บีโอไอแถลงยิ่งใหญ่ในรอบ 40 ปี พบ ปี 2552 ตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 7.2 แสนล้านบาท ผลพวงจากปีแห่งการลงทุนกำหนดมาตรการพิเศษให้ เผยกิจการบริการ-สาธารณูปโภค ยื่นขอรับการส่งเสริมสูงสุด
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่าภาวะการลงทุนในปี 2552 ที่ผ่านมาถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่มีการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยมากว่า 40 ปี จากการรวบรวมสถิติคำขอรับการส่งเสริมล่าสุดพบว่ามีโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 1,573 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 723,400 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีปัจจัยดี ๆ ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมีความ เชื่อมั่น แม้จะอยู่ในช่วงแก้ไขปัญหาการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด
ทั้งนี้การขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวนมากช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการพิเศษกระตุ้นการลงทุนตามนโยบายปีแห่งการลงทุน พ.ศ. 2551-2552 ที่ให้สิทธิประโยชน์เป็นพิเศษแก่กิจการ 6 กลุ่มอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดลงในปี 2552 ส่งผลให้มูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ขอรับส่งเสริมในปี 2552 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ช่วงต้นปีที่ 400,000 ล้านบาท ถึง 323,400 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 80
สำหรับอุตสาหกรรมทสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุดคือ กลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค 709 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 430,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ต้องการลงทุนด้านพลังงานทดแทน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม, การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์, การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ
รองลงมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 219 โครงการ มูลค่า 100,900 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์, กิจการผลิตแผงวงจรรวม, กิจการผลิตชิ้นส่วนกล้องดิจิทัล, กิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ และกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น
อันดับ 3 อุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร 212 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 66,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่สนใจลงทุนในกิจการผลิตพลังงานทดแทนจากพืช เช่น เอทานอล/ไบโอดีเซล, กิจการผลิตอาหารสำเร็จรูปและอาหารแปรรูป อันดับ 4 อุตสาหกรรมยานยนต์ชิ้นส่วน เครื่องจักร และโลหะ 217 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 55,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ทั้งชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ทั่วไปและชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ
ด้านสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เหตุที่ตัวเลขขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการส่งเสริมลงทุน ภายใต้นโยบายปีแห่งการส่งเสริมการลงทุน 2551-2552 ได้สิทธิประโยชน์สูงสุด ดึงดูดให้นักลงทุนขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวนมาก ทำให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนอาจจะต้องทบทวนตั้งเป้าหมายขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2553 ใหม่ จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ 500,000 ล้านบาท รวมถึงทบทวนการขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้ปีแห่งการส่งเสริมการลงทุนด้วย
http://www.norsorpor.com/