"มือถือ"โทร.นานไม่ดี คลื่น-รังสีไหลเข้าสมองอย่างที่เคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง
ขณะนี้ยอดผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือทั่วโลก มีมากกว่า 2 พันล้านคนแล้ว
ความที่ "มือถือ" เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ใกล้ตัวมนุษย์เรามาก
อีกทั้งยังมีคุณสมบัติแผ่รังสี-คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic waves) ในย่านเดียวกับความถี่คลื่นไมโครเวฟ
ทำให้เกิดความวิตกกังวลกันว่า คลื่นที่เกิดขึ้นจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "สมอง" หรือไม่
ที่ผ่านมา ฝ่ายอุตสาหกรรมมือถือก็นั่งยันนอนยันมาตลอด...
จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ฟันธง 100% ว่า มือถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ด้านฝ่ายนักวิจัยหลายสถาบันทั่วโลกก็พยายามเตือนผ่านสื่อ...
การใช้มือถือเป็นเวลานานๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อของมนุษย์แน่นอน
ผลวิจัยที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง คือ "โครงการรีเฟล็กซ์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (อียู) และชี้ว่า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากมือถือที่มีกำลังส่ง 2 วัตต์นั้นสามารถทำลาย "ดีเอ็นเอ" ในเซลล์ของมนุษย์ได้
เมื่อเซลล์ได้รับความเสียหายแล้วก็อาจกลายสภาพไปเป็นเซลล์มะเร็ง
อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยรีเฟล็กซ์ย้ำด้วยว่า ไม่อยากให้ผู้ใช้มือถือตกใจกลัวเกินกว่าเหตุ
เพราะระดับความเสียหายของเซลล์จากคลื่นมือถือไม่ถึงขั้นร้ายแรง และยังต้องวิจัยเจาะลึกต่อไปอีก 4 ปีกว่าจะได้ข้อสรุป
สิ่งที่ทีมรีเฟล็กซ์ ต้องการบอกกับชาวโลก คือ ถ้าไม่จำเป็นก็เลี่ยงการใช้มือถือ หันไปใช้โทรศัพท์มีสายตามปกติเสียบ้าง
นอกจากนั้น การเลือกซื้อมือถือก็ไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องที่มีกำลังส่งแรงๆ เสมอไป (ปัจจุบันมีหลายประเทศห้ามวางจำหน่ายมือถือกำลังรับส่งแรงกว่า 1 วัตต์)
ในกลุ่มผู้ใช้ที่ยังเป็นเด็ก มีงานวิจัยหลายชิ้นแนะว่า ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้มือถือ หรือถ้าอยากคุยก็ขอให้คุณหนูๆ คุยกันสั้นๆ หน่อย อย่าเมาธ์เป็นชั่วโมงๆ
สาเหตุเพราะ "สมอง" ของเด็กกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา และกระโหลกก็ยังบางๆ อยู่ ทำให้คลื่นมือถือทะลุทะลวงเข้าไปสร้างความเสียหายได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่
ข่าวแนะนำวิธีใช้มือถืออย่างปลอดภัยแบบนี้มีรายงานตามสื่อเป็นระยะๆ ครับ
แต่น่าแปลกใจที่ "บริษัทมือถือ" ทั้งหลายยังคงทำการตลาด มุ่งกระตุ้นให้เด็กใช้มือถือไม่บันยะบันยัง!?!
เครดิต :
www.matichon.co.th/khaosod