อธิบาย: สร้างพลังพิชิตโรคด้วย *ชี่ไดนามิกส์*
เชื่อว่า บรรดาคนที่รักสุขภาพและการออกกำลังกายตามวิถีตะวันออกทั้งหลายคงคุ้นเคยกับ ชี่กง กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นหนึ่งในวิถีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ก่อให้เกิดผลดีกับสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม นอกจากชี่กงซึ่งเป็นกระแสหลักแล้ว ยังมีชี่กงอีกแขนงหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน
นั่นก็คือ ชี่ไดนามิกส์(Chi Dynamics) ที่มีความโดดเด่นอยู่ตรงที่เทคนิคการหายใจ แบบพิเศษเพื่อสร้างพลังแห่งคุณประโยชน์และพลังแห่งการบำบัดให้กับร่างกายให้ สามารถ ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้เป็นอย่างดี
**กำเนิด ชี่ไดนามิกส์ แอนโธนี่ วี ปรมาจารย์ชี่ไดนามิกส์ชาวสิงคโปร์ เล่าให้ฟังถึงจุดกำเนิดของชี่ไดนามิกส์เนื่องในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเท ศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า เกิดขึ้นเพราะตนเองต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 3 เดือนจากการป่วยด้วยโรคเยื่อหุ้ม ปอดอักเสบและมีอาการของวัณโรคแทรกซ้อนเมื่อ อายุ 15 ปี
ดังนั้น จึงทำให้ตั้งใจที่ จะบำรุงรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และหลังออกจากโรงพยาบาล แอนโธนี่ก็ได้ทุ่มเทการฝึกศิลปะการต่อสู้ และป้องกันตัวหลายแขนง เพื่อเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแกร่งและมีสุขภาพดี
โดยฝากตัวเป็นศิษย์กับ อาจารย์ชาวจีน 3 ท่านและเรียนวิชาที่แตกต่างกัน 3 สาขา อย่างไรก็ตาม ความสนใจของแอนโธนี่คงจะจดจ่ออยู่กับการฝึกร่างกาย ด้วยศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวไปเรื่อยๆ หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่
พ่อของเขาป่วยเป็น โรคมะเร็งหลอดลมชนิดผ่าตัดไม่ได้ และนั่นทำให้เขาหันเหความสนใจ จากการฝึกเป็น นักต่อสู้ สู่การเป็น
นักบำบัด โดยได้นำเทคนิควิธีการหายใจที่ผสมผสาน ขึ้นจากหลายศาสตร์จนเกิดหลักการใหม่ที่เขาคิดขึ้นเอง
มาให้พ่อฝึกเพื่อต่อสู้กับมะเร็งร้ายที่เกาะกินร่างกาย ภายใน 10 เดือนที่พ่อของเขาฝึกการหายใจตามที่เขาบอก ปรากฏว่าร่างกายของเขา ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญผลตรวจจากห้องแล็บชี้ว่าเซลล์มะเร็งที่อยู่ในระยะอันตรายหายไป และพ่อของเขามีชีวิตอยู่ได้ต่อไปอีก 15 ปี ก่อนจะเสียชีวิตเมื่ออายุ 82 ปีไปโดยมิใช่ มาจากสาเหตุของมะเร็ง
ดังนั้น แอนโธนี่จึงมีความคิดที่จะเผยแพร่วิธีการหายใจที่คิดค้นขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ให้ แก่ผู้อื่นทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม
ทำให้ศาสตร์ของชี่ไดนามิกส์แพร่หลายออกไปยังหลายประเทศ กล่าวคือในปี ค.ศ.1981 ได้มีการตั้งศูนย์ชี่ไดนามิกส์เป็นแห่งแรกขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย ด้วยเพราะแอนโธนี่ได้ย้ายจากประเทศสิงคโปร์ไปอยู่ ณ แดนจิงโจ้ ทำให้มีการเปิดศูนย์แห่ง แรกที่เมืองซิดนีย์ และจากนั้นหนึ่งปีให้หลังก็มีการเปิดศูนย์ที่เพิร์ทด้วย
และจนกระทั่งวันนี้ ศูนย์ชี่กงไดนามิกส์จึงผุดขึ้นหลายแห่งในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ออสเตรเลีย 6 ศูนย์ , สิงคโปร์ 9 ศูนย์ ,มาเลเซีย 19 ศูนย์ และยังมีการเปิดศูนย์ที่สหราชอาณาจักร และที่ประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดศูนย์ชี่ไดนามิกส์ในประเทศไทยขึ้น นับเป็นประเทศที่ 6 ของโลกที่มีการเปิดศูนย์ดังกล่าว โดยขณะนี้ศูนย์ในเมืองไทย มีอยู่ที่เดียวคือที่อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ซึ่งมีช่องทางการติดต่อกับศูนย์นี้ที่เว็บไซต์ แต่ในอนาคตอาจมีการขยับขยายหรือเพิ่มศูนย์ตามจังหวัดใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ ก็เป็นได้ **แง้มหัวใจหลัก ชี่ไดนามิกส์ แอนโธนี่ วี
แนะหลักสำคัญง่ายๆ ของการฝึกนี้ว่า หัวใจหลักของชี่ไดนามิกส์อยู่ที่การหายใจ และการกำหนดจิตให้เป็นสมาธิ เพราะโดยปกติคนเราหายใจเข้าออกค่อนข้างสั้น แต่การฝึกชี่ ไดนามิกส์นั้นจะช่วยฝึกให้ผู้ฝึกสามารถหายใจได้เต็มปอด เพื่อนำออกซิเจน เข้าสู่ร่างกายให้ได้มากขึ้น
สำหรับการฝึกการหายใจพื้นฐานของชี่ไดนามิกส์ ที่เรียกกันว่า Block Breathing นั้น สามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ
เริ่มจากหาที่นอนสบายๆ ที่มีลมพัดผ่านและมีอากาศถ่ายเท นอนให้เท้าสูงกว่าหัวเพื่อช่วยระบบไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้อย่างสะดวกขึ้น จากนั้นหายใจออกให้หมดท้องอย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกว่าลมออกจากปอดใกล้หมดให้เกร็งตัว ยกตัวขึ้นเล็กน้อยและขมิบก้น จะเป็นการไล่ลมให้ออกได้มากกว่า เมื่อหายใจออกหมดแล้วให้ กลั้นหายใจไว้ 4 วินาที จากนั้นหายใจเข้าทางจมูกช้าๆ ลึกๆ และเมื่อหายใจเข้าจนรู้สึกว่าเต็มปอดที่สุดแล้วให้กลั้นไว้ 4 วินาทีเช่นกัน ก่อนจะหายใจออก ทำเช่นนี้สลับกันไปราว1/2 1 ชั่วโมง เป็นประจำ จะเป็นการออกกำลังกายปอดให้ปอดแข็งแรง เนื่องจากปอดได้มีโอกาสขยายตัวอย่างเต็มที่ แถมออกซิเจนยังเข้าสู่ร่างกายได้มากอีกด้วย คนหลายๆ คนหายใจสั้น บางครั้งอาจจะมากถึง 20 40 ครั้งต่อ 1 นาที ทำให้ต้องเสียพลังงานในการหายใจมาก เหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มปอด และใน
ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถนำก๊าซออกซิเจนที่ดีต่อร่างกายเข้าไปได้มากพอๆ กับที่ไม่สามารถ กำจังก๊าซเสียอย่างคาร์บอนไดออกไซด์ออกได้หมดในการหายใจเข้า ออก แต่ละครั้ง แต่หากลองฝึกหายใจแบบชี่ไดนามิกส์แล้วจะพบว่า เราหายใจด้วยจำนวนครั้งที่น้อยลงกว่าเดิม แต่ได้ปริมาณออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น
สังเกตง่ายๆ ว่าผู้ที่ฝึกหายใจตามหลักนี้จะสดชื่นขึ้น ไม่ง่วงเหงาหาวนอน และระบบร่างกายก็จะดีขึ้นด้วย สำหรับผู้ที่ร่างกายแข็งแรงดีและยังไม่ป่วย
การนำออกซิเจนเข้าร่างกายมากขึ้น จะทำให้สมองปลอดโปร่ง ทำให้ระบบของร่างกายทุกระบบดีขึ้น แต่สำหรับผู้ที่ป่วยนั้น การนำออกซิเจนเข้าร่างกายจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยนั้นๆ โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ที่ฝึกชี่ไดนามิกส์ได้ระยะหนึ่งแล้วจะสามารถใช้จิตนำพลังชี่ไปบำบัดส่วนต่างๆ ที่มีปัญหาได้ อ.แอนโธนี่กล่าว **
5 แบบการหายใจได้ประโยชน์ทุกระบบ นอกจากนี้อาจารย์ผู้คิดค้นศาสตร์ชี่ไดนามิกส์ยังได้แนะนำการเสริมสร้างร่างกายเฉพาะจุด ให้แข็งแรงด้วยการหายใจเข้าออก 5 แบบ คือ ฟู่ / ซุย / ทู / พี / ซี่
โดยรูปแบบแรกคือการ หายใจแบบฟู่ (FU) นั่นคือการหายใจเข้าด้วยจมูกช้าๆ ยาวๆ ซึ่งจะดีต่อระบบประสาทและสมอง การหายใจออกแบบซุย(chui) คือการหายใจออกโดยการห่อปากเป่าออก (ลักษณะคล้ายผิวปาก) ซึ่งการหายใจออกแบบนี้จะมีผลดีต่อหัวใจ ปอด , การหายใจออกแบบทู (tu) คือ การหายใจออกด้วยการอ้าปากกว้าง ซึ่งจะมีผลดีต่อกะบังลมและกระเพาะอาหาร การหายใจออกแบบพี (pi) ลักษณะเป็นการหายใจออกสั้นๆ แรงๆ ลักษณะเหมือนการสั่งน้ำมูก โดยจังหวะการหายใจออกแบบนี้จะเป็นการเรียกพลังในร่างกาย โดยในการหายใจแบบนี้
อ.แอนโธนี่ได้สาธิตตัวอย่างให้ดูด้วยการหายใจแบบพีประมาณห้านาที ก่อนจะทำมือเป็นสัญลักษณ์โอ.เค. (ปลายนิ้วชี้แตะปลายนิ้วโป้งเป็นตัวโอ นิ้วที่เหลืออีก 3 นิ้วเหยียดออก) และท้าให้ จับนิ้วที่จดกันทั้งสองนิ้วให้แยกออกจากกัน ซึ่งขนาดแรงผู้ชายวัย 30 เศษยังไม่สามารถจะแยกนิ้วของอาจารย์ออกจากกันได้
และที่สำคัญสำหรับสาวๆ คือนอกจากการหายใจแบบพีจะช่วย เรียกพลังแล้ว ยังเป็นท่าการหายใจออกที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและเผาผลาญไขมันอีกด้วย
สุดท้ายการหายใจออกแบบซี่ (Xi) เป็นการหายใจออกทางปากโดยเกร็งลำคอ พ่นลมลอดฟัน โดยจะได้ผลดีต่อต่อมไทรอยด์ กันติพงษ์ ทองหล่อ ประธานชมรมชี่ไดนามิกส์แห่งประเทศไทยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางชมรมฯ ได้อยู่ในระหว่างการจัดทำวีซีดีสาธิต การออกกำลังกายด้วย การหายใจแบบชี่ไดนามิกส์
รายละเอียดเข้าไปที่นี่ครับ
