ญาณระลึกชาติ (หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ญาณระลึกชาติ (หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)  (อ่าน 2499 ครั้ง)
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 10, 2009, 03:47:57 pm »

ญาณระลึกชาติ
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม



สำหรับ ญาณการระลึกรู้อดีตชาตินี้ ศิษย์ผู้ใกล้ชิด ผู้ใฝ่ในการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ ได้เคยขอโอกาสกราบเรียนถาม หลวงปู่ก็ยอมเล่าให้ฟังบ้าง ท่านเล่าว่า ท่านไม่ได้ระลึกชาติได้มากมายอะไร ที่สมเด็จพระพุทธองค์ทรงระลึกได้อเนกชาติหาประมาณมิได้นั้น เพราะท่านทรงมหาสติ มหาปัญญา มหาบารมี สำหรับท่านนี้ เท่าที่ระลึกได้ ท่านไม่เคยเป็นกษัตริย์ มักจะเป็นแต่คนทุกข์ยากเสียมากกว่า

เคย เป็นพ่อค้าขายผ้าชาติลาว ออกเดินทางมากับพ่อเชียงหมุน (อุปัฏฐากคนหนึ่งในชาตินี้) ข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งนี้ มาทานผ้าขาวหนึ่งวา และเงิน 50 สตางค์ บูชาถวายพระธาตุพนม พร้อมทั้งอธิษฐานขอให้ได้บวช ได้พ้นทุกข์ ท่านเล่าว่าท่านเคยมาช่วยสร้างพระธาตุพนมด้วย สมัยพระมหากัสสปะเถรเจ้า พระธาตุพนมนี้สร้างก่อนพระปฐมเจดีย์

ท่าน เคยเกิดเป็นคนยาง อยู่ในป่า เคยเกิดเป็นทหารพม่า มารบกับไทย ยังไม่ทันฆ่าคนไทย ก็ตายเสียก่อน เคยเกิดอยู่เมืองปัน พม่า ชาตินี้ท่านก็ได้กลับไปดูบ้านเกิดในชาติก่อนที่เมืองปันด้วย
เคยเป็นทหาร ไปหลบภัยที่ถ้ากระ เชียงใหม่ และเคยตายเพราะอดข้าวที่นั่น
ท่านเคยเป็นพระภิกษุ รักษาศีลอยู่กับพระอนุรุทธะ เคยเป็นสามเณรนัอยลูกศิษย์พระมหากัสสปะ
เคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหมในพรหมโลก

สำหรับ การเกิดเป็นสัตว์นั้น ท่านเล่าว่า ท่านก็ผ่านพ้นมาอย่างทุกข์ยากแสนเข็ญเช่นกัน เช่น เคยเกิดเป็นผีเสี้อ ถูกค้างคาวไล่จับเอาไปกิน ที่ถ้ำผาดิน เคยเกิดเป็นฟาน หรือเก้ง ไปแอบกินมะกอก กินไม่ทันอิ่มสมอยาก ก็ถูกมนุษย์ไล่ยิง เขายิงที่โคกมน ถูกที่ขาวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไปตายที่บ้านม่วง เมื่อครั้งเกิดเป็นหมี ไปกินแตงช้าง (แตงร้าน) ของชาวบ้านถูกเจ้าของเขาเอามีดไล่ฟัน ถูกหัวและหู เคราะห์ดีไม่ถึงตาย แต่ก็บาดเจ็บมาก ต้องทนทุกข์ทรมาน จนกระทั่งหายไปเอง

เคย เกิดเป็นไก่ มีความผูกพันรักชอบนางแม่ไก่สาว จึงอธิฐานให้ได้พบกันอีก ทำให้กลับมาเกิดเป็นไก่ซ้ำอีกถึง 7 ชาติ เคยเกิดเป็นปลาขาว อยู่ในสระ ณ บริเวณซึ่งปัจจุบันคือสวนบ้าน พล.อ.อ. พโยม เย็นสุดใจ

ท่าน เล่าชีวิตของการเกิดเป็นสัตว์นั้นแสนลำเค็ญ อดอยากปากแห้งมีความรู้สึกร้อนหนาว หิว กระหาย เหมือนมนุษย์ แต่ก็บอกไม่ได้พูดไม่ได้ ต้องซอกซอนไปอยู่ตามป่า ตามเขา ตามประสาสัตว์ ฝนตกก็เปียก ก็หนาวสั่น แดดออก ก็รัอน ก็ไหม้เกรียม อาศัยถ้ำ อาศัยร่มไม้ไปตามเพลง บางทีมาอยู่ใกล้หมู่บ้าน หิว กระหาย เห็นพืชผลที่ควรกินได้ เป็นอาหารได้ พอจะหยิบฉวยจับใส่ปากใส่ท้องได้บ้าง ก็กลับกลายเป็นของที่เขาหวงห้ามมีเจ้าของ ต้องถูกเขาขับไส ไล่ทำร้าย มะกอกสักหน่วย กล้วยสักลูก แตงสักผล…หยิบปลิดมาใส่ปากกินยังไม่ทันอิ่มท้อง มนุษย์ก็ไล่ยิง ไล่ฟัน ของเพียงเล็กน้อย แต่ต้องแลกด้วยชีวิตทั้งชีวิต ชีวิต…ซึ่งจะเป็นชีวิตของคน หรือชีวิตของสัตว์…ของสัตว์ใหญ่ หรือ…ของสัตว์เล็ก ก็คือชีวิตดวงหนึ่งเหมือนกัน

ชีวิต ที่เวียนว่าย วนอยู่ในกองทุกข์ตามอำนาจกรรม ที่กระทำมานี้ แต่บางทีภพชาตินั้นก็ยืดยาวต่อไปด้วยอำนาจกิเลสตัณหายยกตัวอย่างเช่น ตอนท่านเกิดเป็นไก่ ใจนึกปฏิพัทธ์รักใคร่นางแม่ไก่ชื่นชอบภพชาติที่เป็นไก่ของตน ปรารถนาขอให้ได้พบนางแม่ไก่อีกก็ต้องวนเวียนกลับมาเกิดเป็นไก่อยู่เช่นนั้ น ท่านเล่าว่า แม้ท่านพระอาจารย์มั่นเอง เมื่อท่านระลึกชาติได้เห็นภพชาติที่เวียนวนกลับไปเกิดเป็นสุนัข ถึงหมื่นชาติ ท่านบังเกิดความสลดสังเวช ถึงกับขออธิฐานเลิกปรารถนาพูทธภูมิ เพราะการจะบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตนั้น ท่านต้องบำเพ็ญต่อไปอีกเป็นแสนกัปแสนกัลป์ และหากเกิดกิเลสตัณหา ติดข้องผูกพันรักใคร่ ปรารถนาพบรัก พบทุกข์อยู่นั้นแล้ว การเดินทางในภพชาติก็จะยืดเยื้อเยิ่นยาวต่อไปเป็นอนันตกาล เคราะห์ดี ที่ท่านเกิดสลดสังเวชคิดได้ ขอตัดขาด ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพระอาจารย์มั่น จึงสามารถดำเนินความเพียรเร่งรัดตัดตรงเข้าสู่พระนิพพานเป็นผลสำเร็จได้

พร้อม กับที่เล่าให้ศิษย์ฟังเรื่องการระลึกชาติ ท่านจะชี้ภัยของการท่องเที่ยว เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปในภพต่างๆ ให้ฟังเสมอ ท่านเตือนย้ำว่า การกำหนดระลึกรู้ได้เหล่านี้ เป็นเพียงผลพลอยได้ จากการบำเพ็ญเพียรภาวนาให้จิตสงบ หากเกิดขึ้นก็รับรู้ นำมาพิจารณาให้เห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นอริยสัจ 4 ถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเจ้าของฟาดฟันกิเลสให้ย่อยยับอัปราไปโดยเร็ว

ไม่ใช่ มัวนึกหลง นึกดีใจ เกิดมานะ ว่าเราเก่งกล้าสามารถกว่าคนอื่น นั่นเป็นทางหายนะ….!
เพราะปุพเพนิวาสานุสติญาณ เป็นเพียงโลกียญาณ ไม่ใช่โลกุตตรญาณ…! ถ้าเจ้าของไม่เร่งดำเนินเข้าสู่ทางไปสู่อาสวักขยญาณหรือญาณซึ่งถอดถอนอาสว กิเลสให้สิ้นไปดับไป ญาณระลึกรู้อดีตชาติซึ่งเป็นโลกียญาณก็ย่อมจะเสื่อมได้

ขอขอบคุณที่มา


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: