วิเคราะห์ช่องทางทำกิน ปี’51 อะไรเด่น-อะไรด้อย
ทิศทางเศรษฐกิจประเทศไทย ปี 2551 หลายๆฝ่าย นักเศรษฐศาสตร์หลายๆสำนัก
ต่างออกมาฟันธงว่าคงจะหืดขึ้นคอ บ้างก็ว่าปี 2550 เผาหลอก...ปี 2551 เผาจริง อย่างไรก็ตาม “ในวิกฤติย่อมมีโอกาส” และเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเลือกอาชีพ วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มี “แนวโน้มอาชีพเด่น-ด้อย...ปี 2551” จากมุมมองของสองนักวิชาการผู้สันทัดกรณี มาบอกเล่าให้ได้ลองพินิจพิจารณาตัดสินใจกัน.....
@@@@@@@
“ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล” ผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัวและเอสเอ็มอี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ว่า... “ธุรกิจค้าขายอาหาร” ปี 2551 นั้น จะยังคงทรงตัว ขยายได้ไม่มาก และจะติดปัญหาวัตถุดิบที่ราคาจะเพิ่มขึ้น ทั้งข้าวสาร แป้งต่าง ๆ ข้าวโพด อ้อย
ดังนั้น ร้านขายอาหารรายเก่าในระดับกลางลงไปถึงล่างแม้ว่าแข็งแรงแล้วแต่ก็คงจะประสบปัญหาตรงนี้เช่นกัน คงจะต้องบริหารต้นทุนให้ดี เพื่อเป็นการประหยัด ส่วนรายใหม่ ๆ คงจะเข้ามาแข่งขันค่อนข้างลำบาก เพราะแนวโน้มคนจะเริ่มกลับมาทำอาหารทานในบ้านเอง มากขึ้น หรือหากทานนอกบ้านก็ไม่จำเป็นจะต้องทานระดับหรูหรา หรือกินทิ้งกินขว้างให้เปลืองเงินมากนัก
“ร้านกาแฟสด” ที่ผุดราวกับดอกเห็ด หาทานง่ายมากในสมัยนี้ ราคาก็เหลือ 15-30 บาท จากเดิมที่ต้องจ่ายกันเป็นร้อย ฟันธงได้ว่า “ขาลง” แน่นอน เพราะ “โอเวอร์ซัพพลาย” ร้านที่จะอยู่ได้คือร้านที่มีรากฐานมั่นคง ร้านเล็ก ๆ หน้าใหม่ ๆ คงจะหาพื้นที่ขึ้นได้ยาก ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับ “ชานมไข่มุก” ที่ในที่สุดร้านเล็ก ๆ จะไปหมดจากท้องตลาด
“เบเกอรี่” แบ่งเป็น 2 ตลาดคือ ตลาดล่าง คือแบบไม่ต้องอร่อยมาก ราคาไม่แพง อยู่ได้ไปเรื่อย ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แถมอาจจะขายดีมากขึ้นด้วย เพราะคนเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ส่วนประเภทตลาด “โฮมเมด” คือระดับกลางขึ้นบน ค่อนข้างจะลำบากหน่อย เพราะแป้ง น้ำตาลทราย นม ไข่ไก่ พาเหรดขึ้นราคาหมด ดังนั้น ถ้าไม่อยากจะต้องลดของ ลดคุณภาพสินค้า ต้องเน้นเจาะลูกค้าตลาดบน เพราะขึ้นราคาไม่มากลูกค้าก็ไม่สะเทือน ซึ่งจะคล้ายกับ “ไอศกรีมโฮมเมด” ต้องเปลี่ยนตลาด ต้องบริหารต้นทุนให้ดี
“ขนมขบเคี้ยว” ต่าง ๆ ถ้ายี่ห้อดี มีแบรนด์ของตนเอง ยังไปได้แน่นอน เพราะสินค้าขายตัวเองได้ แต่ในส่วนตลาดวัยรุ่นต้องออกแบบหีบห่อให้โดนใจ เพราะวัยรุ่นไม่สนใจเรื่องเศรษฐกิจ แต่หากจะขายขนมให้ผู้หญิงทานนั้น จะต้องขายไอเดียเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ขนมที่จะทำขายนั้นต้องมีประโยชน์ต่อร่างกาย และไม่ทำให้รูปร่างอ้วนด้วย รับรองไปได้เรื่อย ๆ อีกเช่นกัน
สินค้าแฮนด์เมดแบบกิ๊บ ๆ เก๋ ๆ ไม่ว่าจะเป็น “เสื้อผ้า” “รองเท้า” “เครื่องประดับ” “กระเป๋า” หรือ “สินค้าตกแต่ง” ต่าง ๆ แนวโน้มไปได้เรื่อย ๆ เพราะคนที่ชอบประเภทแฮนด์เมดยังมีอยู่มาก แต่ต้องระวังเรื่องการลอกเลียนแบบ ซึ่งปัจจุบันเร็วมาก ๆ พยายามหาตลาดของตนเอง หานวัตกรรม วิธีการใหม่ ๆ และจะอยู่ให้ได้ไม่ควรทำของถูกขาย เพราะรับรองว่าขายแข่งกับสินค้าราคาถูก-คุณภาพต่ำถึงพอใช้จากจีนไม่ได้แน่นอน
“สินค้าเทคโนโลยี” อย่าง โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังคงขยายตัวไปได้เรื่อย ๆ เพราะสินค้ากลุ่มนี้มีเรื่องลูกเล่นของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนซื้อแล้วเปลี่ยนเร็วขึ้น ซึ่ง “หูฟังโทรศัพท์” คาดว่าปี 2551 ขายดีแน่นอน เพราะกฎหมาย “ขับห้ามโทรฯ” จะบังคับใช้เป็นทางการ เช่นเดียว คอมพิวเตอร์ ทุกแบบ เครื่องเล่น MP3, MP4 ก็ไปได้เรื่อย ๆ แต่จะแข่งขันกันด้านราคามากขึ้น
“ร้านอินเทอร์เน็ตตคาเฟ่” “ร้านเกมออนไลน์” ปี 2551 จะหมดยุคบูม-ยุคหวือหวา ไม่มีรายใหม่เกิดแล้ว ส่วนที่อยู่ได้คือหน้าเดิมที่แข็งแรง และปรับตัวให้ทันสมัย เพราะปัจจุบันอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงราคาต่ำ เริ่มแทรกซึมเข้าในครัวเรือน เด็ก-วัยรุ่นเริ่มเล่นเน็ตในบ้านแทน ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในเกาหลีใต้มาก่อน ปัจจุบันร้านอินเทอร์เน็ตในท้องตลาดปิดตัวเกือบหมดแล้ว
เช่นเดียวกับ “ธุรกิจร้านสปา” ก็มีเห็นให้เกลื่อนไปหมด ปี 2551 ก็คงเป็นช่วงขาลง คงไม่เห็นหน้าใหม่เข้ามาแข่งในตลาดมากนัก
@@@@@@@
“รศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล” อาจารย์ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็วิเคราะห์แนวโน้มอาชีพปี 2551 โดยระบุว่า... “ธุรกิจอาหาร” ซึ่งเป็น 1 ในปัจจัย 4 ในการดำเนินชีวิต ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรคนก็ต้องกิน ดังนั้น ร้านค้าขนาดเล็ก ๆ ในรูปแบบรถเข็น ห้องแถว ก็ยังคงอยู่ในสังคมไทยได้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ปรัชญาของธุรกิจอาหารนั้นคือ “เข้าง่าย-ออกง่าย” ดังนั้น หน้าเก่า-หน้าใหม่มีสิทธิ์ปิ๋วหากคุณภาพ รสชาติ ชนิด และราคา ไม่ถูกปาก-ถูกใจผู้บริโภค ส่วนร้านค้าระดับกลาง ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายต้องเช่าพื้นที่ จ้างคนทำงาน คงจะลำบากหน่อย เพราะคนจะเปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่ง่าย สะดวก และไม่แพง ดังนั้น ร้านค้าริมทางคงอยู่เป็นอมตะและได้เปรียบกว่า
ธุรกิจ “อาหารญี่ปุ่น” ตั้งแต่กลางลงล่าง ไปได้ดีแน่นอน เพราะเป็นตลาดเฉพาะ ได้รับความนิยมในหมู่คนทำงาน แม่บ้าน ซึ่งปัจจุบันแข่งกันที่ราคา และคุณภาพ ลูกค้าได้เปรียบมาก ๆ ซึ่งจะคล้ายกับ “ร้านอาหารทานเล่น” อย่างขนมปังปิ้ง-นมสด หากทำเลแจ๋ว ราคาไม่เว่อร์ ก็ยังคงไปได้ดีอยู่ เพราะเป็นตลาดเฉพาะ ถึงตลาดขนาดกว้าง
“กาแฟสด” การวิเคราะห์เป็นไปในทิศทางเดียวกับนักวิชาการรายแรก คือปี 2551 จะ “ทรงตัว” เพราะตลาดเต็มแล้ว ร้านที่อยู่คือร้านเก่า มั่นคง หน้าใหม่คงมีเข้ามาเล่นในตลาดไม่มากนัก ส่วน “โฮมเมด” ทั้งเบเกอรี่ และไอศกรีม ถ้าสินค้าธรรมดา หรือพื้น ๆ คงลำบากถึงยาก ต้องขายไอเดีย ขายเรื่องราว ขายความเป็นตัวของตัวเอง ที่สำคัญขายฝีมือ ก็จะมีลูกค้าประจำแน่นอน และรับรองไปได้เรื่อยๆ
แต่ที่ “ขาลง” แน่นอนคือ “ขนมประเภทเม็กซิกัน บัน” สารพัดยี่ห้อทั้งหลาย เพราะเป็นขนมที่ขายกระแสเท่านั้น
สารพัดสินค้า “แฮนด์เมด” ยังไปได้เรื่อย ๆ แต่ต้องหาตลาดเฉพาะของตนเองให้ได้ เพราะหากไปทำของถูก ของโหล คงจะสู้สินค้าจากจีนที่กำลังทะลักเข้าสู่ไทยไม่ได้แน่ ๆ หากจะทำแบบนั้นสู้ไปรับของเหมาโหลจากแหล่งสินค้าขายส่งมาขายต่อดีกว่า เพราะหลากหลาย มากมาย เข้าออกได้เร็ว
“ธุรกิจแฟรนไชส์” เป็นพัฒนาการของธุรกิจอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นการสร้างงาน-อาชีพได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ เพราะชื่อเสียงจากต้นตำรับการันตีได้ แต่ในยุคนี้เงื่อนไขก่อนตัดสินใจซื้อคือ ต้องดูลูกหลานในรุ่นที่ 2-3 ต้องมีความเป็นมืออาชีพในการบริหารแฟรนไชส์ มิฉะนั้นจะกลายเป็นเข้าข่ายถูกหลอกลวง หรือไม่ประสบผลสำเร็จได้ง่าย แต่ในภาพรวมแล้วธุรกิจประเภทนี้ก็ยังคงไปได้ในปี 2551
“ร้านหนังสือเช่า” ในปี 2551 ยังไปได้เรื่อย ๆ เพราะไม่ได้ขึ้นกับกระแส แต่ต้องขึ้นกับทำเลจริง ๆ ส่วนร้านที่จะทยอยเป็น “ขาลง” คือ “ร้านให้เช่าวีซีดี-ดีวีดี” เพราะมีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มาก ซึ่งแม้กระทั่งเจ้าของร้านแฟรนไชส์ด้านนี้จากญี่ปุ่นก็เตรียมประกาศให้ความสำคัญน้อยลงกับธุรกิจประเภทนี้
“ธุรกิจหยอดเหรียญ” หลาย ๆ รูปแบบ ตามห้องเช่า อพาร์ทเม้นท์ หรือแม้กระทั่งชุมชน ยังอยู่ได้แน่นอน เพราะพื้นที่ห้อง-ที่อยู่อาศัยยุคปัจจุบันมีน้อยลง เช่นอาจไม่พอวางเครื่องซักผ้าก็ใช้บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซึ่งแนวโน้มคนจะอยู่คนเดียวมากขึ้น และต้องอาศัยความสะดวกเป็นหลัก เพราะฉะนั้นธุรกิจประเภทนี้จึงยังมีอนาคต แต่ต้องอาศัยทำเลที่มีคนอยู่มาก ๆ อยู่ในแหล่งความเจริญ
“มินิมาร์ท” จะเปิดใหม่ถ้าไม่อยู่ในแหล่งที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ คงลำบากแน่ เพราะทำเลแทบทุกเกรดถูกเจ้าตลาดหน้าเก่ามาก-เก่าปานกลางยึดครองไปหมดแล้ว เพราะระบบการบริหารที่ดี จำนวนสาขาที่มาก จนกระทั่งต่อรองกับผู้ผลิตได้แล้ว มินิมาร์ทที่จะอยู่ในตลาดได้ก็จะเป็นกลุ่มเจ้าตลาดเท่านั้น
@@@@@@@
ทั้งนี้ นอกจากอาชีพ-ธุรกิจต่าง ๆ ดังที่ว่ามาแล้ว กูรูทั้งสองท่านยังได้ให้ข้อแนะนำคล้าย ๆ กัน สรุปได้ว่า... “นอกจากจะต้องดูทิศทางเศรษฐกิจภาพรวมของปี 2551 เพราะมีทั้งกระแสเผาจริง-ไม่จริง ก็จะต้องปรับตัวตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป และที่สำคัญ นอกจากการคิดค้นอะไรใหม่ ๆ แล้วก็ยังต้องปรับปรุงคุณภาพสินค้าใหม่เรื่อย ๆ จึงจะยืนหยัดอยู่ได้ยาวนาน”
ที่มา : เดลินิวส์
http://www.siaminfobiz.com/mambo/index.php?option=com_content&task=view&id=1271&Itemid=27