แปะตำปึง... สมุนไพรจากสวรรค์ ...

[ช่างเล็ก(LSV)]

ต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกเว็บไซต์ก่อนครับ จึงจะมองเห็นภาพ http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?action=register

บางท่านอาจจะเรียกว่า เทพประทาน ...
สรรพคุณสมุนไพรตัวนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆเป็นอย่างยิ่ง  อย่างน้อยก็ช่วยขับสารพิษตะกั่วออกจากร่างกาย ..

[ช่างเล็ก(LSV)]

ขออนุญาตคัดข้อความจาก  http://members.thai.net/bukkraเพื่อเป็นความรู้แก่ทุกท่านที่ต้องการทราบข้อมูลของสมุนไพรดีๆตัวนี้ครับ

ต้นยาแปะตำปึง

               ต้นแปะตำปึงเดิมเป็นต้นยามาจากประเทศจีน  ลักษณะของใบยาจะหนานุ่มคล้ายกำมะหยี่ รสชาดของใบยาคล้ายชมพูที่ยังไม่แก่ 

                   สรรพคุณ   ของใบยา ได้แก่ จะฟอกเลือด  ปรับระบบเลือดให้ดีขึ้น  น้ำเหลืองจะดีขึ้น  รักษาแผลภายใน - ภายนอก  ชะล้างสารพิษภายในร่ายกายออกทาง (อุจจาระ  ปัสสาวะ  และทางตา)  ทำให้กินข้าวใด้นอนหลับอาการปวดต่าง ๆ ก็จะหาย  ระบบหายใจจะดีขึ้นไม่เหนื่อยหอบ  ขับลมแน่นภายในช่องท้อง  โรคที่ใบยาแปะตำปึง  ได้รักษาหายมาแล้ว  ได้แก่โรคเบาหวาน  ความดันสูง-ต่ำ  โรคหืดหอบ-ภูมิแพ้  โรคมะเร็งทุกชนิด  ริดสีดวงทวารหนัก  งูสวัด โรคเก๊า  ขับนิ่ว  แผลสะเก็ดเงิน  แผดฝีหนองทั่วไป  โรคหัวใจ  โรคโลหิตจาง  เนื้องอกต่าง ๆ ในไต  ปวดเหงือก  ปวดฟันแผลอักเสบ  ปวดท้องประจำเดือน  คอเรสเตอรอล  ไขมันในเส้นเลือด  ไทรอยท์  ปวดเส้น  ปวดหลัง  โรคกระเพาะ ดวงตาที่เป็นต้อ  ดวงตาอับเสบ  ขุ่นมัว  โรคผิวหนังทั่วไป  (สิว  ฝ้า  เป็นด่าง) <โรคเอดส์ถ้าทานใบยาก็จะมีผลให้สุขภาพดีขึ้น> 

                   วิธีการรับประทาน ใบสด  ควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง  ประมาณ 2,3 หรือ 5 ใบ  เวลาที่ควรรับประทานใบยาที่ดีที่สุดคือ  ตี 5-7 โมงเช้า  เพราะลำไส้เริ่มทำงาน  ท้องยังว่างอยู่จะได้ผลเร็ว  ถ้าบางท่านที่ปวดเหงือก - ปวดฟัน ปากเป็นแผลลำคออักเสบ  ควรรับประทานใบยาในเวลากลางคืน (แปรงฟันให้เรียบร้อย)  ค่อยรับประทานใบยาเคี้ยวและอมทิ้งไว้สักระยะเวลาหนี่งแล้วค่อยกลืน  ผลที่จะได้รับคือ  ตื่นเช้าอาการปวดจะหายไป  จะขับถ่ายโล่งสบาย  จะมีขี้ตาออกมาเยอะหน่อย เพราะใบยาจะขับสารพิษออกทางตา  ถ้าใครปวดท้องและเป็นโรคกระเพาะให้รับประทานใบยาเดี่ยวนั้น  สักพักหนึ่งอาการปวดของโรคกระเพาะก็จะหายไป  ยังช่วยขับลมแก๊สที่แน่นในท้องออกด้วย  ยังสามารถนำใบยาแปะตำปึงใปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก นอกเหนือจากรับประทานใบสดแล้ว ได้แก่

                 1.นำใบยามาทำเป็นอาหาร  เช่น แกงจืด (15-20 ใบต่อ 1 ท่าน)

                 2.นำมาพอกตาสำหรับคนที่ดวงตาเป็นต้อ  ดวงตาอักเสบ  ตามัว  นำใบยาประมาณ 7-8 ใบ  มาขยี้ หรือใช้ครกตำก็ได้ บีบน้ำยาใส่ที่ดวงตา  แบ่งใบยาเป็น 2 ส่วน พอกไว้  20-30  นาที  ค่อยล้างออก  ผลที่ได้รับคือ  ดวงตาจะสว่างขึ้น  แผลต่าง ๆ จะหายไป รวมทั้งต้อด้วย  ถ้าท่านใดเป็นมาก  ควรทำไว้สักระยะหนึ่ง

                  3. ท่านที่เป็นริดสีดวงทวารหนัก  ควรทานใบสด  และควรนำใบยามาขยี้หรือตำให้ได้พอเหมาะยัดใส่ทวารหนัก  จำทำให้แผลหายเร็ว  ติ่งที่โผล่ยุบเลือดที่ออกก็จะหยุด 

                  การเก็บรักษาให้ได้นาน ถ้ามีใบยาที่แก่และเหลือง  นำมาล้างแล้วผึ่งให้แห้ง  นำมาปั่นหรือตำก็ได้  บีบน้ำยาใส่ถ้วย  นำไปนึ่งให้สุกปล่อยให้เย็นแล้วใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บไว้ใช้ได้นาน  ถ้าเป็นงูสวัด และแผลต่าง ๆ  ใช้น้ำยาทา  หรือนำใบยาสดมาตำพอกก็ได้  ตากแห้งทำใบชาได้

                   อาหารแสลงที่ควรระวัง   เช่น  เนื้อ  กุ้ง  ปลาหมึก  ปู  ปลาทู  ปลาร้า  หูฉลาม  กะปิ  ข้าวเหนียว  หน่อไม้  แตงกวา  หัวผักกาด  เผือก  สาเก  เครื่องดองของเมา  น้ำชา  กาแฟ  (ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงควรงด) <สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน>

                  วิธีการปลูก ต้นยาแปะตำปึงเมื่อปลูกได้ระยะหนึ่งประมาณปีกว่าต้นแม่ก็จะตาย  ควรหักปักชำใหม่  เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีช่อดอกสีเหลืองไม่มีฝักและเมล็ด  ต้องปักชำเท่านั้น  ต้นยาชอบน้ำ  อากาศดี  ชอบแสงแดดพอสมควร  และดินร่วน  สิ่งที่ควรระวัง  คือ  เพี้ยแป้งชอบเกาะลำต้นและใบ  ถ้ามีเพี้ยแป้งก็จะมีมดแดง  จะทำให้ต้นยาเหียวแห้ง  และตาย  ต้องระวังสัตว์บางชนิดชอบกิน

                   หมายเหตุ ทุกท่านที่เจ็บป่วยเมื่อรับประทานใบยาแล้ว  ก็ควรไปพบแพทย์  และตรวจรักษาตามปกติ  และทานยาตามแพทย์สั่งส่วนใบยานั้นควรเป็นใบยาเสริมให้เจ็บป่วยหายเร็วขึ้นเท่านั้น  (ท่านที่มีต้นยาปลูก  และปลูกต้นยาพอรับประทานแล้วขอความกรุณาช่วยเหลือผู้อื่นด้วย  จะได้เป็นบุญกุศล  ที่ได้ช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์)           

                   สนใจติดต่อ  ชมรมว่านยาสมุนไพรแปรรูป อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดหนองคาย

                อ.สุขพัฒน์โชค  มหิศนันท์        โทร.042-499052

            * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

                                พระคาถา (ป้องกันภัยโรค)

                          เข มับปัด โต   อุ ปะสัม ปะ  เก ปิเส คิ

 ตั้งนะโม 3 จบ   ภาวนาให้เจริญรุ่งเรือง  ปลอดภัยจากอุบัติภัยทุกอย่างในโลก

[ช่างเล็ก(LSV)]

สรรพคุณเรื่องแก้โรคมะเร็ง ... ผมได้เห็นความมหัศจรรย์กับญาติๆผมเอง ป่วยเป็นมะเร็งที่แขน  ต้องตัดเนื้อสะโพกมาเสริมเนื้อที่เสียจากมะเร็งร้าย และลุกลามเรื่อยๆ ..รักษาหลายปีก็ไม่หาย จนกระทั่งหมอลงมติว่าต้องตัดแขนทิ้ง ..
.. เหมือนเทวดามาโปรด ต่อมาไม่กี่วันญาติผมก็ได้รับคำแนะนำจากหมอจีนให้ลองกินใบแปะตำปึง กินทุกวันๆ ...
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ อีก 3 ปีต่อมา  ผมกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ ปรากฏว่าแผลที่เป็นมะเร็งหายสนิท ไม่ต้องตัดแขนทิ้ง ....
..นอกจากนั้นผมก้เจอกับผู้ป่วยอีกหลายรายที่มีอาการป่วยคล้ายๆกัน และหายจากโรคนี้ด้วยใบแปะตำปึง (แต่บางท่านนอกจากกินสมุนไพรนี้แล้ว ยังปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานควบคู่ไปด้วย ) ..

[ช่างเล็ก(LSV)]

ปลายปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางผ่านอ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ..เจอร้านที่นำสมุนไพรชนิดนี้มาปรุงควบคู่กับอาหารด้วย .. จึงคิดว่าน่านำมาลงแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ..

[ช่างเล็ก(LSV)]

เดินทางจากเชียงใหม่. ร้านจะอยู่ซ้ายมือ ..เจอป้ายนี้ให้เลี้ยวซ้ายครับ

[ช่างเล็ก(LSV)]

ร้านที่แนะนำเป็นร้านแรกริมสุด ..

[ช่างเล็ก(LSV)]

บรรยากาศร่มรื่น น่านั่ง ..

[ช่างเล็ก(LSV)]

สะอาดดีครับ ..

[ช่างเล็ก(LSV)]

นอกจากนี้ยังมีเมนู หญ้าเทวดา อีกด้วย...

[ช่างเล็ก(LSV)]

เมนูที่ลองแล้วคิดว่าอร่อยผมขอแนะนำต้มเลือดหมูใส่ยอดแปะตำปึง... ร้านนี้ทำสูครน้ำใส หอมกรุ่น  ท่านใดที่ทานผักไม่ได้อาจเปลี่ยนใจ...
..และมีอีกหลายสูตร ว่างๆผ่านมาร้านนี้ลองแวะทานกัน  เพราะนอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย 
..ต้นแปะตำปึงเป็นต้นไม้สมุนไพรที่ปลูกง่าย  ร้านนี้ปลูกไว้เยอะทีเดียว... ทานอิ่มแล้วก็ขอมาปลูกซักกิ่ง เจ้าของร้านคงไม่ขัดข้องครับ..

[ช่างเล็ก(LSV)]

สำหรับท่านที่สนใจจะปลูกแต่หาพันธุ์ไม่ได้  ...รวบรวมเพื่อนๆแต่ละจังหวัด ขอมาได้ที่กระทู้นี้ครับ  ผมจะจัดส่งกิ่งพันธุ์มาให้ฟรี เท่าที่พอแบ่งปันกันได้ (หากส่งทีละคนจะสิ้นเปลืองค่าส่งมากครับ ให้รวมกลุ่มกันดีกว่าครับ )

..." ท่านที่มีต้นยาปลูก  และปลูกต้นยาพอรับประทานแล้วขอความกรุณาช่วยเหลือผู้อื่นด้วย  จะได้เป็นบุญกุศล  ที่ได้ช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์..." 

..ภาพล่าง ส่วนหนึ่งผมปลูกใส่กระถางไว้หน้าระเบียง ชอบแดดครึ่งวัน รดน้ำวันละครั้ง (อายุประมาณ4เดือน จากกิ่งเสียบ 2 กิ่ง) ...เด็ดมาทานได้แทบทุกวัน เพราะจะแตกยอดเร็ว  ...หากต้องการเร่งโต ให้ใช้ปุ๋ย 15 -15-15 ใส่เดือนละครั้งครับผม 

[eskimo_bkk-LSV team♥]

  ผมกินมาหลายปีแล้วครับ แต่ตอนนี้ที่ปลูกไว้เพลี้ยมันลงตายเกือบหมดแล้ว กำลังหามาปลูกใหม่
ผมสุขภาพปกติแต่กินมานานเลยไม่ทราบว่าเป็นยังไง 

[ช่างเล็ก(LSV)]

ปลูกในกระถางเพลี้ยไม่เยอะเหมือนปลูกลงดินครับ ปลูกไว้สูงๆก็ช่วยได้เยอะครับ 

[teay]

ของผมญาติๆให้มาลองไส่ปลูกในกระถางตอนนี้แตกใบหลายใบแล้วว่าจะลองกินดูรสชาดเป็นยังไง
(แบบว่าโดนบังคับมาให้ปลูกกินดูน่ะครับนึกแล้วว่าต้องมีประโยชน์มากๆ)

[phichet]

แม่ ของผม ก็ กินเจ้าสมุนไพรตัวนี้ครับ กินทุกเช้าเลยครับ ครั้งละประมาณ 2-3 ใบครับ แม่ผมชอบเด็ดกินสดๆ จากต้นครับ เด็ดมาแล้วก็เอามาล้างน้ำแล้วก็ กินเลยครับ เนื่องจาก แม่ผมเป็นมะเร็งเต้านมครับ ต้องตัดเต้านมทิ้งไป 1 ข้างครับ

[prom jantapho]

กับ  จินๆเหมาเยี่ย  มันเป็นชนิดเดี่ยวกันหรือเปล่า  ผมเห็นแถวบ้านผมเขาเรียกอย่างนั้น
ไม่ทราบว่ารดชาดเป็นอย่างไรบ้างครับ  พี่เล็ก

[ช่างเล็ก(LSV)]

น่าจะชื่อเดียวกันครับ... ลองดูใบว่าเหมือนกันไหม..
.. รสชาดคล้ายๆหญ้าครับ  แต่จะมีกลิ่นของสมุนไพรนิดนึง (รสชาดส่วนตัวครับ อิๆ) 

[eskimo_bkk-LSV team♥]

กับ  จินๆเหมาเยี่ย  มันเป็นชนิดเดี่ยวกันหรือเปล่า  ผมเห็นแถวบ้านผมเขาเรียกอย่างนั้น
ไม่ทราบว่ารดชาดเป็นอย่างไรบ้างครับ  พี่เล็ก

ต้นกำเนิด : ต้นยานี้มาจากประเทศจีน บางท่านเรียกว่า จินฉี่เหมาเยี่ย เข้ามาในไทยพร้อมกับหญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา
แปะตำปึง ถูกตั้งชื่อเป็นไทยว่า จักรนารายณ์ แต่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กิมกอยมอเช่า หรือ ผักพันปี เป็นต้น
ลักษณะ : เป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นสีเขียว แตกกิ่งก้านอ่อน หักง่าย เมื่อโตเต็มที่ในฤดูหนาวจะออกดอกสีเหลืองมีก้านยาว
  มี 2 ชนิดคือ 1. ชนิดใบกลม (แปะตำปึง)ใบสีเขียวอ่อน ใบหนาเพราะมีขนหนานุ่มแบบกำมะหยี่ทั้งด้านบนและล่าง เส้นใบด้านบนลึกเช่นเดียวกับเส้นกลางใบแต่ด้านหลังใบกลับนูน กิ่งก้านออกเขียวปนแดง เปราะหักง่าย
2. ชนิดใบยาว (จินฉี่เหมาเยี่ย) ใบค่อนข้างยาวกว่าแหลมกว่าและผิวใบค่อนข้างเรียบเพราะขนน้อยกว่าแบบใบกลม จับเทียบดูจะรู้สึกได้ชัด

[aaaa]

ที่บ้านก็มีเยอะครับ เมนูที่อยากแนะนำลองใช้ใบกินแกล้มกับส้มตำดูครับอร่อยไม่แพ้ผักอื่นๆเลยละ

[prom jantapho]

กับ  จินๆเหมาเยี่ย  มันเป็นชนิดเดี่ยวกันหรือเปล่า  ผมเห็นแถวบ้านผมเขาเรียกอย่างนั้น
ไม่ทราบว่ารดชาดเป็นอย่างไรบ้างครับ  พี่เล็ก

ต้นกำเนิด : ต้นยานี้มาจากประเทศจีน บางท่านเรียกว่า จินฉี่เหมาเยี่ย เข้ามาในไทยพร้อมกับหญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา
แปะตำปึง ถูกตั้งชื่อเป็นไทยว่า จักรนารายณ์ แต่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กิมกอยมอเช่า หรือ ผักพันปี เป็นต้น
ลักษณะ : เป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นสีเขียว แตกกิ่งก้านอ่อน หักง่าย เมื่อโตเต็มที่ในฤดูหนาวจะออกดอกสีเหลืองมีก้านยาว
  มี 2 ชนิดคือ 1. ชนิดใบกลม (แปะตำปึง)ใบสีเขียวอ่อน ใบหนาเพราะมีขนหนานุ่มแบบกำมะหยี่ทั้งด้านบนและล่าง เส้นใบด้านบนลึกเช่นเดียวกับเส้นกลางใบแต่ด้านหลังใบกลับนูน กิ่งก้านออกเขียวปนแดง เปราะหักง่าย
2. ชนิดใบยาว (จินฉี่เหมาเยี่ย) ใบค่อนข้างยาวกว่าแหลมกว่าและผิวใบค่อนข้างเรียบเพราะขนน้อยกว่าแบบใบกลม จับเทียบดูจะรู้สึกได้ชัด

  ท่าน eskimo_bkk  พอดีที่เพื่อนนำมาให้ทั้ง 2 ขนิด เป็นแบบที่ท่านว่าครับเลยไม่แน่ใจว่าชนิดไหนกันแน่
ตอนนี้ OK แล้วครับ  เดี่ยวจะลงกระถางปลูกทั้ง 2 ชนิด  สงสัยต้องกินวันละชนิดเสียแล้ว   

[prom jantapho]

น่าจะชื่อเดียวกันครับ... ลองดูใบว่าเหมือนกันไหม..
.. รสชาดคล้ายๆหญ้าครับ  แต่จะมีกลิ่นของสมุนไพรนิดนึง (รสชาดส่วนตัวครับ อิๆ) 

ผมลองไปสังเกตุใบแล้วเหมือนกัน  แต่ก้านใบจะไมาเหมือนกันตรง  ตามรูปของพี่เล็กก้านใบเป็นสีเขียว
ส่วนก้านใบที่ผมมีออกเป็นสีออกดำๆ  รสชาดเหมือนกับ ผักกาดนกเขา  มีกลิ่นคล้ายๆใบชมพู่นิดหน่อย   

[npat80]

มีคำถามเกี่ยวกับ แปะตำปึง(ต้นที่มีใบหน้านุ่ม มีขน) และ ต้นจินจีเหมาเยี่ย(ต้นยาว เรียว ) ตกลงเป็นพืขชนิดเดียวกันรึเปล่าค่ะ
เพราะว่าไปอ่านบางเว็บ บางคนก็บอกว่าสรรพคุณต่างกัน คือเค้าว่าบอกแปะตำปึง ใช้รักษาโรคตา แผลสด
และ ต้นจินจีเหมาเยี่ย ใช้รักษามะเร็ง, เบาหวานได้  ตอนนี้ก็เลย งง ว่าต้องทานตัวใหนรักษาโรคเบาหวานดีค่ะ สับสนมาก

แล้วก็ยังมีอีกเว็บนึงบอกว่า กินแปะตำปึง(ต้นที่มีใบหน้านุ่ม มีขน) แล้วจะทำให้เลือดออกที่ลำไส้เล็ก แล้วละลำไส้ใหญ่ อันนี้พอจะมีใครทราบข้อมูลบ้างค่ะ
ถ้ามีใครพอให้คำตอบได้รบกวนด้วยน่ะค่ะ คืออยากรู้จริงๆ ค่ะ  ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าด้วยน่ะค่ะ

[ช่างเล็ก(LSV)]

..ไม่มีขนนะครับ 

[eskimo_bkk-LSV team♥]

มีคำถามเกี่ยวกับ แปะตำปึง(ต้นที่มีใบหน้านุ่ม มีขน) และ ต้นจินจีเหมาเยี่ย(ต้นยาว เรียว ) ตกลงเป็นพืขชนิดเดียวกันรึเปล่าค่ะ
เพราะว่าไปอ่านบางเว็บ บางคนก็บอกว่าสรรพคุณต่างกัน คือเค้าว่าบอกแปะตำปึง ใช้รักษาโรคตา แผลสด
และ ต้นจินจีเหมาเยี่ย ใช้รักษามะเร็ง, เบาหวานได้  ตอนนี้ก็เลย งง ว่าต้องทานตัวใหนรักษาโรคเบาหวานดีค่ะ สับสนมาก

แล้วก็ยังมีอีกเว็บนึงบอกว่า กินแปะตำปึง(ต้นที่มีใบหน้านุ่ม มีขน) แล้วจะทำให้เลือดออกที่ลำไส้เล็ก แล้วละลำไส้ใหญ่ อันนี้พอจะมีใครทราบข้อมูลบ้างค่ะ
ถ้ามีใครพอให้คำตอบได้รบกวนด้วยน่ะค่ะ คืออยากรู้จริงๆ ค่ะ  ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าด้วยน่ะค่ะ

ผมกินมาหลายสิบปีแล้วก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับวันนี้ก็ยังกินอยู่ ใช่ แปะตำปึงน๊ะ
ขอเว็บที่อ้างถึงด้วยครับ จะได้นำมาพิจารณาศึกษาว่าจริงหรือไม่ครับ อยากรู้เหมือนกันครับ

[npat80]

เป็นเว็บนี้ค่ะ คือจะมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่ากิน"แป๊ะตำปึง" แล้วเลือดออกที่ลำไส้เล็ก กับ ลำไส้ใหญ่

แล้วตัวที่พี่กินเป็นแบบใบหนา หรือเป็นแบบใบยาวรีค่ะ

http://raikuwong.is.in.th/?md=news&ma=show&id=9

[ช่างเล็ก(LSV)]

แปะตังปุง เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ตระกูลเดียวกับ “ เบญจมาศ ” สูง ๒ - ๓ ฟุต แตกกิ่งก้านหนาแน่น ลำต้นสีเขียว หักง่าย มีน้ำในลำต้นมาก ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ รูปรียาว ปลายแหลม ขอบใบหยักตื้น ดูคล้ายใบ “ จินจีเหมาเยี่ย ” จึงมีคนขายหลอกว่าเป็นต้น “ จินจีเหมาเยี่ย ” ทำให้คนหลงซื้อไปมากมาย

..สงสัยว่าจะโดนกรณีนี้นะครับ ...ผม+ครอบครัวก็กินบ่อยๆไม่เคยเจอเจ็บที่ลำไส้ครับ.... ยังไงๆลองฟังหลายความคิดเห็นก็ดีเหมือนกันนะครับ 
ปล.ที่ปลูกเป็นรูปบนสุดครับ 

[npat80]

ต้องขอขอบคุณพี่เล็กมากๆ ค่ะ จากการที่ search หลายๆ เว็บก็ไม่มีบอกว่าจะเลือดออกที่ลำไส้เลยค่ะ ยังไงจะยังคงค้นหาข้อมูลต่อไปค่ะ

[sutit patsing]

ที่บ้านผมปลูกไส่กระถางเพียบเลย เด็ดกินกับน้ำพริกทุกวัน อร่อยมากรสชาดดี ผมมีอาการปวดท้องอยู่เรื่อยๆกินแล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลย โล่งขึ้น ไม่ปวดไม่แน่นท้อง กินกับน้ำพริกปลาทูอร่อยมาก เป็นผักได้เลย ท่านใดที่ชอบทานผักลองทานดู ผมชิมครั้งแรกติดใจเลย ลองดูครับ

[Donovan♥]

ภาพชัดดี ดูเพิ่มเติมครับ
 http://thecoffee.multiply.com/journal/item/19