปมา

แบบที่สอง เป็นการปวดซึ่งเกิดจากการที่หลอดเลือดขยายตัว แต่จะไม่เกี่ยวกับเส้นเลือดตีบ พวกอัมพฤก อัมพาต ซึ่งอาการเส้นเลือดที่ศีรษะขยายตัวที่เรารู้จักกันดีก็คือ ไมเกรน ซึ่งอาการจะกล่าวถึงต่อไป

แบบที่สาม เป็นอาการปวดเนื่องจากมีอะไรอยู่ในสมอง เช่นเนื้องอก พยาธิ หรืออะไรก็ตามที่มาทำให้ความดันในศีรษะเพิ่มขึ้น อาการปวดแบบนี้จะปวดตื้อ ๆ ลึก ๆ อยู่ข้างใน ที่สำคัญคือจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ คือเริ่มแรกอาจจะไม่ปวดเท่าไหร่ แต่ต่อมาอาจจะปวดถึงขั้นอาเจียร หรือเห็นภาพซ้อน ซึ่งโดยมากแล้วจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แขนขาอ่อนแรง ชัก

อาการปวดศีรษะไมเกรน

แบบแรกอาการปวดตุบ ๆ แถว ๆ ขมับ หรือลึก ๆ อยู่แถวเบ้าตา เหมือนหัวใจเต้น และจะปวดในระดับกลางถึงมาก ซึ่งนี่เป็นลักษณะเด่นของการปวดไมเกรน แต่ถ้าปวดพอรำคาญ ไม่มากนัก โอกาสเป็นไมเกรนจะน้อย นอกจากนี้ อาการปวดแบบไมเกรนนั้น เมื่อหายปวดจะหายสนิท โดยในช่วงที่ปวดนั้น อาจจะปวดได้นาน 2-3 วันตามทฤษฎี แต่โดยทั่วไป อาจจะปวดแค่ 2-3 ชั่วโมง หรืออาจจะ 4 ชั่วโมง นอกจากนี้อาจมีอาการอาเจียร เห็นแสงแวบ ๆ เป็นสีเหลือง ๆ หรือเป็นหยัก ๆ ในช่วงก่อนปวด เรียกได้ว่าเป็นอาการนำ แต่อาการแบบนี้ไม่พบในคนไข้ทุกคน

ความเชื่อที่ว่าปวดหัวข้างเดียวเป็นไมเกรน

ในความเป็นจริงแล้ว อาการปวดข้างเดียวไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกอะไรเลยว่าเป็นไมเกรน ปวดข้างเดียวนี้ อาจะเป็นเนื้องอก หรือเกิดจากล้ามเนื้อตึงตัวก็ได้ ตกหมอน หรือได้รับอาการบอบช้ำ คนที่ปวดหัวข้างเดียวเพราะไมเกรนนั้น จริง ๆ แล้วมีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของคนไข้ทั้งหมด ปวดสองข้างก็เป็นไปได้

ไมเกรนพบบ่อยในคนกลุ่มไหน

คนสูงอายุจะไม่ค่อยเป็นกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของวัยรุ่น คนหนุ่มสาวมากกว่าคนสูงอายุหลายเท่า คนที่เป็นไมเกรนนั้น จะเป็นได้ตั้งแต่เด็ก อายุ 7-8 ขวบ แต่ที่พบบ่อยจะเป็นช่วงวัยรุ่นอายุ 10 - 25 ขึ้นไป และจะเป็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่พออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ อาการจะน้อยลง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนบางอย่าง ผู้หญิงบางคนเป็นมาตลอด พอมาถึงวัยหมดประจำเดือนกลับหายจากอาการไปเลย

สาเหตุของไมเกรน

ยังไม่มีการยืนยันสาเหตุที่แน่นอนออกมา แต่ทฤษฎีหลักนั้น เชื่อว่า เกิดจากการมีปัจจัยไปกระตุ้นให้เส้นประสาทในสมองหลั่งสารบางอย่างออกมา และสารพวกนี้ไปทำให้เส้นเลือดขยายตัว และการที่เส้นเลือดขยายตัวนี้เอง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เนื่องจากในเส้นเลือดของเรา จะมีเส้นเลือดเล็ก ๆ ฝอย ๆ เป็นเส้นประสาทพันรอบเส้นเลือดด้วย พอเส้นเลือดขยาย ก็จะไปยืดเส้นประสาทที่พันรอบเส้นเลือดนี้ด้วย ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดได้

อันตรายของไมเกรนกับการพัฒนาไปเป็นโรคร้ายอื่น ๆ

ถ้าเป็นไมเกรนแท้ ๆ จะไม่อันตราย เพียงแต่จะทรมาน แต่ทั้งนี้ก็เคยมีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไมเกรนกับโรคหลอดเลือดสมองตีบบางชนิดว่าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า พบว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันได้บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเป็นไมเกรน จะมีโอกาสเป็นเส้นเลือดในสมองตีบทุกรายได้

ปัจจัยที่มากระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน

 ปัจจัยกระตุ้นมีหลายอย่าง  แต่ที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก นอนไม่หลับ ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นไมเกรนแล้ว ยังไปกระตุ้นอาหารปวดกล้ามเนื้อด้วย นอกจากนั้นยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ อีกอย่างเช่น อาหาร โดยอาหารที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรนในคนไทยนั้นพบไม่บ่อย แต่ในชาวต่างชาติจะพบมากกว่า คืออาหารจำพวกช๊อกโกแลต เนยแข็ง ไวน์แดง และฟาสต์ฟูด ไส้กรอก แฮม เพราะอาหารพวกนี้จะมีสารบางอย่างมากระตุ้นทำให้เกิดไมเกรนได้ อีกอย่างที่สำคัญคือผงชูรส แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าอาหารเหล่านี้จะกระตุ้นอาการไมเกรนของทุกคน นั่นคือไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นไมเกรนห้ามรับประทานอาหารพวกนี้ คนที่เป็นแล้วรับประทานแต่ไม่เกิดอาการใด ๆ ก็สามารถทานต่อไปได้


ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งคืออากาศร้อน ถ้าอยู่ในกลางแดดจ้า ๆ อากาศร้อน ๆ
ก็มีโอกาศจะเกิดอาการขึ้นมาได้ เคยมีชาวต่างชาติวิจัยออกมาว่าสาเหตุที่สำคัญนั้นไม่ใช่อากาศร้อน แต่จะเป็นเพราะความกดอากาศ สภาพแวดล้อมของอากาศ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงจากอากาศเย็นเป็นอากาศร้อน ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน เพราะจะทำให้มีอาการหด หรือขยายตัวของเส้นเลือด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องยา ยาอะไรก็ตามที่ทำให้มีการขยายตัวของหลอดเลือดก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้

วิธีการรักษาแบบอื่นนอกจากการใช้ยา

ปัจจุบันจะมีการฝังเข็มเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นที่ยอมรับและในการฝังเข็มนั้นได้มีการระบุว่า เป็นการรักษาไมเกรนได้เช่นกัน

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

 อย่าไปกังวลกับมันมาก ถ้าเป็นแล้วมีผลต่อชีวิตประจำวันของเรามาก ให้ไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ส่วนใหญ่รักษาอาการได้ และอย่าซื้อยาทานเอง เพราะมีผลข้างเคียงมาก

คำถามที่ถามบ่อย
        - เมื่อมีอาการปวดศีรษะจะปวดรุนแรง ถึงขั้นอาเจียรออกมา เวลาหายปวดจะหายสนิท และสัปดาห์หนึ่งจะเป็นถึง 5 วัน อยู่ในขั้นหน้าวิตกหรือไม่
        ตอบ : ควรให้แพทย์เฉพาะทางตรวจดูอาการว่าเป็นไมเกรนแน่นอนหรือเปล่า ซึ่งจากอาการโอกาศจะเป็นไมเกรนค่อนข้างสูง สำหรับความถี่ของการการที่เกิดขึ้นนั้นบับว่าค่อนข้างบ่อย เพราะควรจะปวดเดือนละ 2-3 ครั้ง กรณีที่ปวดบ่อย อาจจะต้องรับประทานยาป้องกันอาการปวด ในขณะที่ปวดไม่บ่อย อาจรับประทานยาแก้อาการปวด

        - ทานยารักษาอาการเป็นประจำจะมีผลเสียหรือไม่
        ตอบ ยาไมเกรน แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มป้องกัน กับกลุ่มแก้เวลาปวด การจะนำมาใช้ต้องให้แพทย์พิจารณาเป็นราย ๆ ไป และเมื่อรับประทานแล้ว จะต้องดูการตอบสนองด้วย ส่วนยา คาฟาค๊อท ที่มีจำหน่ายและมีการใช้กันอย่างแพร่หลายนั้น ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป อาจทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบได้ บางรายอาจไม่ต้องใช้ยาชนิดนี้ เพียงยาพาราเช็ตตามอล หรือแอสไพริน ก็สามารถช่วยได้

        - การพิจารณาอาการในเด็ก ควรทำอย่างไร
        ตอบ : ถ้าพบอาการปวดศีรษะในเด็ก สิ่งแรกที่ควรเช็คคือสายตา หรืออาจจะมีปัญหากับเพื่อน เพิ่งย้ายโรงเรียน ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ อาจเกิดอาการเครียดโดยไม่รู้ตัว จุดนี้ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในเด็ก อายุ 7-8 ปี ก็อาจพบว่าเป็นไมเกรนได้เช่นกัน ให้สังเกตดูว่าเวลาปวดจะปวดมาก อาจถึงขึ้นอาเจียร แต่เมื่อหายปวดจะหายสนิทเลยเช่นกัน

        โดย นพ.เขษม์ชัย เสือวรรณศรี อายุรแพทย์ประสาท



บันทึกการเข้า

supoj007
member
*

คะแนน286
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1555



อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2007, 03:55:24 pm »

พักผ่อนให้มากกว่านี้  จอคอม ลดแสงหน่อย จะปวดตา ผสมอีกแร็ง
ออกกำลังกายบ้างนะ ให้แต่ประโยชน์คนอื่นมากๆ ควรระวังสุขภาพของตนเองบ้าง ครับ
ด้วยความห่วงใยทุกท่าน ขอให้หายเร็วๆนะ ไมเกรน
บันทึกการเข้า
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2007, 09:31:37 am »

ปวดทุกเช้าเลยครับพี่ ประมาณ 08.00 นี่เริ่มปวดเลยครับ  Cry
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2007, 11:50:38 am »

ปวดทุกเช้าเลยครับพี่ ประมาณ 08.00 นี่เริ่มปวดเลยครับ  Cry

ทรมานมากเลย เมียผมเป็นบ่อยครับ ผมเอากระเทียมให้กินเดี่ยวนี้ ลดลงครับแทบไม่มีอาการเลย
ข้อมูลบางอย่างเผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านต้นบ้าง
***********************************************************************
ข้อมูลของอาการไมเกรน
เอา "หัวกระเทียม" ที่ใช้เป็นยาแก้ "อาการปวดศีรษะข้างเดียว" หรือ "ไมเกรน" ได้อย่างชะงัดนัก
"หัวกระเทียม" ที่ใช้ในการปรุงอาหารต่าง ๆ อยู่ทุกเมื่อ เชื่อวันนี้แหละ เอามาแก้ "ไมเกรน" ได้เลย
วิธีการก็ได้แก่ เอา "หัวกระเทียม" มาแกะออกเป็นกลีบ ๆ เอามารับประทานกับน้ำพริกก็ได้ เอามาผัดกับผักก็ได้ รับประทานสด ๆ ก็ดี โดยรับประทานครั้งละ 10 กลีบ ทุก ๆ วัน
หรือจะเอา "กระเทียมแคปซูล" ก็ได้ เป็นกระเทียมที่บดละเอียดแล้ว เอามาบรรจุในแคปซูลกลืนกับน้ำสะอาด
สะดวกสบาย อาการปวดศีรษะข้างเดียวหรือ "ไมเกรน" ก็จะหายไปได้ในที่สุด แต่จะต้องรับประทานทุกวันตอ่
เนื่องกันไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ต้นปิ้ง เป็นต้นไม้ใบใหญ่มาก
ประมาณกางฝ่ามือสองมือแล้วเอามาต่อกัน
พระสมคิดบอกว่า เด็ดใบที่สาม-สี่-ห้า (ไม่แก่ไม่อ่อน)
เอามาวางสลับตามตั้งตามขวางสักสามสี่ใบ
ตักขี้เถ้าร้อนๆใส่ลงไปที่กลางใบแล้วรวบเป็นห่อ
นำมาอังที่ขมับหรือบริเวณที่เป็นไมเกรน
(คงคล้ายกับการประคบร้อนจากขี้เถ้า ถ้าให้เดา ก็คือความร้อนจะทำให้เส้นเลือดที่หดเกร็งจนปวดหัวได้รับความร้อนและขยายตัวผ่อนคลายลง อาการปวดหัวคลี่คลาย ประกอบกับใบปิ้งอาจจะมีตัวยาสมุนไพรบางอย่างทำให้ผลการประคบออกมาดี)
กำลังหาภาพต้นปิ้งขนาดใกล้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เป็นเนื้อหากล่าวถึง สาเหตุของการเกิดไมเกรนทั้งปัจจัยภายในร่างกาย และจากสิ่งแวดล้อมภายนอก อาการแสดงของโรค สิ่งที่มีผลกระตุ้นทำให้เกิดอาการไมเกรน ทั้งจากอาหาร (ซึ่งท่านจะได้ทราบว่าอาหารประเภทใดบ้างที่ทำให้อาการไมเกรนกำเริบขึ้นได้) ความเครียด ความอ่อนเพลีย ระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ เป็นต้น ทำให้ท่านเข้าใจโรคไมเกรนดีขึ้น และมีสมุนไพรที่รู้จักกันดีและเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ คือ Feverfew หรือมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tanacetum parthenium ซึ่งมีใช้ในยุโรปกันมาก และได้มีการรับรองแล้วว่าใช้ได้ผลดี จากการศึกษาวิจัย ทดลองใช้กับผู้ป่วยในคลินิคมาแล้ว พร้อมขนาดยาที่ใช้รักษา
•   อยากทราบว่า Feverfew คือสมุนไพรอะไร มีประโยชน์และโทษอย่างไร
คำตอบ : Feverfew มีซื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Tanacetum parthenium   เป็นสมุนไพรดั้งเดิมของทางยุโรป ปัจจุบันพบทั่วไปในยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ตามสรรพคุณพื้นบ้าน ใช้เป็นยาช่วยย่อย แก้ปวดหัว ล้างแผล แก้อักเสบ จากรายงานการวิจัย พบว่าใบบรรเทาอาการปวดไมเกรน แก้ไขข้ออักเสบ เป็นต้น ส่วนผลข้างเคียง ได้แก่ มีรายงานในผู้ป่วยไมเกรนประมาณ 10 % มีอาการ post-Feverfew syndrome หลังจากหยุดกิน Feverfew มีรายงานว่าระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร ปวดท้อง เป็นต้น

เป้าหมายของการรักษาไมเกรน คือ การระงับอาการที่เกิดจากโรคกำเริบเฉียบพลัน และป้องกันการเกิดครั้งต่อไปโดยวิธีการต่างๆ

การรักษาแบ่งออกได้เป็นแบบไม่ใช้ยา และแบบใช้ยา



การรักษาแบบไม่ใช้ยา


ฟังดูไม่น่าเชื่อว่า มาตรการต่างๆ บางอย่างทำให้อาการปวดศีรษะจากไมเกรนของคนบางคน หายไปได้ราวกับปลิดทิ้ง เช่น การปรับเปลี่ยนอาหาร อย่างไรก็ตาม ในคนไข้จำนวนมากยังคงมีอาการอยู่ แต่น้อยลงหลังการเปลี่ยนอาหารแล้ว

อาหารที่อาจกระตุ้นอาการมีอาทิเช่น
โยเกิร์ต
กล้วย
ผลไม้แห้ง
ถั่วต่างๆ
เนยแข็งที่เก็บไว้นาน
ผักดอง
ผงชูรส และน้ำตาลเทียมแอสพาร์เทม
เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์บางอย่าง เช่น ไวน์แดง และเบียร์
นอกจากอาหารแล้ว มาตรการที่เรียกว่า ไบโอฟีดแบ็ค (biofeedback) การนั่งทำสมาธิ และเทคนิคการผ่อนคลายต่างๆ รวมทั้งการออกกำลังกายแอโรบิก ล้วนมีประสิทธิภาพในการป้องกัน การกำเริบของไมเกรนได้ การแทรกแซงทางจิตวิทยาและจิตเวชอาจมีความจำเป็นในบางราย

ในบางประเทศจะมีการจัดตั้งคลินิกพิเศษเพื่อตรวจรักษาคนปวดศีรษะโดยเฉพาะ เนื่องจากคนปวดศีรษะจำนวนมากเทียวไปเทียวมาหาหมออยู่หลายคน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอาการก็ยังไม่ดีขึ้น การรักษาจึงยิ่งซับซ้อน หากได้คลินิกที่ให้ความสำคัญให้เวลา ให้ความรู้ความชำนาญในการจัดการกับอาการนี้ ก็จะช่วยลดความวิตกกังวล ความสิ้นเปลือง บ่อยครั้งทีเดียวที่การรักษาอาการปวดศีรษะในแต่ละคน จะเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง คนหนึ่งก็รักษาอย่างหนึ่งไม่ซ้ำกัน

แมกนีเซียม (magnesium)

แมกนีเซียมเป็นธาตุสำคัญของร่างกายและเป็นธาตุที่มีบทบาทในการเกิดโรคไมเกรน ดังจะเห็นจากหลายงานวิจัยที่พบว่าคนที่เป็นไมเกรนมีระดับธาตุแมกนีเซียมในร่างกายต่ำกว่าปกติ ครั้นเมื่อลองฉีดแมกนีเซียมซัลเฟต 1 กรัมเข้าเส้นเลือดให้แก่คนไข้ที่เป็นไมเกรนชนิดเฉียบพลัน 40 ราย ก็พบว่า 21 ราย หายปวดศีรษะโดยส่วนใหญ่ (80%) ของคนที่หายปวดมีระดับแมกนีเซียมในเลือดต่ำ

ไรโบฟลาวิน (riboflavin) หรือวิตามินบี 12

มีบางงานวิจัยที่บอกว่า วิตามินบี 12 ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนได้แต่เป็นงานวิจัยขนาดเล็ก ที่ทดลองกับคนไข้ไมเกรนเพียง 55 ราย

สมุนไพร

มีสมุนไพรบางชนิด เช่น feverfew ที่นำมาทดลองแบบวิทยาศาสตร์แล้วได้ผลในเชิงป้องกันไมเกรน จึงมีคนสมองใสนำไปผสมกับแมกนีเซียมและไรโบฟลาวินเป็นสูตรผสมใช้รักษาไมเกรน
การรักษาแบบใช้ยา
แบ่งตามวัตถุประสงค์การใช้ออกได้ เป็น 2 แนวคือ

แนวทางที่ 1 ยาที่ระงับหรือบรรเทาอาการปวดศีรษะจากไมเกรนเฉียบพลัน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุดเพราะคนซึ่งกำลังปวดแทบระเบิดอยู่นั้น สิ่งที่เขาต้องการคือ ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้อาการปวดศีรษะหายไป

ยาที่เลือกใช้ได้แก่
แอสไพริน ซึ่งถ้าจะให้ออกฤทธิ์เร็วๆ ต้องใช้แอสไพรินชนิดใส่น้ำแล้วเป็นฟองฟู่ (effervescent tablet) เช่น อัลกาเซลเซอร์
พาราเซทตามอล หรือ อะเซทตามิโนเฟน
dextropropoxyphene
โคเดอีน (codgine)
เออร์กอท (ergot) เฉยๆ หรือ ergotc ผสมคาเฟอีน แต่ยานี้อาจทำให้คลื่นไส้ได้จึงอาจหลีกเลี่ยง โดยเปลี่ยนไปใช้ยาแบบเหน็บทวารหนัก ยานี้มีข้อห้ามใช้ในกรณีหญิงตั้งครรภ์ คนที่เป็นโรคเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจหรือแขนขาตีบตัน
dihydroergotamine (DHE-45) เป็นสารที่มีต้นแบบจากเออร์กอท แต่ใช้ฉีดหรือพ่นจมูก ในกรณีที่มีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วยจากไมเกรนเองหรือจากยาก็ให้ใช้ยาแก้คลื่นไส้ เช่น ยากลุ่ม prochlorperazine ได้แก่ compazine หรือ metoclopraminde ยากลุ่ม perphenazine หรือยากลุ่ม chlorpromazine ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีฉีดเข้ากล้าม
ยาแก้ปวด ที่แรงขึ้นหน่อยคือ meperidine ซึ่งมักใช้ในการรักษาแบบฉุกเฉิน เวลาเกิดไมเกรนรุนแรงเฉียบพลันแต่ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ
ยากลุ่มลดอักเสบ ที่ไม่มีสารสเตียรอยด์ (nonsteroidal anti-inflammatory drugs หรือ NSAID) นอกจากแอสไพรินแล้ว ยังมียากลุ่มที่เรียกย่อๆ โดยรวมว่ายาเอ็นเสด (NSAID) ซึ่งใช้แพร่หลายในกรณีโรคข้ออักเสบแต่นำมาบำบัดไมเกรนรุนแรงระดับปานกลาง ถึงรุนแรงมากได้ เช่น
1.ยาแนปโปรเซน โซเดียม (naproxen sodium)
2.แอสไพรินชนิดรับประทานขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม หรือชนิดฉีดเข้าเส้น
ยาแก้ปวดเหล่านี้ควรรับประทานหรือฉีดทันทีที่มีอาการเตือน (aura) หรือทันทีที่เริ่มปวดศีรษะ จึงจะทำให้ได้ผลดี

ยาใหม่ๆ สำหรับไมเกรน

จากการที่นักวิจัยทำการศึกษาไมเกรนมาอย่างต่อเนื่องทำให้ทราบว่าขณะเกิดอาการเฉียบพลันขึ้น นั้นมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีชนิดในสมองโดยเฉพาะจุดซึ่งเรียกว่า 5HT1B/1D serotonin receptor ดังนั้นถ้าใช้ยาที่ไปเกาะกับจุดนี้แล้วอาการปวดจะหายไปหรือบรรเทาลง ยานี้คือ
1. sumatriptan (imitrex) ซึ่งมีทั้งแบบฉีด แบบรับประทานและแบบพ่นจมูก แบบฉีดก็สะดวก คนไข้ฉีดให้ตัวเองได้
ยานี้ห้ามใช้ในคนที่มีความดันโลหิตสูงแล้วควบคุมไม่ได้ โรคหัวใจขาดเลือด และไมเกรนชนิดมีโรคแทรกต่อระบบประสาท
2. zolmitriptan (zomig) และ rizatriptan (maxalt) ซึ่งเป็นยากลุ่ม triptan รุ่นใหม่ออกฤทธิ์เร็วกว่า sumatriptan
แนวทางที่ 2 ยาป้องกันการกำเริบของไมเกรน

สำหรับคนที่มีอาการไมเกรนกำเริบเดือนละ 2 ครั้งขึ้นไปหรือไม่บ่อยเท่านั้นแต่ว่าทุกครั้งที่กำเริบ จะมีอาการรุนแรงและกินเวลานานจนมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมาก ยาที่ใช้ป้องกันมีอาทิเช่น
ยาปิดกั้นเบต้า เช่น propanolol, timolol ขนาด 40-240 มก./วัน
ยาปิดกั้นช่องแคลเซียม
ยาเอ็นเสด
ยากล่อมประสาทกลุ่ม tricyclig antidepressants (TCA)
monoamine oxidase inhibitors (MAOIS)
ยากลุ่มเออร์กอท
alpha agonist
antiserotonin agents (SSRI) เช่น fluoxetine (prozac), sertraline (zoloft), paroxetine (paxil)
divalproex sodium (depakote)
ที่ไม่อธิบายยากลุ่มต่างๆ โดยละเอียดเพราะจะเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับท่านผู้อ่าน จึงขอให้เป็นหน้าที่ของหมอในการพิจารณาเลือกใช้
หลักการเลือกใช้ยา
ในกรณีของไมเกรนที่มีอาการปวดศีรษะขนาดเบาจนถึงขนาดปานกลางนั้น ยาแก้ปวดขนานธรรมดา หรือยากลุ่มเอ็นเสดก็เพียงพอแล้ว ส่วนกรณีอาการที่รุนแรงกว่านี้จึงจะพิจารณาใช้ยากลุ่ม triptan หรือเออร์กอท
บันทึกการเข้า
prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2007, 01:11:40 pm »

ปวดทุกเช้าเลยครับพี่ ประมาณ 08.00 นี่เริ่มปวดเลยครับ  Cry


อาการของท่านเป็นตั้งแต่ 08.00น - 17.00น ทุกวันหรือเปล่าละครับ น่าสงสารนะ
อย่าไปเครียดมากซิครับ  เรื่องงานวางๆเลยบ้างให้ลูกน้องทำบ้างก็ได้ท่าน winai4u  Grin  Sad
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
winai4u-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน673
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3025



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2007, 01:15:05 pm »

ผมปวด ไม่นานครับ กินยา Asprilin หายครับ(ยาทัมใจ)

แต่เค้าว่า ถ้ามีเมียแล้วจะหายจริงเปล่าครับพี่ ๆ   Tongue  Tongue  Tongue
บันทึกการเข้า
worathep-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน712
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5066


รุ่งเรืองอิเล็กทรอนิกส์


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2007, 01:17:55 pm »

ผมปวด ไม่นานครับ กินยา Asprilin หายครับ(ยาทัมใจ)

แต่เค้าว่า ถ้ามีเมียแล้วจะหายจริงเปล่าครับพี่ ๆ   Tongue  Tongue  Tongue


ไมแกรนหายแน่นอน  แต่เป็นอย่างอื่นแทน    ฮาฮาฮาฮาๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

รับซ่อม TV-computer                    มี TV มือสองขาย  
รับสอนซ่อม-ประกอบคอมพิวเตอร์      มีจอมอนิเตอร์มือสองขาย
ซ่อม อัพเกรด ประกอบคอมฯ             มีคอมพิวเตอร์มือสองขาย
รับติดตั้ง วางระบบแลน อินเตอร์เน็ต
ราคาคุยกันได้ โทร 02-6934724
prom jantapho
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน413
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4845


ทำดีเท่าที่ทำได้


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2007, 01:36:33 pm »

ผมปวด ไม่นานครับ กินยา Asprilin หายครับ(ยาทัมใจ)

แต่เค้าว่า ถ้ามีเมียแล้วจะหายจริงเปล่าครับพี่ ๆ   Tongue  Tongue  Tongue


ไมแกรนหายแน่นอน  แต่เป็นอย่างอื่นแทน    ฮาฮาฮาฮาๆๆๆๆๆๆ

ปวดหัวไมเกรนหาย  แล้วหันมาปวดหัวอย่างอื่นแทนหรือครับพี่ วรเทพ  Grin  Tongue  Undecided
บันทึกการเข้า

สามารถติดต่อได้ที่ 0841987970
worathep-LSV team
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน712
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5066


รุ่งเรืองอิเล็กทรอนิกส์


อีเมล์
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2007, 01:46:59 pm »

ท่าน prom เข้าใจถูกแล้วครับ  คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ยังจริงเสมอ
บันทึกการเข้า

รับซ่อม TV-computer                    มี TV มือสองขาย  
รับสอนซ่อม-ประกอบคอมพิวเตอร์      มีจอมอนิเตอร์มือสองขาย
ซ่อม อัพเกรด ประกอบคอมฯ             มีคอมพิวเตอร์มือสองขาย
รับติดตั้ง วางระบบแลน อินเตอร์เน็ต
ราคาคุยกันได้ โทร 02-6934724
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!