ไม้ขีดไฟแสงประกายในอดีต
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 24, 2024, 02:49:44 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไม้ขีดไฟแสงประกายในอดีต  (อ่าน 4066 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 10, 2009, 03:53:37 pm »





ภาพจาก หนังสือเรื่อง สิ่งพิมพ์คลาสสิค

 







ประวัติไม้ขีดไฟ
          ไม้ขีดไฟกำเนิดขึ้นในค.ศ.1827 โดยนักเคมีชาวอังกฤษชื่อจอห์น วอล์คเกอร์ ไม้ขีดที่ทำขึ้นทำจากเศษไม้จุ่มปลายด้วยส่วนผสมของแอนติโมนีซัลไฟด์ โปตัสเซียมคลอเรต และกาวจากยางไม้ เมื่อเอาไม้ขีดที่ทำขึ้นมานั้นไปขีดกับอะไรที่มีผิวที่หยาบๆ  เช่น กระดาษทราย ก็จะทำให้เกิดการเสียดสีจนเกิดประกายไฟ ไม้ขีดแบบนี้เรียกกันว่า ลูซิเฟอร์ ผู้ถือแสงสว่าง แต่ไม้ขีดที่มีส่วนผสมชนิดนี้มีปัญหาตรงที่ขีดติดบ้างไม่ติดบ้าง

          ต่อมาใน ค.ศ.1930  ชาร์ลส์ โซเรีย ชาวฝรั่งเศสได้ผลิตไม้ขีด ไฟที่ปลายหุ้มด้วยฟอสฟอรัสเหลืองซึ่งมีคุณสมบัติติดไฟได้ดี แต่ฟอสฟอรัสเหลืองเป็นวัตถุมีพิษ ทำให้คนในโรงงานไม้ขีดป่วยเป็นโรคที่เรียกว่า Phossy Jaw ซึ่งโรคนี้มีอาการร้ายแรงถึงขั้นพิการและเสียชีวิตเลยก็ว่าได้

          ต่อมาในปี ค.ศ.1940  มีการค้นพบฟอสฟอรัสแดงที่มีความปลอดภัยในการทำไม้ขีดไฟขึ้น โดยไม้ขีดไฟชนิดนี้จะจุดได้ก็ต่อเมื่อขีดลงบนพื้นที่ที่เตรียมไว้เท่านั้น ส่วนหัวไม้ขีดนั้นจะถูกหุ้มด้วย โปตัสเซียมคลอเรต และข้างกล่องไม้ขีดไฟจะถูกฉาบด้วยฟอสฟอรัสแดง เมื่อโปตัสเซียมคลอเรต ตกกระทบหรือเสียดสีกับฟอสฟอรัสแดงจะเกิดปฏิกิริยาความร้อนมากพอที่จะทำให้จุดไฟติดได้ ส่วนวัสดุก็ใช้ทำก้านไม้ขีดไฟได้ด้วย เช่นด้วยเคลือบขี้ผึ้ง และกระดาษแข็งเคลือบขี้ผึ้ง แต่ไม้เป็นวัสดุที่ใช้ทำก้านไม้ขีด ได้ดีที่สุด ไม้สำหรับทำก้านไม้ขีดควรจะเป็นไม้สีขาว ไม่มีกลิ่น เนื้อไม้ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไปนิยมใช้ไม้มะยมป่า ไม้มะกอก ไม้อ้อยช้าง ไม้ปออกแตก เป็นต้น ก่อนจุ่มทำหัวไม้ขีดจะต้องเอาปลายก้านไม้ขีดที่จะติดหัวนั้นไปจุ่มขี้ผึ้งพาราฟินก่อน หากเนื้อไม้แข็งเกินไปก็จะไม่ดูดซึม พาราฟิน พาราฟิน นี้จะเป็นตัวส่งผ่านจากหัวไม้ขีดไปสู่ก้านไม้ขีดหากไม่มีพาราฟินพอขีดไฟติดปุ๊บไฟก็จะดับปั๊บ และหากเนื้อของไม้อ่อนไปก้านไม้ขีดก็จะไม่คงรูปเป็นก้านตรงได้

ไม้ขีดไฟในประเทศไทย
          ไม้ขีดไฟยุคแรกๆ ที่เข้ามาขายในเมืองไทยเข้ามาประมาณกลางสมัยรัชกาลที่ 4 โดยเป็นไม้ขีดจากประเทศสวีเดนที่มีบาทหลวงมาเผยแพร่ศาสนานำเข้ามา และต่อมาก็เป็นไม้ขีดไฟของญี่ปุ่นที่มีการจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งไม้ขีดไฟเหล่านี้จะมีตราและสลากบนกล่องไม้ขีดไฟมากมายโดยนักสะสมไม้ขีดไฟจะเรียกฉลากไม้ขีดไฟนี้ว่า "หน้าไม้ขีดไฟ" นักสะสมที่รวบรวมสะสมหน้าไม้ขีดไฟนิยมเก็บไว้ในสมุดบัญชีเล่มใหญ่ๆแล้วปิดกาวหรือเจาะกระดาษสอดมุมไว้ ไม้ขีดไฟของญี่ปุ่นนั้นจะมีมากกว่าประเทศอื่นโดยจะมีรูปหน้าไม้ขีดหลายรูปแบบ ได้แก่ รูปคน รูปสัตว์ รูปผลไม้ รูปดอกไม้ และจะมีคำว่า "เมด อิน เจแปน" เป็นภาษาอังกฤษบอกไว้ข้างใต้หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของหน้าไม้ขีดเพื่อบ่งบอกว่าไม้ขีดไฟนั้นมาจากประเทศญี่ปุ่น และในสมัยรัชกาลที่ 5 นี้ญี่ปุ่นก็ได้ทำ หน้าไม้ขีดไฟเป็น ภาพวาดของรัชกาลที่ 5 ทรงม้าในหลายๆ แบบ โดยใต้รูปจะเขียนเป็นภาษาไทย ว่า "พระรบ" ซึ่งที่จริงแล้วน่าจะเป็นคำว่า "พระรูป" มากกว่าแต่เนื่องจากญี่ปุนคงเผลอลืมใส่ ป ปลา แทน บ ใบไม้ และลืมใส่ สระ อู หรือไม่งั้นก็เพราะชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยจะรู้ภาษาไทยมากมายเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ยังมีรูปทหารยืนถือธงช้างอยู่ข้างพระองค์และรูปช้างสองเชือกหันหน้าเข้าหาพระจุลมงกุฎหรือพระเกี้ยว ซึ่งเป็นตราประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 5 รูปบนหน้าไม้ขีดไฟหรือที่เรียกกันว่าศิลปะบนกลักไม้ขีดไฟยังมีอีกมาก ซึ่งรูปวาดเหล่านี้ก็อาจจะวาดเพื่อการโฆษณาสินค้า หรือมีเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์

          ต่อมาในรัชกาลที่ 7  คนไทยก็สามารถผลิตไม้ขีดไฟเอง ได้ทำให้การนำเข้าไม้ขีดต่างประเทศลดลงในที่สุด โรงไม้ขีดในไทยยุคต้นๆ ได้แก่ บริษัทมิ่นแซจำกัด  ผลิตตรานกแก้ว  ตรารถกูบ , บริษัทตังอาจำกัด ผลิตตรามิกกี้เม้าท์ ตราแมวเฟลิกซ์, บริษัทไทยไฟ ผลิตตรา 24 มิถุนา เป็นรูปพระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นที่ระลึกในการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย บริษัทเอเชียไม้ขีดไฟจำกัด ผลิตชุด ก.ไก่ ข.ไข่ ซึ่งการผลิตหน้าไม้ขีดนี้ก็เพื่อให้ประชาชนที่ใช้ไม้ขีดไฟได้รับความรู้อีกทางหนึ่ง บริษัทสยามแมตซ์แฟ็กตอรี่ ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นบริษัทไม้ขีดไฟไทย ผลิตตรา ธงไตรรงค์ ตราพระยานาค ซึ่งมีขายมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

ไม้ขีดไฟกับโลกในปัจจุบัน
          สถานการณ์ของไม้ขีดไฟในปัจจุบันเริ่มลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานการผลิตไม้ขีดไฟ หรือสินค้าที่ผลิตออกมาจำหน่าย  ซึ่งหากหาสาเหตุของการลดลงนี้ก็คงไปพ้นคำว่า "เทคโนโลยี"  โดยในปัจจุบันสังคมที่เราอยู่กันนี้เป็นยุค ไอที ยุคการสื่อสาร ยุคเทคโนโลยี และเป็นที่แน่นอนว่าสินค้าต่างๆ ที่ผลิตมาอุปโภค บริโภค ก็ต้องสนองความต้องการของคนในยุคนี้ให้ดีที่สุด ความต้องการในข้อนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย ทำให้ไม้ขีดไฟที่มีข้อจำกัดในการใช้ในบางสถานการณ์เช่นไม้ขีดไฟที่ชื้นจากการเปียกน้ำจะใช้ไม่ได้ นี่ก็คือข้อบกพร่องอย่างหนึ่งของไม้ขีดไฟในการพกพาไปตามสถานที่ต่างๆ ได้สะดวก เทคโนโลยี เลยมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตสินค้า มาใช้แทน ไม้ขีดไฟ และนั่นก็คือ "ไฟแช็ค" นั่นเอง ซึ่งไฟแช็คนี้มีความสะดวกสบายกว่าไม้ขีดไฟ สามารถสนองตอบต่อความต้องการของคนในยุคนี้ได้ดีกว่า ไม้ขีดไฟซึ่งกำลังจะกลายเป็นตำนานไปแล้วในไม่ช้า

ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยราคำแหง กับวิชาการดอทคอม
www.lib.ru.ac.th


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

sompongc♥
ซุปเปอร์ วีไอพี
member
*

คะแนน54
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 220


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2009, 11:56:08 am »

ดีจัง..  ได้ความรู้  บวกความสนุกเพิ่มครับ...ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!